ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 343 ไว้ทุกข์
บทที่ 343 ไว้ทุกข์
บทที่ 343 ไว้ทุกข์
ฉู่เชิ่งสะบัดมือท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน แล้วเปลวเพลิงเร้นลับก็ทะยานออกไปกลืนกินค่ายกลที่เหลืออยู่ทั้งหมด
ทุกคนประหลาดใจขณะแน่นิ่งอยู่กับที่
ฉู่เชิ่งสาวเท้าจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมา
ผ่านไปพักใหญ่ ทุกคนจึงสงบสติลง
“ฉู่เชิ่งทะลวงระดับสูงได้งั้นหรือ?! ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในแผ่นดินหยวนหงมาก่อน! เขาทำได้อย่างไร?!”
“หากเด็กคนนี้เติบใหญ่ขึ้นมา ย่อมกลายเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดอีกคนในแผ่นดินแน่นอน!”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาคือผู้สืบทอดสายตรงของสำนักดาบในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์! นับว่าไม่ธรรมดา!”
“เจ้าเคยบอกว่าสำนักดาบถูกทำลายจนสิ้นแล้วไม่ใช่หรือ? ทุกคนบนยอดเขาดาบตายไปแล้ว เหตุใดฉู่เชิ่งถึงยังมีชีวิตอยู่?”
“ชู่ว์ พี่ชายเบาหน่อย!”
ฉู่เชิ่งเดินออกจากที่นี่ท่ามกลางความสับสนของทุกคน ร่างผอมสูงและกำยำของเขาทำให้ผู้คนต่างจินตนาการไม่มีสิ้นสุด
สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อออกจากดินแดนลับคือตามหาสถานที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อนสักพัก หลังจากใช้พลังจนชำนาญแล้วจึงกางแผนที่ออกมา
แผนที่นี้ถูกพบในส่วนลึกของดินแดนลับที่เขาได้รับเพลิงเร้นลับมา!
เมื่อกางออก เขาพบสิ่งปลูกสร้างและเส้นทางบางส่วนที่ถูกขีดเขียนเป็นเส้นร่าง ระหว่างพวกมันมีการใช้ปลายพู่กันเพื่อเน้นตำแหน่งที่สำคัญ
ถัดจากที่นี่ไปมีข้อความเขียนว่า ‘ดาบสามคมฉิวหลง’!
หัวใจของฉู่เชิ่งแข็งทื่อเมื่ออ่านข้อความนี้จบ
ตอนเข้าสู่หอคอยสวรรค์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เขาเคยเห็นชื่อของอาวุธชิ้นนี้ในตำราบางเล่ม!
ดาบสามคมฉิวหลงถูกหลอมโดยปรมาจารย์ดาบเมื่อหลายแสนปีก่อน!
วัตถุดิบในการหลอมเป็นก้อนเหล็กดำขอบเขตขีดสุดซึ่งได้มาจากเขาบูรพา ส่วนเปลวเพลิงที่ใช้หลอมแผดเผานานกว่าสามร้อยวันไม่มีพัก ปรมาจารย์ดาบพยายามใช้หลายวิธี แต่ก็ไม่สามารถขัดเกลาเหล็กดังกล่าวได้
ในที่สุดฉิวหลงก็ถูกโยนเข้าเตาหลอม ทำให้เปลวเพลิงกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง จนในที่สุดเหล็กดำขอบเขตขีดสุดก็ถูกหลอม!
เมื่อดาบอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สัตว์ประหลาดในระยะหลายร้อยลี้ต่างคุกเข่าสักการะ เสียงคำรามของมังกรยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนท้องนภา สิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับสมบัติลับได้ถือกำเนิดขึ้น
ดาบเล่มนี้มีสามคม ปรมาจารย์ดาบจึงตั้งชื่อมันว่าดาบสามคมฉิวหลง!
