ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 371 ต่อกรกับภัยพิบัติอัสนี
บทที่ 371 ต่อกรกับภัยพิบัติอัสนี
บทที่ 371 ต่อกรกับภัยพิบัติอัสนี
มีข่าวลือว่าเซียนหอกผู้หนึ่งได้รับวิญญาณหอกโดยไม่คาดคิดก่อนจะก้าวขึ้นสู่แดนเซียน วิญญาณหอกนั้นได้พุ่งผ่านฟ้าดินทั่วหล้าเพื่อบังคับเปิดประตูสวรรค์!
ทวยเทพบางส่วนในแดนเซียนผู้คล้ายกับต้องการจะป้องกันไม่ให้เซียนหอกเข้ามา พวกเขาจึงยืนหยัดต่อสู้ เมื่อวิญญาณหอกข้ามผ่านมาพร้อมแผดเสียงคำราม มีสามคนที่โลหิตสาดกระเซ็น!
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าขัดขวาง แล้วเซียนหอกก็ก้าวเข้าสู่แดนเซียน!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพลังของวิญญาณหอกร้ายกาจเพียงใด!
หากสามารถพิชิตสิ่งนี้ได้ก็จะได้ขุมกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงัย!
ลู่หยวนยิ้มกว้าง
“ระบบ สิ่งนี้สามารถสยบได้หรือไม่?”
[ระบบ: วิญญาณหอกซึ่งอยู่ตรงหน้าท่านไร้เจ้าของ! แม้จะสยบได้ แต่สภาพของมันแตกสลาย ทำให้พลังถูกลดทอนไปมาก!]
“ไม่สำคัญหรอก ต่อให้ตายไปแล้ว มันก็ยังเป็นวิญญาณหอก! หากได้มาครอบครอง หอกนับหมื่นจะต้องยอมจำนน! ไม่ว่าเจตจำนงหอกไปที่ใด พวกมันก็ต้องพากันคำนับ!”
เมื่อสิ้นคำ ลู่หยวนก็ยื่นมือไปคว้าวิญญาณหอก
สิ่งที่เกินคาดก็คือเขาคว้ามันไว้ได้ทันทีโดยปราศจากการขัดขืน
“ง่ายดายปานนี้เชียวหรือ?”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว
วิญญาณหอกเหล่านี้ต่างก็มีจิตเทวะเป็นของตัวเอง มันจะยอมโดนกำราบอย่างง่ายดายได้อย่างไร?!
เมื่อลู่หยวนกำลังจะส่งโลหิตเข้าไปเพื่อสลักเครื่องหมาย เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นในใจของเขา
“คิ ๆ ๆ ๆ เจ้าหนู หากต้องการจะพิชิตข้า เจาต้องรออีกแปดแสนปี!”
ทันทีที่สิ้นคำ ลู่หยวนก็สัมผัสได้ว่าสรรพสิ่งตรงหน้าหายไป แล้วฉากก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพัก สายฟ้าก็แลบแปลบตรงหน้าขณะเสียงฟ้าผ่าดังก้องในหูของเขา
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ สายฟ้าพลันหายไป สรรพสิ่งตรงหน้าก็เด่นชัดขึ้น
ลู่หยวนพบว่าเขานั่งขัดสมาธิอยู่ในเขตแดน ซึ่งหมู่เมฆสีม่วงทั้งหลายเคลื่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของท้องนภาประหนึ่งถังคว่ำใหญ่เหนือศีรษะของตน
สายฟ้ายังคงแลบแปลบปลาบอยู่ภายในนั้น แล้วร่างดุจมังกรอัสนีก็ยังคงเคลื่อนไปมาในหมู่เมฆ
หลิงอวิ๋นกับคนของตระกูลอื่นซึ่งอยู่นอกเขตแดนกำลังมองมาที่เขา
ลู่หยวนรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้จิตเทวะของเขาออกจากโลกแปลกประหลาดแล้ว ก่อนจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง!
