ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 349 ลงมือ!
บทที่ 349 ลงมือ!
บทที่ 349 ลงมือ!
หลังจากเงียบไปสักพัก แดนมัชฌิมอันกว้างใหญ่ก็เกิดความผิดปกติ โดยมีกลุ่มคนมารวมตัวกันในบริเวณใกล้เคียงอย่างเงียบงัน
ผู้คนนับร้อยเหล่านี้ต่างรวมตัวกันในลานบ้านอันเงียบสงบขณะมองหน้ากัน!
เยวี่ยตงไห่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนเหล่านี้พลางกวาดสายตามอง พลันแผ่พลังออกมา ก่อนเอ่ยว่า “ทุกท่านมารวมตัวกันที่นี่ ย่อมทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้!”
“ข้าต้องการพูดแค่เรื่องเดียว หากการต่อสู้ครั้งนี้ล้มเหลว เช่นนั้นพวกท่านกับข้าก็ต้องมุ่งหน้าสู่วังแห่งราชันนรกเพื่อกลายเป็นพี่น้องกันอีกครั้ง! แต่ถ้าสำเร็จ! พวกเราจะเป็นผู้อยู่จุดสูงสุดในแดนมัชฌิม!”
เมื่อเยวี่ยตงไห่ยื่นมือออกไป สมาชิกตระกูลเยวี่ยทั้งหลายผู้เรียงแถวอยู่ด้านหลังก็เคลื่อนไหว พวกเขาถืออาวุธไว้มั่นราวกับพร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ทุกเมื่อ!
ซุยชิงหยางผู้อยู่ข้างกายก้าวนำมาข้างหน้า ขณะหยิบง้าวออกมาจากแหวนเก็บของ ก่อนจะมอบมันให้แก่อีกฝ่ายด้วยสองมือ
“นี่คืออาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์… ง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง!”
เสียงคำรามอันแผ่วเบาของมังกรดังขึ้นทันทีที่ง้าวถูกนำออกมา ทำให้ทุกคนพลันรู้สึกได้ถึงพลังที่กดทับลงบนบ่า
เยวี่ยตงไห่ชำเลืองมองสิ่งที่ซุยชิงหยางมอบให้ตรงหน้า ก่อนดวงตาจะทอประกายด้วยความยินดี
ง้าวตรงหน้าเขาคืออาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์!
ซุยชิงหยางไม่ได้โกหก!
ตัวง้าวมังกรครามแปดแดนร้างล้วนเป็นสีคราม พื้นผิวของอาวุธมีรูปแกะสลักนูนของมังกรกำลังกลืนกิน โดยลำตัวของมันกำลังขดม้วน ในขณะที่ปากขนาดใหญ่ที่อ้าออกเล็กน้อย ส่วนปลายอันแหลมคมยื่นตรงออกไปข้างหน้า
เยวี่ยตงไห่หลุบตาเมื่อสัมผัสได้ว่ามังกรที่บนง้าวคล้ายกับมีชีวิต!
เขาเพียงชำเลืองมองก็ยังรู้สึกตีบตันในลำคอ! ราวกับเสียงคำรามทุ้มต่ำดังแว่วมา ดุจมังกรครามมีชีวิตแล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหู!
“รบกวนนายท่านถือง้าวไว้ด้วย!”
ซุยชิงหยางตะโกนเสียงดัง!
ยามนี้เยวี่ยตงไห่กลับมามีสติขณะที่สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องอยู่!
เขายื่นมือออกไปคว้าง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง แล้วพลังอันแกร่งกล้าก็เคลื่อนจากอาวุธเข้าสู่ร่างกาย!
“ลงมือ!”
เยวี่ยตงไห่สะบัดง้าวแล้วชี้ไปทางวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม!
สมาชิกตระกูลทั้งหลายผู้อยู่เบื้องล่างพุ่งเข้าหาวังจักรพรรดิทันที!
“ฆ่า!”
ทุกคนกุมอาวุธไว้มั่นขณะจับจ้องไปที่เป้าหมายเดียวกัน!
