ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 363 อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขต
บทที่ 363 อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขต
บทที่ 363 อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขต
เหนือแดนมัชฌิมคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากพวกลู่หยวนที่ยืนอยู่ในอากาศแล้วก็ไม่มีวี่แววของผู้อื่นอีก
ลู่เทียนเฟิ่งและหลิงอวิ๋นไม่กล้าประมาท คนเหล่านั้นที่พวกเขาเพิ่งพบมีพลังร้ายกาจเกินไป อีกฝ่ายย่อมแข็งแกร่งไม่เบา!
ทันใดนั้น!
พลังแรงกล้าทะยานจากท้องนภา ก่อนจะกวาดลงสู่เบื้องล่าง มุ่งหน้าเข้าหาลู่หยวน!
หลิงอวิ๋นเป็นคนแรกที่สัมผัสได้ จึงโคจรเจตจำนงหอกขัดขวางพลังดังกล่าวทันที
ขณะที่พลังทั้งสองปะทะกัน อากาศรอบข้างพลันสั่นไหว แล้วชายผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาก่อนจะฟาดฟันกระบี่ยาว
หลิงอวิ๋นสะบัดหอกออกไป แต่ก่อนจะทันโดนเป้าหมาย ชายผู้นั้นก็อันตรธานหายไปอีกครั้ง
การกระทำแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกหลายอึดใจ ทำให้ลู่เทียนเฟิ่งเริ่มวิตกกังวล
เขาเกลียดการต่อสู้แบบมีลับลมคมในเป็นที่สุด
“มารดาเถอะ ในเมื่อชอบซ่อนนัก เช่นนั้นก็ไม่ต้องออกมาอีก!”
เมื่อสิ้นเสียง ลู่เทียนเฟิ่งก็ยกมือขวาแล้วสะบัดไปทางท้องนภา
สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องนภา อากาศที่เพิ่งแตกสลายถูกสร้างขึ้นใหม่ก่อนจะพังทลายอีกครั้ง
กระบี่ที่สามารถพิชิตสวรรค์ได้ตัดผ่านท้องนภาขณะตั้งตระหง่านประหนึ่งพลังบดขยี้ทุกสิ่ง
มังกรเก้าตัวพันรอบฝักกระบี่ยักษ์ แต่ละตัวเคลื่อนไหวอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับแสดงสีหน้ามุ่งร้ายออกมา
ทั่วร่างกระบี่เป็นสีแดงโลหิต ซึ่งลำแสงวาบวูบไหวดูน่าสะพรึง
โฮก!
เสียงคำรามทุ้มต่ำของมังกรทรงพลังยิ่ง
“กระบี่ ร่วงหล่น!”
เมื่อสิ้นเสียงของลู่เทียนเฟิ่ง กระบี่ยักษ์ก็บดขยี้ลงไป
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
อากาศโดยรอบพลันพังทลาย ตระกูลที่ยังรอดชีวิตอยู่ในแดนมัชฌิมกางค่ายกลป้องกันครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อไม่ให้ถูกเจตจำนงกระบี่นี้ฟาดฟัน
เมื่ออากาศแตกสลาย ผู้คนบางส่วนจึงไม่มีที่ซ่อนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวออกมาเพื่อหมายจะสังหารทั้งสามคน
สองคนเข้าโรมรันกับลู่เทียนเฟิ่งและหลิงอวิ๋น ส่วนคนสุดท้ายกำลังรอโอกาสที่จะเล่นงานลู่หยวน!
ลู่หยวนยืนอยู่ในอากาศ สายตาของเขาเหลือบมองทั้งสามคนเป็นครั้งคราว จากนั้นจึงหรี่ตา
“กลิ่นอายของตระกูลชิว…”
ลู่หยวนเพียงปรายตามองก็ทราบว่าสามคนนี้มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลชิว!
พวกเขาจะต้องมาจากตระกูลชิวไม่ผิดแน่!
สามคนนี้มีความสามารถไม่น้อย แม้พวกเขาจะต่อสู้กับลู่เทียนเฟิ่งและหลิงอวิ๋นบนอากาศ แต่ก็ยังหาทางรอดชีวิตมาได้!