“เจ้าหนูสารเลว หากรับสายฟ้าเก้าทิศได้ ข้าจะยอมติดตามเจ้า!”
เสียงของวิญญาณหอกดังขึ้นอีกครั้ง
ลู่หยวนจ้องมองท้องนภาขณะที่หรี่ตา ก่อนริมฝีปากจะยกยิ้ม
“รีบลงมือให้สิ้นเรื่องสิ้นราวได้แล้ว! ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ!”
“คิก ๆ ๆ ข้ายอมรับในความกล้าของเจ้า ในเมื่ออยากตายมากขนาดนั้น ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เอง!”
ครืน!!!
อัสนีนับไม่ถ้วนผ่าลงมาจากหมู่เมฆเหนือท้องนภา พวกมันรวมตัวกันก่อนจะกลายเป็นมังกรสายฟ้าเก้าตัว!
มังกรสายฟ้าส่งเสียงฮึดฮัดไปมาด้วยสีหน้าดุร้าย ยามโผล่หัวออกจากหมู่เมฆ พวกมันเหมือนกับจะกลืนกินลู่หยวนผู้อยู่เบื้องล่างก็ไม่ปาน!
เขาหยิบกระบี่มหันตภัยขึ้นมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้!
บรรพชนของตระกูลทั้งหลายต่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนี้
ลู่หยวน… ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?!
ยามคนอื่นก้าวข้ามภัยพิบัติอัสนี พวกเขาต้องพยายามปกป้องตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ลู่หยวนตั้งท่าเช่นนี้เพื่อจะต่อสู้กับมันอย่างนั้นหรือ?!
ขณะที่ทุกคนสับสน พวกเขาก็ค้นพบว่ามังกรสายฟ้าโผล่ออกมาจากหมู่เมฆก่อนจะพุ่งลงมา!
ตู้ม!
ทันใดนั้น ฟ้าดินสั่นไหว แล้วมังกรสายฟ้าก็อ้าปากกว้างเพื่อพยายามจะกลืนกินลู่หยวนทั้งเป็น!
ลู่หยวนย่อกายลงเล็กน้อยขณะพลังนับไม่ถ้วนรวมตัวกันบนกระบี่มหันตภัย แล้วอุณหภูมิรอบข้างก็ลดลงในทันตา ขณะที่อากาศเย็นเยือกแผ่ออกมาจากตัวกระบี่!
ผิวหนังตรงหว่างคิ้วของเขาปริออกก่อนดวงตาโลหิตที่สามจะปรากฏขึ้น เนตรเทวะสีชาดขยับไปมาก่อนจะมองไปที่มังกรสายฟ้าบนท้องนภา
โฮก!
มังกรสายฟ้าแผดเสียงคำราม พลันมาถึงตรงหน้าลู่หยวน
เขาตอบรับสถานการณ์ด้วยการกวัดแกว่งกระบี่มหันตภัยก่อนจะโจมตีเข้าใส่!
ตู้ม!
พลังที่แตกต่างกันทั้งสองเข้าปะทะกัน ก่อนจะเกิดการระเบิดในหนึ่งอึดใจ
เขตแดนซึ่งเป็นของภัยพิบัติอัสนีแตกสลายในชั่วพริบตา ลู่หยวนชูกระบี่ด้วยมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้ปากของมังกรสายฟ้าที่อ้าออกถูกพลังของอาวุธดังกล่าวปัดป้องเอาไว้!
ลู่หยวนหายใจเข้าอย่างสงบก่อนพลังจะมารวมตัวที่เนตรเทวะ
“ข้าไม่เคยลองใช้ท่านี้มาก่อน วันนี้ขอใช้เจ้าเป็นหนูลองยาหน่อยก็แล้วกัน!”
เมื่อสิ้นคำ เนตรเทวะตรงหว่างคิ้วพลันหายไป ในเวลาเดียวกัน เนตรเทวะจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนกระบี่มหันตภัย!
ชิ้ง!