ดาบเล่มนี้อยู่กับปรมาจารย์ดาบมาหลายปี จนมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในที่สุดหลังจากอีกฝ่ายถึงแก่ความตาย
เพราะฉิวหลงที่ปรมาจารย์ดาบใช้ในตอนนั้นมาจากดินแดนแห่งเพลิงวิญญาณ ว่ากันว่าหากคนที่มีเพลิงวิญญาณใช้ดาบเล่มนี้ก็จะสามารถอัญเชิญวิญญาณของมันที่รอดชีวิตออกมาได้ ทำให้พลังของดาบเล่มนี้เพิ่มจากระดับจักรพรรดิเป็นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์!
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ ทุกวันนี้จึงมีเพียงชื่อที่หลงเหลืออยู่ในโลกโดยที่ไม่มีใครใช้มัน พลังของดาบเล่มนี้เป็นเพียงหัวข้อที่ผู้คนสนทนาหลังดื่มชาเท่านั้น
หากคนอื่นมาเห็นแผนที่ พวกเขาอาจตื่นเต้นชั่วขณะ ถึงอย่างไรดาบสามคมฉิวหลงเล่มนี้ก็เป็นของดี!
แต่หากสงบสติแล้วดูให้ดี ความกระตือรือร้นในใจของพวกเขาจะหายไป พวกเขามองไม่ออกว่าภาพวาดดังกล่าวคืออะไร ถึงอย่างไรมันก็เป็นลายเส้นที่วาดแบบไม่ตั้งใจ
“นี่อะไร?”
ฉู่เชิ่งหยิบแผนที่มาดูอย่างละเอียด จากนั้นพลิกมองสถานที่สำคัญไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะแย้มยิ้มออกมา
“กลายเป็นว่าแผนที่นี้ระบุตำแหน่งของเนินหลังวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม!”
หลังจากฉู่เชิ่งเข้าวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม เขาก็ได้เดินชมบริเวณส่วนใหญ่ ก่อนจะหลงเข้าไปในสุสานของวังจักรพรรดิโดยไม่ตั้งใจ
แม้แผนที่นี้จะเรียบง่าย แต่ก็มากพอที่จะทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน!
ฉู่เชิ่งเก็บแผนที่แล้วมองไปทางแดนมัชฌิม
ดาบสามคมฉิวหลงเล่มนี้คืออาวุธหายาก!
เขาในตอนนี้ขาดแคลนอาวุธ ดาบสามคมฉิวหลงไม่เพียงอยู่ระดับจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังได้รับการเสริมพลังจากเพลิงสวรรค์ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ!
แม้ลู่หยวนจะปรากฏตัวในแดนมัชฌิม แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
ขอเพียงให้ความสนใจอีกเล็กน้อย เขาก็จะไม่ถูกอีกฝ่ายกำราบเหมือนคราวที่แล้ว!
เมื่อฉู่เชิ่งตัดสินใจ ก็เตรียมมุ่งหน้าสู่แดนมัชฌิม
…
แดนมัชฌิมเต็มไปด้วยหมู่เมฆสีดำมาหลายวัน ทว่ากลับไม่มีวี่แววของฝนตกสักนิด
ทั้งกลุ่มเมฆทมิฬและสายลมเย็นเยือก ทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ใจ
ตระกูลทั้งหลายต้องการจะสอบถามตระกูลฮ่วน แต่พวกเขาต่างถูกห้ามไว้ ทำให้ต้องเฝ้ารออยู่หลายวันโดยที่ไม่ได้พบฮ่วนซิงไป๋
ประตูพยัคฆ์ของวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมถูกปิดอย่างแน่นหนา แม้การเปลี่ยนเวรยามเข้าออกขององครักษ์จะเป็นไปตามปกติ แต่ถ้าเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมก็จะทราบทันทีว่ากำลังของคนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
ยอดฝีมือผู้อยู่ขั้นเทียมเทพถูกส่งมาประจำประตูวัง ภายในมือถืออาวุธขณะยืนเฝ้าอย่างหนักแน่นไม่ไปไหน
ดินแดนลับซึ่งอยู่ในวังจักรพรรดิพังทลาย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่คาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ อีกไม่นานพวกเขาจะสูญเสียความหยิ่งยโส ก่อนมุ่งหน้าไปหามู่พ่านซาน
หลังจากมู่พ่านซานปรับลมหายใจ เขาจึงทราบว่าเนี่ยอิ่งได้เข้าไปในดินแดนลับ ผ่านไปสักพัก หัวใจของเขาก็ดิ่งวูบจนแทบจะหายใจไม่ออก
หากไม่ยืนกรานที่จะไล่ตามลู่หยวน เขาจะยอมให้จักรพรรดินีถูกลักพาตัวไปได้อย่างไร?!