ส่วนลู่หยวนก็ได้รับการปกป้องจากเจตจำนงหอกของหลิงอวิ๋น ทำให้สมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลชิวลงมือสังหารได้ไม่ง่าย
ชายคนนั้นยืนอยู่ไม่ไกลขณะจ้องลู่หยวนเพื่อรอคอยโอกาสอันเหมาะสมที่สุด!
ขณะที่หลายคนกำลังต่อสู้ เจียงเชียนชิวและพวกหลี่เจียงหนานก็มาถึงด้านนอกวังจักรพรรดิ ก่อนจะมองหาสถานที่เฝ้าดูจากไกล ๆ
เจียงเชียนชิวสวมชุดหรูหราพร้อมกับพกสิ่งที่ปกปักษ์ชีวิตไว้ทั่วร่าง สายตาของเขากระตือรือร้นจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “พี่หลี่ ข้าจะลงมือได้เมื่อไหร่?!”
“ไม่ต้องรีบร้อน!”
หลี่เจียงหนานยืนอยู่ข้างกายขณะเฝ้ามองสถานการณ์ “พี่เจียง ที่พวกเราทำได้มีแค่รอเท่านั้น!”
“ลู่หยวนผู้นี้มีอุบายมากมาย พวกเราต้องรอให้เขาถูกสยบเสียก่อน จึงจะหาโอกาสลงมือได้!”
แม้เจียงเชียนชิวต้องการออกจากที่นี่เพื่อไปขโมยเส้นชีพจรจักรพรรดิเต็มที แต่เขาทราบเช่นกันว่าหลี่เจียงหนานเป็นผู้มีความคิดความอ่านมากที่สุด หากไม่ยอมเชื่อฟัง เกรงว่าเรื่องในวันนี้คงไม่เกิดขึ้น!
เขายืนอยู่ข้างกายแต่โดยดีขณะมองดูสถานการณ์เหมือนอีกฝ่าย
ยามนี้!
ลู่หยวนสบสายตากับคนจากตระกูลชิว ก่อนคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยเสียงดัง “ในเมื่อตระกูลชิวเข้ามายุ่งแล้ว เหตุใดจึงต้องปกปิดตัวตนด้วยเล่า?!”
เมื่อสิ้นคำ เขาก็ผุดลุกขึ้น กระบี่มหันตภัยพลันปรากฏขึ้นในมือ เตรียมจะพุ่งตรงไปข้างหน้า
ครืน!!!
เสียงฟ้าร้องพลันระเบิดจากท้องนภาขณะที่ฉีกกระชากท้องนภาเกือบทั้งหมด
พวกมันดูผิดแปลกไปจากปกติ ทันทีที่มันระเบิด หัวใจของทุกคนก็สั่นไหว
ทุกคนที่มีความรู้ในแดนมัชฌิมต่างเงยหน้ามองท้องนภา
ชั้นเมฆานับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวไปตามท้องนภาขณะมุ่งหน้าไปยังบริเวณหนึ่ง ซึ่งเบื้องล่างของจุดที่พวกมันรวมตัวกันมีลู่หยวนยืนอยู่!
ครืน!!!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น จากนั้นสายฟ้าก็ทะลวงผ่านท้องนภา ก่อนจะฉีกกระชากลงมาเบื้องล่าง
“ฟ้าร้องมาก่อนแล้วฟ้าผ่าตามมาทีหลัง”
“นี่มัน… อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตหรือ?!”
ไม่ทราบว่าบรรพชนของตระกูลใดในแดนมัชฌิมเป็นคนเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา จากนั้นเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนจะใช้งานค่ายกลอีกครั้งเพื่อปกคลุมตระกูลเอาไว้ พร้อมถ่ายทอดคำสั่ง “สมาชิกทั้งหลายห้ามออกไปเด็ดขาด!”
ประมุขผู้อยู่ข้างกายย่อมไม่ทราบว่าอัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตคืออะไร แต่พวกเขาเพิ่งไปหารือกับตระกูลอื่นจนได้ข้อสรุปว่าจะโจมตีแดนมัชฌิมพร้อมกัน ลู่หยวนจะได้ไม่มีโอกาสช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิ
แต่บัดนี้สมาชิกตระกูลกลับถูกสั่งว่าห้ามออกไป แบบนี้ไม่เท่ากับผิดสัญญาหรือ?!
