ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 355 ฉีซงหานพ่ายแพ้
บทที่ 355 ฉีซงหานพ่ายแพ้
บทที่ 355 ฉีซงหานพ่ายแพ้
ผู้ที่บุกเข้ามาโจมตีชะงักงันไปชั่วขณะ โลหิตของสหายสาดกระเซ็นมาโดนเสื้อผ้า คนเหล่านี้ร้องระงมด้วยความเจ็บปวดก่อนจะตายตก
หากพวกเขาจำไม่ผิด คนที่เคยอยู่ข้างหน้าใช้พลังของสัตว์เทวะเต่าดำ ซึ่งพลังป้องกันของมันแข็งแกร่งที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจขัดขืนการโจมตีด้วยกระบี่ของมู่พ่านซานได้!
หลังจากตกตะลึง ผู้คนบางส่วนพลันตอบสนองพร้อมกับอาวุธในมือที่สั่นไหว!
“บัดซบ ข้าไม่เชื่อว่าคนจำนวนขนาดนี้จะไม่สามารถฆ่ามู่พ่านซานได้!”
“ฆ่ามัน!”
ทุกคนขานรับคนแล้วคนเล่าก่อนจะเคลื่อนเข้าหามู่พ่านซานประหนึ่งขุนเขา
ปราณกระบี่กวาดผ่านอากาศขณะสังหารทุกทิศทาง ทั้งโลหิตและก้อนเนื้อยังคงตกลงมาจากกลางอากาศ
แต่เมื่อฝั่งใดจำนวนคนเริ่มลดลงก็จะมีฝูงชนเข้ามาเติมเต็มอย่างรวดเร็ว!
บัดนี้ลูกธนูแล่นออกจากสายไปแล้ว มีแต่ต้องพุ่งต่อไป!
ในเมื่อต้องการช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิก็ต้องยอมรับสิ่งที่ต้องจ่ายอย่างสมน้ำสมเนื้อ!
มู่พ่านซานยกยิ้มหยัน “ขยะอย่างพวกเจ้า ต่อให้เข้ามาเท่าไหร่ก็ต้องตายอยู่ดี!”
สิ้นคำ เขาพลันหยุดโจมตี พร้อมกับหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวไปมาเหนือสวรรค์ชั้นเก้าหยุดลงอยู่เหนือกระบี่ของตน
แม้กระทั่งเมฆาที่กำลังมุ่งหน้าสู่ใจกลางก็เต็มไปด้วยวิถีกระบี่!
พวกมันเคลื่อนไปมาในสภาพกลับหัวกลับหาง!
ลมพายุแรงกล้าพัดผ่านจนเกิดการสั่นสะเทือน!
ปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวในท้องนภา ผู้คนข้างกายมู่พ่านซานสังเกตเห็นว่าปราณวิญญาณในร่างกายถูกดึงดูดออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องหยุดการเคลื่อนไหวขณะบังคับให้ทะเลปราณพยายามดูดกลืนปราณวิญญาณกลับคืนมา!
แต่กลับเปล่าประโยชน์ ปราณวิญญาณในร่างของพวกเขายังคงถูกดึงออกไป!
ตู้ม!
ปลายกระบี่ขนาดใหญ่พลันกระหน่ำลงมาจากหมู่เมฆเหนือสวรรค์ชั้นเก้า ก่อนอากาศจะแตกสลาย!
แรงกดดันอันทรงพลังพลุ่งพล่านออกมาจนทุกคนรู้สึกอึดอัดใจ พวกเขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขณะเงยหน้ามอง!
หลายคนรีบอัญเชิญอาวุธวิเศษออกมาปกป้องชีวิต
มู่พ่านซานยื่นมือขวาออกมาแล้วกดฝ่ามือลง
ตู้ม!
กระบี่เมฆาขนาดใหญ่เคลื่อนลงมาพร้อมกับปราณกระบี่และแรงกดดันนับไม่ถ้วน!