เหตุใดเรื่องราวถึงมาลงเอยเช่นนี้?!
มู่พ่านซานผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้มีสีหน้าหมองหม่น
ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างต่างรู้สึกหวาดกลัวอยู่หลายครั้ง
ถึงกระนั้นก็มีคนผู้หนึ่งกัดฟันแล้วก้าวมาข้างหน้า เขาประสานมือทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “นายท่าน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเศร้าโศกเสียใจนะขอรับ!”
“ตอนนี้เรื่องทั้งหลายต่างล่าช้าไปหมดจนตระกูลชั้นสูงจำนวนมากต่างทราบแล้วว่าจักรพรรดินี… พวกเขาส่วนใหญ่อาจมีความคิดอยู่ในใจแล้ว แต่ยังไม่กล้าที่จะลงมือ! เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือขอให้ฝ่าบาทออกมาควบคุมสถานการณ์ก่อน!”
ฝ่าบาทที่คนผู้นี้เอ่ยถึงก็คือกู่อี้เจี้ยน!
มู่พ่านซานจะไม่ทราบได้อย่างไร?
หากไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้สถานการณ์สงบลง ถึงวันนี้จะทำให้พวกเขายอมถอยกลับไปจนไม่มาสร้างปัญหากับวังจักรพรรดิได้สักพัก แต่พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีการต่อสู้ทั่วทุกหัวระแหง!
มีเมืองมากกว่าเก้าสิบแห่งอยู่ในแดนมัชฌิม แต่ละที่มีสำนักและตระกูลน้อยใหญ่อยู่หลายพัน
คนเหล่านี้อยู่อย่างสงบสุขโดยที่ไม่ทะเลาะกันก็เพราะมีวังจักรพรรดิคอยควบคุม
แต่ถ้าเกิดไม่มีเวลาดูแลขึ้นมา พวกเขาก็อาจลงมือทำอะไรบางอย่าง
ถึงตอนนั้น เมื่อสงครามอุบัติขึ้น ตระกูลน้อยใหญ่ย่อมมีความคิดที่จะเคลื่อนไหว!
ถึงตอนนั้นแดนมัชฌิมก็จะตกอยู่ในความโกลาหล!
“ข้ารู้อยู่แล้ว!”
มู่พ่านซานสะกดความคิดทั้งหมดเอาไว้ภายในใจ “ถ้าอย่างนั้น หลังจากนี้ ข้าจะเป็นคนบอกพวกเขาเองว่าจักรพรรดินี… สวรรคตแล้ว ส่วนเรื่องฝ่าบาท ข้าจะเป็นคนไปเชิญด้วยตัวเอง!”
เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่สุสานกระบี่
หลังจากได้รับคำสั่ง ผู้คนบางส่วนต่างประสานมือทำความเคารพก่อนจะแยกย้ายไปจัดการเรื่องของตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงหมองหม่นก็ดังมาจากแดนมัชฌิมเหมือนทุกครั้ง
เหง่งหง่าง!
เสียงของมันเหมือนกับระฆังขนาดใหญ่ที่ดังก้องไปทั่วทั้งแดนมัชฌิม
ไม่ว่าจะท้องถนนหรือจวนตระกูลต่าง ๆ ล้วนหยุดสิ่งที่ทำขณะมองไปทางวังจักรพรรดิ