ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 354 บดขยี้สังหารตระกูล
บทที่ 354 บดขยี้สังหารตระกูล
บทที่ 354 บดขยี้สังหารตระกูล
“คนที่สองเป็นใครหรือ?”
เจียงเชียนชิวถามต่อ
“คนที่สองคือตระกูลชิว ตัวตนของพวกเขาไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่แรก ความแข็งแกร่งยากจะเข้าใจ การดำรงอยู่จึงเปรียบได้กับสัญลักษณ์ ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่ตระกูลอื่นทำไม่ได้”
“ตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมมีชื่อเสียงแค่ไหนหรือ? อันที่จริง ตระกูลทั้งหลายไม่ได้เก็บมาคิดจริงจัง ตระกูลชิวในสายตาของพวกเขาเป็นเพียงธงเท่านั้น! หากจำเป็น มันก็เป็นสิ่งที่หายาก แต่เมื่อไม่ต้องการ ธงที่พวกเขาเคยช่วงชิงก็จะกลายเป็นพันธนาการ!”
“สามแสนปี! ตระกูลชิวอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งยังได้รับความเคารพจากตระกูลชั้นสูงอีกมากมาย แสดงว่าจะต้องมีใครบางคนในตระกูลที่คอยวางแผนทั้งหมดอยู่เป็นแน่!”
“เส้นชีพจรจักรพรรดิคือตัวตนหายากสำหรับพวกเขาเช่นกัน! แดนมัชฌิมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเขาจะฉวยโอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนจากตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมไปเป็นราชวงศ์ชิวได้หรือไม่ นั่นหมายความว่าเส้นทางอนาคตของพวกเขาจะต้องแตกต่างไปจากเดิมแน่นอน!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาของหลี่เจียงหนานพลันเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
“หากข้าคือคนที่รับผิดชอบตระกูลชิวแล้วมีความแข็งแกร่งมากพอ มันก็คุ้มที่จะเดิมพัน! ข้าไม่เพียงจะกลายเป็นสมาชิกของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นสมาชิกของราชวงศ์อีกด้วย! ข้าต้องการทำให้ธงที่พวกเขาเคยช่วงชิงหันมากดหัวผู้คน แล้วทำให้ยอมจำนนไปตลอดกาล!”
เจียงเชียนชิวพยักหน้าขณะตั้งใจฟังอย่างกระตือรือร้น
หลี่เจียงหนานคิดคำนวณเสร็จสรรพ แม้เจียงเชียนชิวจะไม่ทราบว่าลู่หยวนกับตระกูลชิวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าพี่หลี่บอกว่าใช่ก็คือใช่!
คำพูดเหล่านี้จะถึงหูผู้อื่นไม่ได้ หาไม่แล้วลู่หยวนกับตระกูลชิวจะต้องมาฆ่าปิดปากหลังจากทราบเรื่องอย่างแน่นอน!
แต่หลี่เจียงหนานเปิดเผยความคิดของพวกเขาจนหมดเปลือก!
“แล้วสองกองกำลังสุดท้ายล่ะ?”
หลี่เจียงหนานบอกว่ามีสี่คน แต่เขาพูดออกมาเพียงสองคน
หลี่เจียงหนานมองตรงไปที่เจียงเชียนชิว “กองกำลังที่สามคือเจ้าพี่เจียงนั่นแหละ!”
“ข้าหรือ?!”
เจียงเชียนชิวประหลาดใจ แต่ในใจลึก ๆ ของเขาย่อมต้องการจะช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิ!
ใครบ้างที่ไม่อยากได้โชคชะตาของจักรพรรดิ?!
เวลาเดินไปที่ใด ผู้คนจะต้องตะโกนด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท!”
เมื่อเจียงเชียนชิวคิดถึงตรงนี้ ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แต่เขาทราบเช่นกันว่าความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำ กำลังของตระกูลชั้นสูงทั้งหลายต่างก็เหนือกว่า ทั้งตอนนี้ยังมีเพียงคนที่เขาจ้างมาเท่านั้นที่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง
กองบัญชาการตระกูลเจียงยังคงรอคอยและเฝ้ามอง
พวกเขาเพิ่งได้รับข่าวว่ามีใครบางคนในตระกูลแนะนำให้รอจนกระทั่งเส้นชีพจรจักรพรรดิตกอยู่ในมือของผู้อื่น สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงแสดงความยินดีและสรรเสริญตระกูลที่ได้รับมันให้เร็วที่สุด!