เมื่อกระบี่เมฆาเคลื่อนลงมา ปราณกระบี่และแรงกดดันพลันปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่!
ผ่านไปสักพัก ปราณกระบี่ก็มาบรรจบ ไม่มีใครนอกจากมู่พ่านซานที่สามารถยืนหยัดในอากาศได้
เขากวาดสายตามองออกไปไกลขณะจิตวิญญาณต่อสู้ไร้ที่สิ้นสุด “ไม่มีประโยชน์หรอกหากมัวแต่ส่งขยะพวกนี้มาสังหารข้า!”
สิ้นคำของมู่พ่านซาน เขาก็ได้ยินเสียงหมองหม่นดังมาแต่ไกล “ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยชี้แนะข้าด้วย!”
ร่างทั้งสามเดินมาจากรอยแยกอากาศซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ผู้นำคือนักพรตเท้าเปล่า ถือลูกประคำไว้ในมือ พร้อมเอ่ยนามพระพุทธองค์!
เบื้องหลังเขามีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
ผู้ชายสวมชุดสีเขียวพลางยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าสงบ
อีกด้านเป็นผู้หญิงสวมชุดสีแดง รูปลักษณ์ผึ่งผาย ทั้งยังมีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า
พวกเขาสามคนก้าวมาข้างหน้าขณะอากาศรอบข้างสั่นไหว เพียงพริบตาก็มาถึงพื้นที่ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ของมู่พ่านซาน!
สีหน้าของทั้งสามคนยังคงเป็นปกติ พลังพลันพลุ่งพล่านออกมา ขัดขวางปราณกระบี่ที่ปกคลุมท้องนภาไว้!
มู่พ่านซานชำเลืองมองทีละคน “นักพรตปู้เฉิน ฉีซงหาน สวีอวิ๋น”
“วัดวิถีลึกลับ ตระกูลฉีและตระกูลสวีต้องการจะขึ้นเป็นผู้นำเองเลยหรือ? ทั้งที่ฝ่าบาทเคยให้การสนับสนุนกองกำลังของพวกเจ้า แต่ตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องน่าขบขันเสียอย่างนั้น!”
นักพรตปู้เฉินถือลูกประคำเอาไว้ขณะทำความเคารพต่อมู่พ่านซาน
“ผู้อาวุโสมู่ สุดท้ายทุกคนก็เหมือนกัน บัดนี้เส้นชีพจรจักรพรรดิปรากฏแล้ว ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายต่างต้องการลองดูสักตั้ง ตอนที่ตระกูลกู่ช่วงชิงมันไป พวกเขาก็เข่นฆ่ากองกำลังจากต่างตระกูลและสำนักทั้งหลายไม่ใช่หรือ?”
“พวกข้าแค่ทำตามผู้คนในใต้หล้าก็เท่านั้น ท่านกับข้าต่างกันแค่ตำแหน่งเท่านั้น”
มู่พ่านซานเผยรอยยิ้มเหี้ยม “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้ามีความสามารถแค่ไหน!”
เขาเป็นฝ่ายลงมือก่อน โดยปราณกระบี่นับไม่ถ้วนหมุนรอบตัวทั้งสามคนประหนึ่งถังใบหนึ่ง!
พวกมันหมุนวนอย่างบ้าคลั่งก่อนจะพุ่งเข้าหาทั้งสามตามความคิดของมู่พ่านซาน
“อมิตาพุทธ!”
นักพรตปู้เฉินเอ่ยนามพระพุทธองค์ก่อนจะขยับเท้าไปด้านข้าง
วิ้ง!
ค่ายกลแสงสีทองพลันปรากฏขึ้น ขณะปกคลุมพวกเขาทั้งสามเอาไว้ประหนึ่งระฆัง!
ปัง! ปัง! ปัง!
