ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 368 ภัยพิบัติอัสนีมาเยือน
บทที่ 368 ภัยพิบัติอัสนีมาเยือน
บทที่ 368 ภัยพิบัติอัสนีมาเยือน
ตู้ม!
ฮ่วนซิงไป๋พุ่งเข้าไปในกลุ่มควันจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
หลังจากเงียบไปสักพัก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฮ่วนซิงไป๋ลงมากระแทกปฐพี จนพื้นดินรอบข้างพังทลาย!
ปฐพีเกิดรอยร้าวประหนึ่งประตูนรกกำลังเปิดจากใต้พิภพ พร้อมที่จะกลืนกินสรรพสิ่งบนพื้นดิน!
เพียงสิบอึดใจ นอกจากสุสานกระบี่ซึ่งอยู่ด้านหลังวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม ทั่วทั้งเมืองต่างก็พังทลาย!
บัดนี้เมืองหลวงแดนมัชฌิมที่เคยมั่งคั่งกลับกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่!
ยังมีคนบางส่วนยืนอยู่บนอากาศ
ผู้ที่เพิ่งหัวเราะว่าฮ่วนซิงไป๋ไม่มีทางชนะได้เมื่อครู่ ถึงกลับกลืนน้ำลายด้วยขาที่สั่นระริก
ทำลายเมืองด้วยหมัดเดียว!
ร่างกายต้องทรงพลังขนาดไหนกัน!
หากหมัดนี้กระแทกเข้าใส่พวกเขา เกรงว่าแม้แต่สมองคงจะกระเด็นออกมา!
เมื่อควันธุลีเลือนหาย ร่างของฮ่วนซิงไป๋ก็ตกอยู่ในหลุมลึก อักขระส่วนใหญ่บนร่างกายจางหายไปแล้ว กลิ่นอายก็ถูกลบหายไปเล็กน้อยเช่นกัน
สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือมือขวาที่ห้อยลงมาเต็มไปด้วยโลหิต เท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในหลุมลึก ส่วนอีกข้างยกขึ้น ซึ่งแทบเท้านั้นคือทาสอารักขา
ดวงตาสีขาวของฮ่วนซิงไป๋เหลือบมองด้านบนก่อนที่ร่างกายจะวูบไหวไปมา ชั่วพริบตาต่อมาเขาก็ปรากฏตัวนอกเขตแดนภัยพิบัติอัสนีของลู่หยวน!
นิ้วมือซ้ายของเขาประสานเข้าหากันก่อนจะยื่นไปข้างหน้า ขณะที่ปากขยับไปมา
ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว!
ดาบบินหลายสิบเล่มทะยานออกมาจากอากาศขณะที่ลอยวนเวียนอยู่รอบกายฮ่วนซิงไป๋
ร่างของเขาเอนไปด้านหลังจนดาบสามเล่มต้องเข้ามาช่วยพยุงร่างเอาไว้
ชายหนุ่มพิงพนักซึ่งก่อตัวจากดาบ แม้สายตาเย็นชา แต่ก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ถึงเขาจะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ทุกคนล้วนทราบดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร!
หากวันนี้ใครกล้ารบกวนลู่หยวนจากการพิชิตภัยพิบัติอัสนีจะต้องตาย!
ในตอนนี้เอง!
หมู่เมฆสีดำเหนือท้องนภาพลันเปลี่ยนเป็นสีม่วง!
สายฟ้าไร้ที่สิ้นสุดฟาดลงมาจากหมู่เมฆทั่วทุกทิศทาง!
ครืน!!!
เสียงฟ้าร้องพลันดังครืน!
พลังอันแกร่งกล้ากระจายออกมาจากทุกทิศทาง ขณะที่ส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา
ฟ้าดินคล้ายกับถูกแบ่งแยกจนน่าสะพรึง!
พรวด!
ผู้อาวุโสทั้งหลายในแดนมัชฌิมที่ออกความเห็นเมื่อครู่ พลันสัมผัสได้ถึงโลหิตที่ปั่นป่วนภายในร่างเมื่อเกิดเสียงฟ้าร้องขึ้น!
