ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 341 ฉู่เชิ่งเป็นเมล็ดพันธุ์มารหรือ
บทที่ 341 ฉู่เชิ่งเป็นเมล็ดพันธุ์มารหรือ?
บทที่ 341 ฉู่เชิ่งเป็นเมล็ดพันธุ์มารหรือ?
ชิวเฟิงจู้พลันสัมผัสได้ถึงพลังจากนอกลานบ้านตอนที่นั่งอยู่ในห้อง นางจึงหยิบกระบี่ขึ้นมาเพื่อหมายจะปลิดชีพ
แต่เมื่อมาถึง นางกลับพบกับผู้ชายสวมชุดคลุมสีดำ ซึ่งปกคลุมด้วยพลังแห่งวิถีคุณธรรมบริสุทธิ์
ชิวเฟิงจู้รู้จักพลังนี้!
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณชายใหญ่ชิวเสวียน ผู้มีสายเลือดของผู้อาวุโสใหญ่!
ชิวเฟิงจู้รีบหยุดกระบี่ก่อนจะประสานมือทำความเคารพ
“ไม่มีปัญหา”
ชิวเสวียนคลายการป้องกันของพลังแห่งวิถีคุณธรรมขณะเอ่ยอย่างแผ่วเบา
ชิวเฟิงจู้ลดมือลงพลางเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ไปไหนมาเจ้าคะ? ผู้อาวุโสใหญ่ในตระกูลวิตกกังวลมากจนสั่งให้เร่งตามหาเป็นการด่วน พวกข้าค้นหาอยู่หลายวันแต่ก็ไม่พบตัวท่าน ตอนแรกกำลังจะรายงานกลับไปเพื่อขอให้ทางตระกูลส่งคนมาเพิ่ม”
นางเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบและจิตใจไม่ปั่นป่วน ความจริงแล้วพวกนางออกค้นหาเพียงครึ่งวัน แต่ชิวเสวียนย่อมไม่ทราบเรื่องนี้ หาไม่แล้ว ด้วยนิสัยของผู้อาวุโสใหญ่ คนเหล่านั้นจะต้องถูกถลกหนังแม้จะรอดตายมาได้ก็ตาม
หลังจากเอ่ยจบ ชิวเฟิงจู้ก็ปกปิดความจริงที่พวกนางไม่พบชิวเสวียน
ชิวเสวียนไอออกมา เขาย่อมบอกไม่ได้ว่าไปที่ไหนมา หาไม่แล้วตัวตนในฐานะเมล็ดพันธุ์มารอาจถูกเปิดเผยได้!
เขายืนเอามือไพล่หลังขณะกวาดตามอง พร้อมครุ่นคิดคำพูดอยู่ในใจ
“ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ข้าไม่เคยออกข้างนอกมาก่อน แต่พอเห็นพวกเจ้าเข้าออกตระกูลชิวตลอดทั้งวัน ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าข้างนอกมันเป็นเช่นไร ดังนั้นข้าจึงตามออกมาเปิดหูเปิดตา”
ชิวเฟิงจู้อาจสัมผัสได้ว่าชิวเสวียนออกมาเพียงเพื่อมองดูโลก แต่ตอนนี้เขาได้เห็นจนพอใจแล้ว ก็เลยมาหาพวกนางเพื่อต้องการให้พากลับไป
จากนั้นนางก็เอ่ยว่า “ในเมื่อคุณชายใหญ่ได้เห็นโลกภายนอกแล้ว เหตุใดจึงไม่กลับบ้านโดยเร็วเพื่อคลายความกังวลของผู้อาวุโสใหญ่หรือเจ้าคะ? ข้าจะตระเตรียมคนคุ้มกันเพื่อพาท่านกลับไปเอง”
“ไม่ต้องกังวล”
ชิวเสวียนห้ามชิวเฟิงจู้ด้วยสีหน้ามืดมน “ข้ามาหาเจ้าเพราะเรื่องอื่น”
นางรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ
การปล่อยประมุขน้อยอยู่ภายในแดนมัชฌิมย่อมไม่ใช่เรื่องดี สถานการณ์ตอนนี้ละเอียดอ่อนเกินไป สิ่งที่เลวร้ายคือตระกูลชั้นสูงจำนวนมากกำลังเคลื่อนไหว ถึงตอนนั้น หากพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากตระกูล ย่อมไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามด้วยไม่ทราบว่าอย่างไหนดีอย่างไหนแย่!