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนกระแทกเข้าใส่ค่ายกลระฆังจนเกิดเสียงดังสนั่น ทั้งยังถูกปัดป้องครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉีซงหานลงมือในจังหวะที่ปราณกระบี่ถูกปัดป้อง เขากุมมือเอาไว้โดยมีสิ่งที่เหมือนกับเสาน้ำขดตัวอยู่ภายใน ผ่านไปสักพัก กระบี่ยาวเสาวารีคมกริบสองเล่มก็ก่อตัวขึ้นในมือ!
เขากุมกระบี่ไว้ก่อนทะยานออกไปราวภูตผี เพียงพริบตาก็มาถึงตัวมู่พ่านซาน!
“ไม่เจียมตัว!”
พลังสังหารของมู่พ่านซานทะยานสู่ท้องนภา พลันกวัดแกว่งกระบี่ในมือ ก่อนจะเข้าโจมตีฉีซงหาน!
ตู้ม!
กระบี่ทั้งสองเล่มเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด แสงสีขาววูบไหวพร้อมกับคลื่นคลั่งที่ระเบิดออกมา กระจายไปทุกทิศทาง!
นักพรตปู้เฉินกับสวีอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหลับตาเมื่อมองแสงสีขาวนี้
ชั่วพริบตาต่อมา ร่างหนึ่งทะยานออกมาจากแสงนั้น!
ทั้งสองคนเพ่งมอง ก่อนจะพบว่าเป็นชายผู้เต็มไปด้วยโลหิตที่ทะยานออกไป โดยปราณกระบี่ยังคงโคจรไปมาขณะทำหน้าที่เปิดทาง!
กระบี่ประหนึ่งเสาวารีสองเล่มถูกฟาดฟันอยู่หลายครั้ง ก่อนจะร่วงลงมาจากท้องนภาประหนึ่งสายฝน!
ตู้ม!
ฉีซงหานร่วงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงจนฝุ่นตลบไปทั่วร่าง
เมื่อแสงสีขาวหายไป มู่พ่านซานยังคงยืนอยู่บนอากาศขณะมองคนสองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย้ยหยัน
“พวกเจ้าสามคนน่าจะเป็นผู้อยู่ใกล้จุดสูงสุดของกองกำลังพันธมิตรสินะ! ทั้งที่พลังน้อยนิดเพียงเท่านี้ แต่กลับกล้ามาช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิ รนหาที่ตาย!”
นักพรตปู้เฉินกับสวีอวิ๋นมีสีหน้าจริงจัง ฉีซงหานผู้นี้มีรากฐานการบ่มเพาะอยู่ที่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์!
กระบี่เสาวารีเล่มนั้นคือสิ่งที่เติบโตมาพร้อมกับเขาตั้งแต่เด็ก!
กระบี่ยาวเล่มนี้เป็นอาวุธระดับจักรพรรดิ นอกจากมีการเชื่อมโยงวิญญาณกับฉีซงหานแล้ว มันยังมีจิตสำนึกวิญญาณด้วย
ยามที่เขากุมกระบี่เล่มนี้เอาไว้ พลังที่สำแดงออกมาย่อมทรงพลังกว่าอาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์!
ถึงกระนั้นฉีซงหานก็ไม่สามารถต้านมู่พ่านซานได้!
ทั้งสองรู้สึกผิดหวัง พวกเขาได้รับข้อมูลมาว่า ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถูกโจมตีจนต้องพักฟื้นสักระยะ ซึ่งตอนนี้เขายังไม่อยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่!
ทว่าดูจากสภาพของเขาในตอนนี้ มันดูเหมือนไม่อยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่ตรงไหนหรือ?!
หรือว่า… ข้อมูลจะผิดพลาด?!
“ขอรับคำชี้แนะด้วย!”
นักพรตปู้เฉินสูดหายใจขณะที่ปราณวิญญาณโคจรรอบ ๆ
วิ้ง!
เสียงระฆังใหญ่ดังกังวานไปทั่วท้องนภา ก่อนระฆังสีทองจะปรากฏจากอากาศแล้วครอบร่างของมู่พ่านซานและนักพรตปู้เฉินเอาไว้!