พลังกลุ่มหนึ่งมาจากที่ใดไม่ทราบ มันทะลวงเข้าสู่ปอดโดยตรง ทำให้อวัยวะภายในทั้งหมดแตกสลายทันที!
นอกจากผู้ที่ยืนอยู่ในอากาศซึ่งสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว คนที่เหลือต่างปิดเจ็ดรูทวารเอาไว้ล่วงหน้า จึงไม่ได้รับผลกระทบร้ายแรง
ทาสอารักขาอีกสองคนเงยหน้ามอง ก่อนพบกับสายฟ้าซึ่งเดิมเหมือนอสรพิษยักษ์ที่อยู่เหนือสวรรค์ชั้นเก้า บัดนี้มันกลับมีขนาดดุจมังกรยักษ์
บางสิ่งที่เหมือนเกล็ดมังกรยังคงขยายตัวเหนือสายฟ้าที่กำลังรวมตัวกัน!
ทันทีที่มังกรสายฟ้าตนนี้ก่อตัว ภัยพิบัติอัสนีไร้ขอบเขตก็เคลื่อนลงมา!
ทาสอารักขาสองคนนี้นึกถึงสิ่งที่บรรพชนเคยบอกขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถ่วงเวลาไว้ให้ได้!
พวกเขามองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจ
หน้ากากแปลกประหลาดบนใบหน้าของทั้งสองคนพลันร้อนผ่าว แล้วค่ายกลแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น!
เมื่อค่ายกลปกคลุมใบหน้าแล้วก็รวบรวมพลัง หน้ากากพลันแตกสลาย!
เมื่อหน้ากากพัง รูปลักษณ์ของสองคนนั้นก็ปรากฏแก่สายตาของคนทั้งหลาย!
หลิงอวิ๋นกับลู่เทียนเฟิ่งต่างขมวดคิ้ว เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย
สองคนนี้เป็นคนไร้หน้า!
แปลกประหลาดมาก!
ลู่เทียนเฟิ่งหรี่ตา พลางนึกถึงบางอย่างจากความทรงจำ แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้!
ก่อนจะทันได้คิดอย่างถ้วนถี่ เขาก็พบว่าพลังของทาสอารักขาทั้งสองคนกำลังเพิ่มขึ้น เพียงชั่วพริบตา ระดับพลังของพวกเขาพลันเพิ่มขึ้น
ลู่เทียนเฟิ่งสะกดความคิดเอาไว้ ขณะที่ประสานสองนิ้วเข้าด้วยกัน แล้วเจตจำนงกระบี่สูงสุดที่ก่อตัวบนท้องนภาก็เคลื่อนลงมาทันที
หลิงอวิ๋นยกหอกขึ้นแล้วชี้ไปที่ทั้งสองคนนั้น!
ผ่านไปสักพัก ไม่ทราบได้ว่าใครเป็นคนลงมือก่อน แต่ทั้งสี่คนระเบิดพลังออกมา ก่อนจะเข้าปะทะพร้อมกัน ผ่านไปสักพักก็ไม่อาจหาผู้ชนะได้!
อากาศยังคงสั่นสะเทือนขณะที่พลังเจิดจ้าดุจจุดจบโลก!
ยามนี้มังกรสายฟ้ารวมตัวกันบนท้องนภา เมื่อเกล็ดของมันพาดผ่านหมู่เมฆ ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
ทาสอารักขาเหล่านั้นกำลังจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเข้าต่อสู้ แต่เสียงของบรรพชนดังขึ้นในหูของพวกเขาเสียก่อน “ข้ามาถึงแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องลงมือ ถอยออกมา!”
พวกเขาทุ่มอย่างสุดกำลังเพื่อหลบออกมาด้านข้าง ก่อนจะถอยไปด้านหลัง
ลู่เทียนเฟิ่งและหลิงอวิ๋นย่อมไม่ทราบว่าเหตุใดคนไร้หน้าทั้งสองถึงล่าถอยออกไป แต่ก่อนจะไล่ตาม ฟ้าดินก็สั่นไหวด้วยลมกระโชกแรงที่พัดผ่าน คล้ายกับจะฉีกกระชากโลกใบนี้จนสิ้น!