ถึงตอนนั้น ตระกูลนั้นจะต้องจดจำคำสรรเสริญของตระกูลเจียง ทำให้ภายภาคหน้ามีจุดยืนอยู่ในแดนมัชฌิม!
ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องเสียกำลังแม้แต่คนเดียว!
หลังจากเจียงเชียนชิวทราบข่าว เขาหวังว่าจะได้ถ่มน้ำลายใส่คนผู้นั้น!
นี่มันความคิดบ้าบออะไร?!
เจ้าคนบัดซบ อยากให้เอาหน้าไปซุกบั้นท้ายผู้อื่นหรือไร!
ภายภาคหน้าคนอื่นจะพูดถึงตระกูลเจียงอย่างไรเล่า?!
เขาเจียงเชียนชิวจะไปสู้หน้าผู้อื่นอย่างไรไหว?!
ดังนั้นเขาจึงยังรับหน้าที่สู้รบเป็นหลัก!
แต่เขายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะต่อสู้… ดูยังไงก็ไม่มีโอกาสชนะ!
แต่บัดนี้หลี่เจียงหนานบอกว่าเขาคือหนึ่งในสี่กองกำลังที่จะพิชิตเส้นชีพจรจักรพรรดิได้งั้นหรือ?!
เจียงเชียนชิวพลันตื่นเต้น!
“พี่หลี่ เจ้าพูดจริงหรือ?! ข้ามีความสามารถพอที่จะพิชิตมันได้หรือ?!”
หลี่เจียงหนานยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว พี่เจียงลืมไปแล้วหรือว่าพวกเรากำลังคุยเรื่องอะไร คนที่อยู่ใกล้เส้นชีพจรจักรพรรดิมากที่สุดก็คือเจ้า! ยิ่งกว่านั้น ขอเพียงเจ้าลงมือ สวี่หลิวอวิ๋นกับสวีชู่จะต้องแสดงไพ่ตายไม่ผิดแน่!”
เจียงเชียนชิวคล้ายกับคิดบางอย่างขึ้นมาได้จนคลี่ยิ้มกว้าง “เข้าใจแล้ว!”
หลี่เจียงหนานหุบยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ส่วนคนสุดท้ายก็คือตระกูลกู่! แต่พวกเขามีอัตราการพิชิตต่ำที่สุด! ตอนนี้เหลือเพียงกู่อี้เจี้ยนกับกู่จินเจาเท่านั้น หากกู่จินเจาไม่ฟื้นคืนชีพหรือกู่อี้เจี้ยนไม่รีบทำความเข้าใจเจตจำนงกระบี่แห่งมหาวิถี เกรงว่าจากสี่กองกำลังจะเหลือเพียงแค่สามเท่านั้น!”
“แต่ความเป็นไปได้ทั้งสองนี้ค่อนข้างน้อย ดังนั้นพวกนางจึงไม่ทำให้เกิดภัยคุกคามมากนัก!”
เจียงเชียนชิวย่อมเชื่อฟังคำพูดของหลี่เจียงหนาน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “พี่หลี่ แล้วพวกเราจะลงมือเมื่อไหร่หรือ?”
“รอลู่หยวน! การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในตอนนี้ผิดแปลกไปหมด ดังนั้นจะเมินเฉยพวกมันก็ได้ไม่เป็นไร ขอเพียงเขาลงมือ เรื่องราวก็จะถูกตัดสิน!”
…
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างมาถึงบริเวณด้านนอกวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม!
ผู้คนที่มาในครั้งนี้ไม่ใช่ทหารกุ้งนายพลปู แต่เป็นระดับแกนนำของตระกูลใหญ่!
เสียงตะโกนดังสนั่นมาจากเบื้องหน้าฝูงชน!
“ทุกท่าน มาร่วมมือกันฆ่ามู่พ่านซานก่อน! แล้วค่อยช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิทีหลัง!”
“ได้!”
มีเสียงตอบตกลงดังมาจากกลุ่มคน
พละกำลังของมู่พ่านซานนับว่าเป็นปริศนามาโดยตลอด!
แต่ตามข่าวลือที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ เขาไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย!