เยวี่ยตงไห่และประมุขตระกูลอื่นตามติดไม่ห่าง
ซุยชิงหยางเคลื่อนตามหลัง มือขวาซึ่งซ่อนอยู่ในชุดคลุมขยับเล็กน้อย แล้วยันต์ก็ถูกขว้างออกไป
กลุ่มคนมาอยู่นอกวังจักรพรรดิในชั่วพริบตา ส่วนเหล่าองครักษ์ถืออาวุธก่อนจะเริ่มทำการต่อสู้
มู่พ่านซานนั่งอยู่ใจกลางเมืองขณะมองฝูงชนที่ไหลหลั่งเข้ามาสังหารอย่างเย็นชา ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “ไม่นึกเลยว่าคลื่นสังหารระลอกแรกจะเป็นตระกูลไร้ค่าจำนวนมากขนาดนี้!”
“เหอะ… รนหาที่ตาย!”
มู่พ่านซานเลือกที่จะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ ที่ประตูทั่วทุกทิศทางของวังจักรพรรดิล้วนมียอดฝีมือขั้นเทียมเทพติดอาวุธประจำการอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน
พวกเขาทราบดีเช่นกันว่ากลุ่มคนที่เข้ามาสังหารครั้งนี้เป็นเพียงมดปลวก การเข้าไปประมือกับอีกฝ่ายย่อมเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์!
ตระกูลใหญ่แท้จริงที่จะลงมือหลังจากนี้ต่างหากคือกลุ่มที่ต้องจัดการ!
เสียงต่อสู้ยังคงดังอย่างต่อเนื่องบริเวณนอกประตูจัตุรัสทั้งสี่ด้านของวังจักรพรรดิ เสียงตะโกนพลันเซ็งแซ่ไปทั่วหล้า
ตระกูลชั้นสูงบางส่วนไม่อาจทนไหวอีกต่อไป ก่อนจะระดมกำลังเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน
เพียงหนึ่งถ้วยชา แปดถึงเก้าตระกูลก็เข้าผสมโรง
องครักษ์ของวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมเริ่มขัดขืนไม่ได้แล้ว!
ยอดฝีมือทั้งหลายผู้อยู่ขั้นเทียมเทพเคลื่อนไหวทันที พร้อมกับองครักษ์ทั้งหมดร่นถอยเข้ามา
กำแพงปรากฏขึ้นจากอากาศบริเวณทางเข้าของวังจักรพรรดิทั่วทุกหนแห่ง เมื่อคนทั้งหลายที่มาถึงจุดหมาย พลันเห็นว่ามีกำแพงกำลังขวางพวกเขาไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า พลังอันลึกล้ำของพวกเขาโคจรพลังการบ่มเพาะทั้งหมด แล้วทะยานเข้าไปอย่างเกรี้ยวกราด
หลายคนเข้ามาได้ก่อนประตูวังจะปิดลงอย่างสมบูรณ์ แต่ยังไม่ทันได้ตื่นเต้นก็พบประกายกระบี่กวาดผ่านอากาศ คร่าชีวิตของผู้คนไปกว่าครึ่งในชั่วพริบตา!
โลหิตของผู้คนจำนวนมากสาดกระเซ็นบนกำแพง ทำให้คนที่เพิ่งไล่ตามมาทันมองเห็นเบื้องหน้าได้ไม่ชัดเจน
ผ่านไปสักพัก คนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ด้านนอกก็หยุดนิ่งพร้อมกับถืออาวุธไว้ในมือมั่น จิตสังหารในดวงตายังไม่จางหาย เบื้องหน้าของคนนับร้อยยังคงถูกย้อมด้วยโลหิตจนต้องกลั้นหายใจราวกับยังไม่ทันลงมือเรื่องก็จบเสียแล้ว!
กำแพงเบื้องหน้าคือสิ่งที่ปกป้องวังจักรพรรดิเอาไว้ คนธรรมดาไม่อาจเปิดได้ ผู้ที่พวกเขากำลังสังหารเมื่อครู่อยู่เพียงขั้นเทียมเซียน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าห้ำหั่นกับองครักษ์เหล่านั้น และค่ายกลนี้ก็มิอาจพิชิตได้ด้วยกำลัง!