เสียงคำรามของมังกรดังมาจากสวรรค์ชั้นเก้าก่อนจะมาถึงผืนปฐพี
ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้โดยมีเมืองหลวงแดนมัชฌิมเป็นศูนย์กลาง สัตว์ปีศาจและสัตว์เทวะต่างก็หมอบร่างลงหลังจากได้ยินเสียงดังกล่าว พวกมันสั่นสะท้านจนไม่กล้าเงยหน้า
แม้ฮ่วนซิงไป๋จะไม่ได้ก้าวเข้าสู่เขตแดนภัยพิบัติอัสนี แต่ก็ถือว่าอยู่ใกล้มาก ดังนั้นเขาจึงได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามของมังกรจนโลหิตปั่นป่วน
ฮ่วนปั๋วยื่นมือออกไปเพื่อสะกดการบ่มเพาะของอีกฝ่าย ทำให้อำนาจเทวะที่ถูกหยิบยืมมาถูกระงับเช่นกัน
“คุณชาย ลู่หยวนไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องอีกแล้ว ข้าจะเฝ้าดูอยู่ที่นี่เอง ท่านกลับไปพักผ่อนเสียหน่อยเถอะ”
เมื่อสิ้นคำของเขา ฮ่วนซิงไป๋ก็ไม่ดื้อดึงอีกต่อไปก่อนจะย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของอีกฝ่าย
เขานั่งขัดสมาธิขณะหยิบโอสถบางส่วนออกมาจากถุงแล้วกรอกเข้าปาก ก่อนจะเริ่มควบคุมลมหายใจ
หลังจากฮ่วนซิงไป๋ปรับสภาพร่างกายแล้ว ฮ่วนปั๋วก็เบนสายตาไปทางสวรรค์ชั้นเก้าอีกครั้ง
มังกรสายฟ้าปรากฏตัวในหมู่เมฆ แต่กลับดูไม่เหมือนมังกรยักษ์สักนิด
ศีรษะของมังกรมีร่างสีทองกำลังยืนตระหง่านราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมัน
ร่างดังกล่าวสวมชุดเกราะสีทอง มีสามหัวหกแขน ดูเหมือนแม่ทัพเทพ!
แขนแต่ละข้างถืออาวุธเอาไว้ โดยชิ้นที่สะดุดตาที่สุดคือแส้ทรงพลัง!
ฮ่วนปั๋วระบายลมหายใจขณะครุ่นคิด
วันนี้เขาไม่มั่นใจว่าลู่หยวนจะรอดจากภัยพิบัติอัสนีหรือไม่!
เหตุการณ์ตรงหน้าคือสิ่งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ภัยพิบัติอัสนีกลายเป็นมังกร ตามมาด้วยแม่ทัพเทพ!
ทวยเทพอยากให้เด็กคนนี้ตายหรืออย่างไร?!
มันก็แค่การพัฒนาระดับการบ่มเพาะเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติอัสนีไม่ใช่หรือ?!
เหตุใดจึงให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลงก้าวเข้าสู่การทะลวงขั้นสู่สวรรค์?!
คนที่เหลือต่างก็จับจ้องไปที่ลู่หยวนเช่นกัน
บรรพชนของเหล่าตระกูลในแดนมัชฌิมที่หนีรอดมาได้ ต่างเบนสายตามองมา พวกเขากำลังประเมินว่าอีกฝ่ายจะรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้หรือไม่!
ภัยพิบัติอัสนีย่อมร้ายกาจมากเป็นธรรมดา แต่พลังของมหาวิถีซึ่งอยู่ภายในนั้นก็ไร้เทียมทานเช่นกัน!
ขอเพียงลู่หยวนเอาตัวรอดจากมันมาได้ การบ่มเพาะก็จะได้รับการเลื่อนขั้นอย่างง่ายดาย หากพบกับมหาโชคชะตาภายในอัสนีสวรรค์ได้ ย่อมถือเป็นโอกาสทองของเขา!