หากพวกเขาเข่นฆ่ากันเองต่อหน้ามู่พ่านซาน อีกฝ่ายย่อมจัดการพวกเขาได้โดยไม่ต้องลงแรงแต่อย่างใด!
ตอนนี้ต้องจัดการตัวยุ่งยากที่สุดเสียก่อน!
ถึงตอนนั้น เส้นชีพจรจักรพรรดิก็รออยู่ตรงหน้า จากนั้นทุกคนก็ต้องพึ่งเพียงความสามารถของตัวเองเท่านั้น!
มู่พ่านซานยืนอยู่บนท้องนภาพร้อมกระบี่คู่กาย เขามองผู้คนที่กำลังต่อสู้กันประหนึ่งหมู่เมฆเคลื่อนตัวไปทั่วท้องนภาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร!
องครักษ์วังจักรพรรดิทั้งหลายซึ่งอยู่เบื้องล่าง ขลาดกลัวขณะกุมอาวุธไว้มั่น
ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาในครั้งนี้ต่างก็มีรากฐานการบ่มเพาะสูงกว่าพวกเขา!
เมื่อฝูงชนเคลื่อนเข้ามา มู่พ่านซานจึงเปิดฉากลงมือก่อน ปราณกระบี่พลันปกคลุมท้องนภาก่อนจะทะยานลงมา!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ชีวิตนับไม่ถ้วนถูกบดขยี้ในทันทีภายใต้ปราณกระบี่ดังกล่าว!
ก้อนเนื้อกระจัดกระจายและโลหิตสาดกระเซ็นจนเจิ่งนองไปทั่วพื้น!
แต่คนจากตระกูลชั้นสูงเหล่านั้นหาได้ลดความเร็วลงไม่ กลิ่นอายของพวกเขายังคงพลุ่งพล่าน บางคนถึงขั้นเผาหัวใจเพื่อฝืนเพิ่มรากฐานการบ่มเพาะ
“ฆ่า!”
เสียงร้องดังก้องในท้องนภา!
ภายในไม่กี่อึดใจ ฝูงชนก็ทะยานเข้าสู่วังจักรพรรดิ บางส่วนลากองครักษ์เข้าไปต่อสู้จนตัวตายกันข้างใน บางส่วนยังคงก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด!
มู่พ่านซานสร้างผนึกจำนวนมากด้วยมือขวา แล้วยันต์ที่มีลวดลายซับซ้อนก็ก่อตัวขึ้นทันที!
ยันต์เคลื่อนลงมาปกป้องเส้นชีพจรจักรพรรดิอย่างราบรื่น
มู่พ่านซานจ้องมองฝูงชนซึ่งพุ่งเข้ามาขณะเผยรอยยิ้มเย็นชา “อย่าประเมินความสามารถตัวเองสูงมากนัก!”
เขาถือกระบี่แล้วโคจรพลังอยู่สักพัก ก่อนจะฟาดฟันออกไป!
คนแรกที่ตรงเข้ามาคือผู้ชายถือกระบี่หนัก โดยมีลวดลายเต่าดำกำลังหมุนวนอย่างต่อเนื่อง
ร่างมายาของสัตว์เทวะเต่าดำปรากฏขึ้นตรงหน้ากระบี่หนักทันที มันอ้าปากแผดเสียงคำรามก่อนพลังแรงกดดันจะเพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่อึดใจ
เจ้าของกระบี่หนักโคจรพลังเข้าไปจนพลังป้องกันของมันเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ส่วนคนที่เหลือต่างก็มาซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง ด้วยหวังว่าเต่าดำจะต้านพลังสังหารส่วนใหญ่ของมู่พ่านซานไว้ได้!
มู่พ่านซานถือกระบี่ด้วยมือข้างหนึ่งก่อนจะฟาดฟันออกไป
ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว!
เมื่อฟาดฟันกระบี่ออกไป พลังอันมหาศาลทั้งสามสายพลันทะยานสูง!
ตู้ม!
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
ร่างมายาของเต่าดำกับกระบี่หนักพลันถูกสับเป็นชิ้น ๆ แต่ปราณกระบี่สามสายยังคงเคลื่อนที่ไม่หยุด ก่อนสังหารคนที่อยู่ตามทางไปกว่าครึ่ง!
โลหิตปกคลุมท้องนภาจนย้อมทั่วพื้นที่ให้กลายเป็นสีแดง!