เนตรเทวะสั่นไหว ทำให้ร่างของมังกรสายฟ้ากับลู่หยวนแยกออกจากกัน
ลู่หยวนถือกระบี่มหันตภัยด้วยสองมือก่อนพลังจะพลุ่งพล่าน จากนั้นจึงโคจรเข้าสู่กระบี่อย่างรวดเร็ว
กระบี่ตั้งตระหง่านตรงหน้า ขณะอากาศโดยรอบสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ มังกรสายฟ้าก็เคลื่อนตัวลงมา
“กระบี่ ฟาดฟัน!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของลู่หยวน กระบี่พลันทะยานออกไปอย่างรุนแรง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่ทะยานออกไปพร้อมกับวิถีกระบี่ไร้ที่สิ้นสุด!
อากาศพังทลายทีละชั้นจนกระทั่งมาถึงตัวมังกรสายฟ้า
มันขดร่างอย่างรวดเร็ว ขณะอ้าปาก โดยสายฟ้ารวมตัวกับอยู่ภายในนั้นก่อนจะพุ่งออกไป
ตู้ม!
เมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน กระแสอากาศก็ขยายออกไปหลายหมื่นจั้งอย่างรวดเร็ว
พวกหลิงอวิ๋นโคจรพลังเพื่อปกป้องตัวเอง
บัดนี้เขตแดนได้พังทลายลงแล้ว คลื่นอากาศของการปะทะย่อมส่งผลกระทบต่อพวกเขา!
สมาชิกตระกูลฮ่วนทั้งสองคนกางม่านป้องกันเพื่อปกป้องฮ่วนซิงไป๋!
บรรพชนของตระกูลต่าง ๆ ซึ่งอยู่ไกลออกไปต่างปกป้องลูกหลานของตน!
ส่วนเจียงเชียนชิวผู้ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไปลอบสบถออกมา จากนั้นก็หยิบยันต์ปกป้องชีพออกมาสามใบเพื่อปกป้องตนเองกับหลี่เจียงหนาน!
ตอนที่พวกฮ่วนซิงไป๋ต่อสู้กันเมื่อครู่ เขาก็ถอยออกมาไกลพอสมควรแล้ว ขืนยังถอยมากไปกว่านี้ เกรงว่าอาจจะมองไม่เห็นสถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน!
แต่ถ้ายังอยู่กับที่ก็จะได้รับผลกระทบ!
สิ่งที่ปกป้องชีพในมือถูกใช้จนสิ้น ผู้คนบางส่วนที่ติดตามมาด้วยในตอนแรกต่างก็ได้รับคำสั่งให้ถอยกลับไปก่อน!
เขาถึงขีดจำกัดแล้ว!
ของปกป้องชีพใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น!
หากครบสามครั้งแล้วเขายังไม่ลงมืออีก เกรงว่าคงต้องถอยออกไปไกลกว่าสามสิบเมือง!
หลี่เจียงหนานมีสีหน้าสงบขณะมองดูสถานการณ์ซึ่งอยู่ไกลออกไปด้วยสายตาเฉยชา
สถานการณ์ทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เหลือก็แต่ช่วงเวลาที่จะเข้าร่วม!
ขอเพียงเวลามาถึง เจียงเชียนชิวจะกลายเป็นม้ามืดที่ไม่มีใครคาดคิด!
แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลา การลงมือพลาดเพียงครั้งเดียวก็จะทำให้สถานการณ์ป่นปี้!
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน แพ้ชนะมักถูกตัดสินกันเพียงชั่วพริบตา!
ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ก็ยิ่งต้องรักษาความสงบ!
อย่าแตกตื่น!
เจียงเชียนชิวเชื่อในตัวหลี่เจียงหนานมาก เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าสงบราวกับสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม เขาก็พลอยรู้สึกสงบตามไปด้วย
เขาก้มตัวลงพลางเฝ้าดูสถานการณ์ แต่สายตาของเขาคล้ายกับจับจ้องไปทางเส้นชีพจรจักรพรรดิ จากนั้นจึงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก!