ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 340 ชิวเสวียนเข้าสู่แดนมัชฌิม
บทที่ 340 ชิวเสวียนเข้าสู่แดนมัชฌิม
บทที่ 340 ชิวเสวียนเข้าสู่แดนมัชฌิม
ลู่หยวนเพิ่งออกจากห้องโถงแล้วเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก่อนจะพบฉินอี่หานรออยู่ไม่ไกล
เมื่อฉินอี่หานเห็นลู่หยวน ริมฝีปากสีแดงที่เดิมเม้มแน่นก็กลายเป็นรอยยิ้ม
นางก้าวมาข้างหน้าแล้วประสานมือทำความเคารพลู่หยวน “นายท่าน”
ลู่หยวนส่งเสียงอืมพลางเดินตามฉินอี่หานเข้าไปในห้องโถงใหญ่ที่ทุกคนรออยู่
ทันทีที่เข้าห้องโถง ก็พบพวกเสวียนเทียนชวนยืนเรียงแถวอยู่สองข้างราวกับคอยอยู่นานแล้ว
“นายท่าน!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
“นายท่าน!”
ทุกคนเข้ามาทักทาย
ลู่หยวนส่งเสียงอื้มขณะเดินเข้าห้องโถง
เสวียนเทียนชวนได้จัดระเบียบห้องโถงใหญ่ใหม่อีกครั้ง โดยแขวนแผนที่แดนมัชฌิมขนาดใหญ่ไว้ในแนวตั้งอยู่ทางกำแพงฝั่งหนึ่ง
โดยทำเครื่องหมายจำนวนมากไว้บนแผนที่
ลู่หยวนก้าวไปที่เก้าอี้หลัก หลังจากนั่งลง คนอื่นต่างกลับไปยืนเรียงแถวทั้งสองฝั่ง พวกเขานิ่งเงียบโดยที่ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
นอกจากฮ่วนซิงไป๋ ทุกคนต่างปรากฏตัวที่นี่
เสวียนเทียนชวนนั่งลงบนรถเข็นก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “นายท่าน เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้รับคำทำนาย เนื้อความคือโชคชะตาของราชวงศ์แดนมัชฌิมขอรับ”
สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่เสวียนเทียนชวน
โชคชะตาคือรากฐานของราชวงศ์
หากโชคชะตาหมดสิ้น ราชวงศ์นี้ก็จวนจะล่มสลาย!
ลู่หยวนเพียงเบือนสายตา เสวียนเทียนชวนจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ผลของการทำนายยิ่งแปลกประหลาดขอรับ”
“ผลของคำทำนายกล่าวไว้ว่า ‘น้ำในบ่อขัดสน’ ขอรับ!”
“คำทำนายนี้มีบ่อน้ำอยู่ด้านนอกและน้ำอยู่ด้านใน หากเชื่อมโยงกัน ย่อมหมายถึงโชคชะตา ถือเป็นลางดี แต่ถ้าน้ำจมลงก้นตลิ่งจนไม่เหลือน้ำในบ่อ บ่งบอกถึงหายนะครั้งใหญ่”
“พอทำนายมาถึงจุดนี้ ข้าก็ต้องการหยุดมือ แต่เมื่อกระดานทำนายตกลงพื้น รอยแตกสามรอยก็กระจายไปทั่ว ทำให้มันกลายเป็นการทำนายที่แตกต่างกันสามอย่าง”
“ความหมายของคำทำนายทั้งสามหนนี้คือ การทำลายล้าง การป้องกันและความมั่งคั่ง!”
“การทำลายล้างสื่อถึงราชวงศ์ตกต่ำ หลังจากนี้ ตระกูลกู่จะล่มสลาย ส่วนการป้องกันหมายถึงราชวงศ์ต้านทานหายนะครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งดีและร้าย แต่ก็ยืนหยัดได้เหมือนทุกที ความมั่งคั่งบ่งบอกถึงราชวงศ์จะใช้โอกาสนี้เพื่อขยายอำนาจจนรุ่งโรจน์ชัชวาล!”