แม้ชิวเฟิงจู้จะรู้เกี่ยวกับชิวเสวียนไม่มาก แต่นางก็ทราบเช่นกันว่าเด็กคนนี้ยังหนุ่มและมีกำลังวังชาล้นเหลือ
หากเขาอยู่ที่นี่แล้วพวกนางปกป้องไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร!
“งั้น… คุณชายใหญ่มีคำสั่งอะไรหรือไม่?”
ชิวเฟิงจู้ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
ชิวเสวียนย่อมมองออกว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้เขาอยู่ต่อ
หากฉู่เชิ่งไม่เห็นตัวตนของเมล็ดพันธุ์ เขาคงกลับไปนานแล้ว เหตุใดต้องมารบกวนเจ้าด้วยเล่า?!
ชิวเสวียนสะกดอารมณ์เอาไว้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถจัดการเรื่องสังหารฉู่เชิ่งเพียงลำพังได้!
“เจ้าเคยได้ยินชื่อของฉู่เชิ่งหรือไม่?”
ชิวเฟิงจู้พลันเงยหน้าขณะดวงตาทอประกายด้วยความประหลาดใจ “เคยได้ยินเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงถามถึงคนผู้นี้หรือ?”
ชิวเสวียนเล่าทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ให้อีกฝ่ายฟัง
“ฉู่เชิ่งคือเมล็ดพันธุ์มาร!”
ดวงตาของชิวเฟิงจู้พลันหดตัว “ว่าอย่างไรนะ?!”
ใบหน้าของชิวเสวียนยิ่งจริงจังขณะที่สายตามืดมนลง ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเชื่อมากขึ้น
อารมณ์ทั้งหลายพลันผุดขึ้นในใจของชิวเฟิงจู้ ฉู่เชิ่งคือเมล็ดพันธุ์มารอย่างนั้นหรือ?!
ปะ…เป็นไปได้อย่างไร?!
ฉู่เชิ่งเคยอยู่กับพวกนางมาสักพัก แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นถึงร่องรอยของเมล็ดพันธุ์มารในตัวอีกฝ่ายแม้แต่คนเดียว!
ชิวเสวียนลังเลเมื่อเห็นสีหน้าของชิวเฟิงจู้ จึงเอ่ยต่อ “ไม่กี่วันก่อน ข้าพบเขาที่ชานเมืองของแดนมัชฌิม ในตอนนั้น เขากำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดขั้นเทียมเทพ มันครอบครองสายเลือดของสัตว์เทวะจึงเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล ข้าเห็นเขากำลังสำแดงรูปลักษณ์มารเต็มสองตาเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ก่อนที่จะฆ่ามัน!”
“พอเห็นอย่างนั้นก็เลยเข้าไปต่อสู้กับเขา คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังมากเสียจนจัดการกับอุบายทั้งหมด ทั้งยังทำให้ข้าบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชาลับประจำตระกูล เกรงว่าคงตายไปแล้ว!”
สิ่งที่ชิวเสวียนกล่าวมีความชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผล ผู้ที่ได้ฟังย่อมเชื่อสนิทใจ
ชิวเฟิงจู้คิดตามคำพูดของอีกฝ่ายอยู่ในใจก่อนจะลอบยิ้มออกมา
อีกฝ่ายเห็นฉู่เชิ่งสำแดงรูปลักษณ์มารกับตา!
หากฉู่เชิ่งมีเมล็ดพันธุ์มาร เขาก็สมควรตาย!
นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ชิวชิงหลีเคยไปมาหาสู่กับฉู่เชิ่ง!
แม้กระทั่งองครักษ์ของชิวชิงหลีผู้เคยถูกทุบตีปางตาย ก็ยังยอมรับว่ามีปฏิสัมพันธ์บางอย่างระหว่างชิวชิงหลีกับฉู่เชิ่ง
ยิ่งกว่านั้น ชิวชิงหลียังมอบสมบัติและทรัพยากรลับสำหรับการบ่มเพาะให้แก่ฉู่เชิ่งเป็นจำนวนมาก!
ช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์มาร…
มันคืออาชญากรรมร้ายแรง…
ชิวชิงหลีทำขนาดนี้ แต่ยังอยู่รอดมาได้อีกหรือ?!
ชิวเฟิงจู้สะกดความยินดีไว้ในใจก่อนจะประสานมือทำความเคารพชิวเสวียน “เข้าใจแล้ว ข้าจะส่งคนไปฆ่าฉู่เชิ่งให้เอง!”
ชิวเสวียนพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “บาดแผลของข้ายังไม่หายดี จำเป็นต้องพักที่นี่สักระยะ เจ้าช่วยเตรียมห้องให้ที”
ชิวเฟิงจู้นิ่งไปสักพัก จากนั้นเอ่ยตามตรง “คุณชายใหญ่ สถานะของท่านสูงส่ง หากอยู่ที่นี่จะออกไปไหนมาไหนไม่ได้ อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในแดนมัชฌิมด้วย!”
ชิวเสวียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจดี ไม่ต้องห่วง ข้าแค่ต้องการพักฟื้น ไม่ออกไปไหนหรอก”
ชิวเฟิงจู้โล่งอก ก่อนสั่งคนให้ไปทำความสะอาดห้องเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้าพัก
เมื่อชิวหลิงทราบว่าชิวเสวียนกำลังจะมา นางก็ไม่อาจปกปิดรอยยิ้มได้ ก่อนตรงไปทำหน้าที่รับใช้ทันที
ชิวเฟิงจู้ลอบขอให้นางจับตาดูอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกำชับว่าอย่าให้ออกจากลานบ้านไปได้เป็นอันขาด
ชิวเฟิงจู้กระจายกำลังคนบางส่วนเพื่อสืบหาเกี่ยวกับร่องรอยของฉู่เชิ่ง จากนั้นเล่าถึงสิ่งที่ชิวเสวียนบอกในวันนี้ลงบนยันต์ ก่อนจะส่งกลับกองบัญชาการตระกูลชิว!
…
ที่สุดขอบแดนมัชฌิม ฉู่เชิ่งกำลังนั่งอยู่ในดินแดนลับของสุสานอันทรงพลัง
ไอความร้อนระหว่างฟ้าดินสุดจะทานทน เปลวเพลิงรอบข้างโหมกระหน่ำอยู่บนพื้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะแผดเผาสรรพสิ่งจนมอดไหม้
ฉู่เชิ่งกำลังนั่งอยู่เหนือเปลวไฟเหล่านี้ ชุดของเขาจึงถูกแผดเผาจนไม่เหลือ
เพลิงเหล่านี้แผ่ปราณวิญญาณออกมาขณะที่หลั่งไหลตรงเข้าสู่ทะเลปราณของเขา
ฉู่เชิ่งนั่งขัดสมาธิขณะถือบางสิ่งที่มีรูปทรงเหมือนกับเมล็ดพันธุ์เอาไว้ในมือ
เมล็ดนี้มีหน่อขนาดเล็กโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง มันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีดำอ่อน
เพลิงนั้นพลันลุกโชน ทำให้เปลวเพลิงรอบข้างฉู่เชิ่งอ่อนกำลังและหมองหม่นราวกับแสดงท่าทียอมจำนน
ทันใดนั้น!
เมื่อฉู่เชิ่งลืมตาขึ้น เขาก็ประสานมือ
พลังทั้งหมดในร่างกายพุ่งตรงไปยังเมล็ดพันธุ์ในมือ
“วิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพปรากฏ!”
สิ้นเสียงลุ่มลึกของฉู่เชิ่ง พลังอันทรงอานุภาพก็ทะยานออกมาจากร่างของเขา
เปลวเพลิงในฝ่ามือพลันพลุ่งพล่านขณะปกคลุมทั่วร่างกายเอาไว้
เปลวเพลิงรอบข้างพลันร่นถอยออกไปราวกับหวาดกลัวบางสิ่ง
ร่างหนึ่งซึ่งมองเห็นได้อย่างเลือนรางพยายามดิ้นรนเพื่อยืนหยัดอยู่ภายในเพลิงซึ่งสูงตระหง่านดุจต้นเสา มันสูญสลายไปอย่างรวดเร็วขณะยังคงส่งเสียงตะโกนออกมา “ฝึกฝนเพื่อข้า!”