เมื่อทุกคนกำลังสงสัยว่าจะทำอย่างไรต่อไป เสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังฝูงชน!
“หลีกไป!”
ทุกคนตอบรับด้วยการหลีกถอยไปยังทั้งสองข้างทาง ก่อนจะพบว่าเยวี่ยตงไห่กำลังตรงเข้ามาพร้อมกับง้าว โดยมีร่างมังกรครามกลุ่มหนึ่งโคจรอยู่ข้างกาย ย่างก้าวของเขามั่นคงและทรงพลังประหนึ่งเสียงหัวใจเต้นของทุกคน
เยวี่ยตงไห่เงยหน้าขึ้น ชุดคลุมพลิ้วไหวไปตามสายลม ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูผึ่งผายสง่างาม!
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกยำเกรงเมื่อเห็นอีกฝ่าย
เยวี่ยตงไห่เดินอยู่นอกกำแพงพลางตวัดง้าว พลังอันมหาศาลพลันทะยานออกมาจากร่างกาย!
เพียงชั่วพริบตา การบ่มเพาะของเขาก็สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลายเท่า ทั้งยังทะยานสู่ระดับสมบูรณ์ของขั้นปรมาจารย์ยุทธ์!
“แผดเผาเส้นชีพจรหัวใจ เยวี่ยตงไห่ผู้นี้เอาจริง!”
ประมุขของตระกูลใดไม่ทราบพลันเอ่ยคำนี้จากหลังฝูงชน
ผู้ที่มีการบ่มเพาะตื้นเขินย่อมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเยวี่ยตงไห่ แต่ผู้ที่ก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ย่อมมองออกแต่แรกเห็น!
พวกเขาพบว่าปราณวิญญาณตามแขนขาและกระดูกของอีกฝ่ายกำลังไหลเวียนอย่างรวดเร็ว และความเร็วของพวกมันก็มากกว่าปกติหลายสิบเท่า!
แหล่งกำเนิดเส้นชีพจรหัวใจเริ่มแผดเผาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังจากทะเลปราณจิตเทวะในยามนี้ระดมกำลังจนถึงขีดสุด!
การแผดเผาหัวใจสามารถพัฒนาระดับการบ่มเพาะในเวลาอันสั้นได้ก็จริง แต่เยวี่ยตงไห่เพียงประคองมันไว้ได้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น!
เขาจะตายหากไม่สามารถรุกคืบเข้าสู่วังจักรพรรดิภายในระยะเวลาดังกล่าวได้ ทำให้ตระกูลเยวี่ยสูญสิ้นผู้บัญชาการของการบุกครั้งนี้!
“เยวี่ยตงไห่ยอมไปตายเอาดาบหน้า! ปกติเห็นทำตัวเหนียมอายและสุภาพต่อหน้าผู้อื่น คาดไม่ถึงว่ายามนี้จะทำตัวอาจหาญเพื่อนำคนในแดนมัชฌิมบุกเข้าโจมตี! หากตระกูลเยวี่ยไม่ตกต่ำก็อาจจะเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ในแดนมัชฌิมได้ด้วยความมั่งคั่งของเขา!”
“เหอะ! แต่ตระกูลเยวี่ยตกอยู่ในความสิ้นหวังแล้ว ถึงแม้ข้าจะนับถือจากใจจริง แต่ต้องบอกตามตรงว่าหากเป็นคนแรกที่เปิดฉากโจมตี เขาจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน! เปิดเผยตัวแบบนี้รังแต่จะเจอปัญหา!”
“ถูกต้อง แต่ตัวตนแบบนั้นก็ทำให้พวกเราได้รับผลประโยชน์ที่ดียิ่งกว่า! แค่เดินไปตามทางที่เขาสร้างไว้ก็พอแล้ว หากภายภาคหน้าได้เป็นใหญ่ ข้าจะไม่ลืมการบุกเบิกของเยวี่ยตงไห่ในวันนี้!”