ประมุขลังเลสักพัก จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ท่านบรรพชน พวกเราตกลงกับตระกูลอื่นไว้แล้ว หากยังทำแบบนี้…”
เมื่อบรรพชนก้มมองลงมา ประมุขถึงกับสั่นสะท้าน พลันก้มศีรษะแล้วไม่กล้าเอ่ยคำอะไรอีก
ผ่านไปพักใหญ่ เสียงของบรรพชนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นก็เพราะลู่หยวน! ยามที่มันฟาดลงมา เขาก็จะตาย!”
“หากพวกเราออกไปตอนนี้ก็มีแต่จะเกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น!”
ประมุขพยักหน้าโดยไม่กล้าเอ่ยคำอะไร
ตระกูลอื่นต่างก็มีข้อตกลงร่วมกัน พวกเขาพากันปิดประตูเพื่อไม่ให้สมาชิกออกไปข้างนอก!
บรรพชนของตระกูลทั้งหลายจ้องมองไปยังท้องนภาด้วยสายตาซับซ้อน
อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตปรากฏเพียงแค่สามครั้งในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหยวนหง!
ไม่มีใครรอดพ้นจากสามครั้งนี้!
หมายความว่าไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากอัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตได้!
ลู่หยวนจะต้องตาย!
ส่วนลู่หยวนผู้ยืนอยู่ใต้หมู่เมฆก็ได้ยินเสียงระบบดังขึ้นในใจ
[แจ้งเตือนจากระบบ: อัสนีสวรรค์มาถึงแล้ว ขอให้ท่านเตรียมตัว!]
ลู่หยวนเงยหน้ามอง
ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้!
ลู่หยวนไม่ได้สนใจสมาชิกตระกูลชิว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะนั่งขัดสมาธิ
สายฟ้าหลากสีสันร่ายรำอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
ผู้คนทั้งหลายในอากาศล้วนทราบเช่นกันว่านี่คือภัยพิบัติอัสนีของลู่หยวน!
แม้ไม่ใช่ทุกคนที่จะทราบว่าสายฟ้านี้คืออัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขต แต่พวกเขาล้วนทราบดีว่าหากไปยืนอยู่ข้างกายลู่หยวนในตอนนี้ ตนจะต้องได้รับผลกระทบจากอัสนีสวรรค์แน่นอน!
พวกเขาห้าคนต่างเห็นพ้องต้องกันก่อนจะหลบออกมาด้านข้าง
ครืน!!!
สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันในหมู่เมฆ ก่อนจะฟาดเข้ามาหาอย่างต่อเนื่อง
ราวกับอสรพิษอัสนีกำลังเลื้อยไปมาอย่างเกรี้ยวกราด พวกมันพร้อมจะพุ่งลงมากลืนกินลู่หยวนได้ทุกเมื่อ!
ในตอนนี้เอง!
คนผู้หนึ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับซัดหอกออกไป มันทะลวงผ่านอากาศ หมายจะสังหารลู่หยวน
ทั้งหลิงอวิ๋นและลู่เทียนเฟิ่งต่างก็ลงมือพร้อมกัน แต่กลับถูกคนจากตระกูลชิวซึ่งอยู่ไม่ไกลขัดขวางเอาไว้
หอกพุ่งผ่านอากาศจนมาถึงเบื้องหน้าของลู่หยวนในชั่วพริบตา
ส่วนลู่หยวนนั่งขัดสมาธิราวกับไม่ทราบว่ามีหอกกำลังตรงเข้ามา!
ในช่วงวินาทีความเป็นความตาย!!!
ฟ้าว!
เสียงทะลวงอากาศดังขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามทุ้มต่ำของมังกร ดาบยาวโจมตีจนสะบั้นหอกจากทางด้านข้าง!
“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว อยากเห็นนักว่าใครจะกล้าโจมตีบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่อีก!”