เสวียนเทียนชวนมองลู่หยวนแล้วประสานมือทำความเคารพ สายตาของเขาหนักแน่น “ข้าครุ่นคิดอย่างหนักตลอดหลายวันมานี้ เกรงว่ารอยแยกทั้งสามรอยนี้จะสื่อถึงคนสามคนหรือสามกองกำลัง ข้าสงสัยว่าท่านเป็นอันดับแรก”
“แต่ข้ามีพรสวรรค์และความรู้น้อยนิด จึงทำได้เพียงคาดเดาว่าตำแหน่งของตระกูลชิวคือลำดับสอง ส่วนลำดับสาม… ข้าคิดไม่ออกว่าจะเป็นกองกำลังหรือคนใดในแดนมัชฌิม”
ลู่หยวนฟังสิ่งที่เขาบอกก่อนหลุบตาครุ่นคิดสักพัก จากนั้นพลันคลี่ยิ้มออกมา
“ตำแหน่งจักรพรรดิแดนมัชฌิม… อาจจะยังไม่เกิดการเปลี่ยนมือก็ได้ แต่คนเหล่านี้กลับร้อนรนแล้วหรือ?”
“มีการเคลื่อนไหวในตระกูลชิวบ้างหรือไม่?”
เมื่อเอ่ยจบประโยค ลู่หยวนก็เห็นกุ่ยซู่ยืนอยู่ข้างห้องโถง เขาประสานมือแล้วตอบด้วยความเคารพ “เรียนนายท่าน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตระกูลชิวได้กระจายกำลังเพื่อไปหาคนผู้หนึ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เรียกทุกคนกลับมาแล้วปิดประตูเงียบขอรับ!”
“หาคน? หาชิวเสวียนน่ะหรือ?”
“ขอรับ!”
ลู่หยวนเอนกายแล้วนั่งไขว้ขาอย่างเกียจคร้าน
“ตัวแปรที่สองอาจไม่ใช่ทั้งตระกูลชิว ข้าเกรงว่าจะเป็นเพียงคนผู้หนึ่ง…”
ลู่หยวนครุ่นคิดสักพัก ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “ข้าไม่เชื่อว่าไม่มีใครในตระกูลชิวทราบพลังที่แท้จริงของชิวเสวียน หากเขากลับมาในครั้งนี้ ไม่ช้าก็เร็วคนจากกองบัญชาการตระกูลชิวจะต้องออกตามหาเขา!”
“หากถึงตอนนั้น… อย่าปล่อยให้พวกเขาหาเจอ!”
“ยิ่งตระกูลชิวต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ ข้ายิ่งต้องการให้พวกเขาเป็นแนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้!”
…
ชานเมืองแดนมัชฌิม
ขุนเขารอบข้างเป็นสีเขียวทอดยาวไปไกล มีสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ข้างในลำพัง
ท่ามกลางขุนเขาจำนวนมาก นอกถ้ำลับแห่งหนึ่ง รอยประทับค่ายกลอันทรงพลังอย่างยิ่งหมุนวนไปมา ทำให้สัตว์ประหลาดซึ่งกำลังหาอาหารอดไม่ได้ที่จะถอยห่างเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนี้
คนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำอันมืดมิด ปราณวิญญาณซึ่งอยู่รอบข้างหมุนเวียนก่อนจะเติมเต็มทะเลลมปราณ
ผ่านไปหลายอึดใจ ปราณวิญญาณที่กำลังหมุนเวียนก็หายไป ก่อนชายผู้นั้นจะลืมตาขึ้น
เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากถ้ำ
ร่างนั้นก้าวออกจากถ้ำหลังค่ายกลจางหายไป แสงอาทิตย์พลันสาดกระทบใบหน้า ทำให้เห็นรูปลักษณ์ได้อย่างชัดเจน
คนผู้นี้คือชิวเสวียน!
ชิวเสวียนยืนอยู่บนแท่นนอกถ้ำขณะมองผืนป่ากว้างใหญ่ไพศาลรอบข้าง เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนลับ
สาเหตุที่เขาออกจากตระกูลชิวในครั้งนี้เพราะมีอุปสรรคขวางกั้น การบ่มเพาะพลังมารของเขาในตอนนี้ได้ดำเนินมาถึงภาวะคอขวดแล้ว
หลังจากมาถึงภาวะคอขวดก็มีเสียงดังมาจากส่วนลึกของจิตใจ
ชิวเสวียนครุ่นคิดซ้ำไปมา ก่อนจะตัดสินใจออกมาดู
หลังออกจากตระกูลชิว เขาจึงตัดสินใจทำตามหัวใจ เดินทางไปตามแดนมัชฌิม หลังจากนั้นก็มาถึงดินแดนลับ
เดิมเขาคิดว่าตอนเผชิญหน้ากับเศษเสี้ยวจิตสำนึกของราชันมาร ตนจะสามารถกลืนกินมันแล้วขัดเกลาพลังมารเพื่อหลอมร่างมารขึ้นมา
แต่คาดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะมีอีกคนปรากฏตัว!
ชายคนนั้นมีอุบายมากมาย ทั้งยังมีหอคอยแตกหักซึ่งคอยกลืนกินเศษเสี้ยวจิตสำนึกของราชันมารได้!
เขาเกือบจะเสียท่าด้วยซ้ำ!
ชิวเสวียนหรี่ตา แม้เขาจะอาศัยอยู่ในตระกูลชิว แต่ก็ไม่เคยก้าวออกจากกองบัญชาการตระกูลชิว
แต่เขาทราบถึงกฎเกณฑ์ของโลกนี้เช่นกัน การครอบครองร่างมารถือเป็นความผิดบาป!
หากตัวตนนี้ถูกแพร่งพราย แม้กระทั่งบรรพชนก็อาจจะปกป้องเขาไม่ได้!
ฉู่เชิ่ง…
ชิวเสวียนนึกถึงชื่อนี้ในใจ
มีเพียงคนผู้นี้ที่เคยเห็นรูปลักษณ์ของเมล็ดพันธุ์มาร!
ถึงพลาดโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นในครั้งนี้ แต่เขาจะหันหลังกลับไม่ได้!
ฉู่เชิ่งต้องตาย!
สายตาของชิวเสวียนจับจ้องไปไกล เขาจำได้ว่าตระกูลชิวได้ส่งคนกลุ่มหนึ่งมาตรวจสอบเรื่องของชิวชิงหลีที่แดนมัชฌิม!
ตอนนี้… พวกเขาน่าจะยังอยู่ในแดนมัชฌิม!
เมื่อชิวเสวียนตัดสินใจ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วทะยานสู่แดนมัชฌิม
หลังจากนั้นไม่นาน ชิวเสวียนก็มาถึงแดนมัชฌิม โดยปกปิดตัวตนด้วยชุดคลุมสีดำ เขานั่งอยู่ในโรงน้ำชาขณะจิบน้ำและสอบถามข่าวคราวจากเสี่ยวเอ้อร์
พวกเขาสนทนากันอย่างถูกคอจนทราบตำแหน่งปัจจุบันของตระกูลชิว แม้กระทั่งเรื่องราวทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นในแดนมัชฌิมก็ลอยมาเข้าหูของชิวเสวียนเช่นกัน
ชิวเสวียนได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของฉู่เชิ่งเช่นกัน
ชิวเสวียนมอบเงินจำนวนหนึ่งให้แก่เสี่ยวเอ้อร์ หลังอีกฝ่ายจากไปพร้อมรอยยิ้ม เขาก็ขมวดคิ้วแน่นขณะดื่มชาตรงหน้า จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าสู่ลานบ้านที่ตระกูลชิวอยู่
ชิวเสวียนไม่เดินผ่านทางเข้าหลัก แต่ค้นหาสถานที่ลับก่อนจะลอบเข้าไป
ทันทีที่เข้ามา เขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารพุ่งตรงเข้ามา
ชิวเสวียนกระตุ้นพลังแห่งวิถีคุณธรรมเพื่อปกคลุมร่างไว้โดยไม่รู้ตัว
จิตสังหารพลันนิ่งไป แล้วกระบี่ยาวก็ถูกดึงกลับไปพร้อมปราณกระบี่
ชิวเฟิงจู้พลันประสานมือทำความเคารพ “คารวะคุณชายใหญ่ อภัยให้ข้าที่เสียมารยาทเมื่อครู่ด้วย!”