ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 391 พ่ายแพ้
บทที่ 391 พ่ายแพ้
บทที่ 391 พ่ายแพ้
ยามนี้สายฟ้ากำลังจะอุบัติจนเกิดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง พลังซึ่งอยู่ภายในตัวมังกรสายฟ้าทั้งเก้าตนไม่เพียงแต่ถูกดูดกลืนและขัดเกลาโดยระบบเท่านั้น แม้กระทั่งพลังที่สั่งสมเอาไว้ก็ไม่เว้นเช่นกัน
แม้ลู่หยวนจะทราบว่าระดับการบ่มเพาะนี้ดำเนินมาถึงครึ่งก้าวแล้ว แต่เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ายังขาดพลังบางส่วนอยู่ เขามักรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างขาดหายจนต้องได้รับการเติมเต็ม
ก่อนจะทันได้คิดว่าควรเติมเต็มสิ่งใดในส่วนที่ว่าง เขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังขนาดใหญ่กำลังโคจรอยู่บนพื้น
เขาก้มมองลงไปก่อนจะเห็นกำแพงสีทองลอยขึ้นท่ามกลางกลุ่มควัน
ตู้ม!
ฝุ่นควันถูกพลังอันแกร่งกล้าสยบ!
ร่างของเจียงเชียนชิวปรากฏขึ้น โดยแสงสีทองปกคลุมอากาศด้านหลังของเขาไว้ แล้วก่อตัวเป็นร่างที่คล้ายกับอีกฝ่าย ซึ่งในมือถือง้าวเอาไว้
ร่างสีทองเปี่ยมด้วยพลังสูงสุดและจิตสังหาร
เจียงเชียนชิวยามนี้ยืนอยู่ในหลุมลึกขณะดวงตาเป็นสีแดง หน้าผากเต็มไปด้วยโลหิตจนอาบใบหน้าเกือบทั้งหมด
“ลู่หยวน ข้าอยากให้เจ้าตาย!”
สิ้นคำ ร่างของเจียงเชียนชิวพลันทะยานออกไป พร้อมแสงสีทองรวมตัวกันที่ปลายง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง ก่อนความน่าเกรงขามจะปกคลุมทั่วทั้งร่างในทันที!
ร่างสีทองซึ่งอยู่เบื้องหลังมีขนาดใหญ่ขึ้นประหนึ่งแม่ทัพเซียน!
ง้าวในมือของเจียงเชียนชิวพุ่งออกไป ก่อนจะกลายเป็นลำแสงแล้วแทงเข้าหาลู่หยวนโดยตรง!
ง้าวในมือของร่างสีทองฟาดลงมาพร้อมกับพลังสูงสุดที่เคลื่อนลงมาเช่นกัน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นอากาศอันบ้าคลั่งแผ่ออกมาขณะที่บดทำลายทุกทิศทาง
แม้กระทั่งพวกฮ่วนซิงไป๋ก็สัมผัสถึงแรงกดดันนี้ได้ ทำให้ทั่วร่างของเขาประหนึ่งถูกภูเขาเซียนกดทับเอาไว้ จึงยากจะโคจรพลัง
ขณะง้าวสีทองเคลื่อนลงมา ปราณวิญญาณในร่างของพวกเขาคล้ายกับลดลงจนใช้การไม่ได้
แรงกดดันไร้ที่สิ้นสุดสยบพวกเขาไว้ ทำให้ถูกตรึงไว้จนขยับไม่ได้
ลู่หยวนยืนอยู่ใจกลางแรงกดดันนั้น อากาศข้างตัวถูกบดขยี้ไปนานแล้ว สรรพสิ่งรอบข้างเริ่มกลายเป็นภาพมายาราวกับจะถูกคลื่นอากาศอันทรงพลังบดขยี้ได้ทุกเมื่อ!
แม้ง้าวกำลังซัดลงมา แต่ลู่หยวนยังคงไม่ขยับ ทำให้ดวงตาของเจียงเชียนชิวยิ่งเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง!
ทันใดนั้น
ลู่หยวนแข็งแกร่งแล้วอย่างไร?! อีกฝ่ายก็มีพลังแค่ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์!
แต่เขาเจียงเชียนชิวครอบครองเส้นชีพจรจักรพรรดิ!
เจียงเชียนชิวกุมง้าวไว้มั่น
ฆ่าลู่หยวนก่อนแล้วค่อยฆ่ากู่จินเจา!
ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครกล้าขัดขืนเขาอีกแล้ว!
ทันทีที่เจียงเชียนชิวคิดได้ดังนั้น ร่างสีทองขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังก็ทะยานลงมาจากท้องนภา
พลังมหาศาลยังคงอยู่เพียงชั่วขณะ!
ลู่หยวนหรี่ตา มือสั่นเทา แล้วค้อนใหญ่ซึ่งเกิดจากวิญญาณหอกก็หายไป ก่อนรวมตัวเป็นอาวุธใหม่อีกครั้ง
“ลู่หยวน มันสายไปแล้ว!”
เจียงเชียนชิวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดขณะพลังนับไม่ถ้วนถาโถมลงมาอย่างบ้าคลั่ง!
“ข้าสามารถจัดการเจ้าได้ทุกเมื่อ!”
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาก่อนจะสะบัดมือขวา!
ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างฟาดฟันลงมา แต่เมื่อพลังทั้งหมดกำลังจะถึงตัวลู่หยวน ความเร็วของชายหนุ่มก็เพิ่มขึ้น แม้กระทั่งเจียงเชียนชิวผู้อยู่ใกล้ก็มองไม่เห็นอย่างชัดเจน!
ชิ้ง!
พลังอันมหาศาลทะยานออกมา ภายในฝ่ามือขวาของลู่หยวนพลันปรากฏกำแพงวิญญาณหอก!
ตู้ม!
พลังง้าวพลันกระแทกกับมันจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ทันใดนั้น ฟ้าดินเริ่มมืดมิด สรรพสิ่งเงียบงัน แล้วความมืดก็ปกคลุมร่างของเจียงเชียนชิวกับลู่หยวน
“คะ…ใครชนะ?”
ขณะที่ทุกคนกำลังทนกับแรงกดดันจนเลือดลมเดือดพล่าน พวกเขาก็พบว่าความมืดได้บดบังทุกสิ่งตรงหน้า
เพียงหนึ่งอึดใจ พลังไร้ขอบเขตที่เกิดจากการใช้เส้นชีพจรจักรพรรดิของเจียงเชียนชิวก็พังทลายในชั่วพริบตา
ทุกคนโล่งอกจนสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้!
“ลู่หยวนชนะหรือ? ไม่อย่างนั้นพลังทั้งหมดจะหายไปในพริบตาได้อย่างไร?”
“ข้าไม่คิดอย่างนั้น ร่องรอยกลิ่นอายของลู่หยวนหายไป เจียงเชียนชิวอาจจะชนะก็ได้ เขาถึงได้คลายแรงกดดันทั้งหมด”
ทุกคนต่างพากันสนทนาพลางออกความเห็นอย่างดุเดือด
แต่บนท้องนภายังคงถูกปกคลุมด้วยความมืด จึงยากจะมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
บรรพชนทั้งหลายจากตระกูลชั้นสูงปลดปล่อยพลังกลุ่มหนึ่งเพื่อจับจ้องท้องนภา
ทันใดนั้น พวกเขาคล้ายกับพบบางสิ่งก่อนลอบสบถออกมา จากนั้นจึงออกจากการเก็บตัวอีกครั้ง พลังจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมาก่อนโล่ขนาดใหญ่จะปกคลุมพื้นที่ตระกูลอีกครั้ง!
เมื่อสวี่หลิวอวิ๋นเห็นบรรพชนของตระกูลหลิงปรากฏตัว แม้ยังสัมผัสสิ่งใดไม่ได้ แต่เขาพอจะคาดเดาได้ไม่มากก็น้อย เขาจึงดึงสวีชู่แล้วหลบหนีไปไกล!
พวกฮ่วนซิงไป๋ซึ่งอยู่บนท้องฟ้าไม่ทราบว่าลู่หยวนกำลังทำอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงทำแค่จับตามองท้องนภา
บัดนี้ฮ่วนซิงไป๋ปลุกสายเลือดของเทพผู้ถูกเนรเทศได้แล้ว ร่างของเขายังคงถูกปกคลุมด้วยอำนาจเทวะบางอย่าง ทำให้เขาในยามนี้มองเห็นส่วนที่คนอื่นไม่เห็นได้อย่างชัดเจน!
ฮ่วนซิงไป๋เห็นความมืดไร้ที่สิ้นสุดกำลังรวมตัวกันอยู่ในสวรรค์ชั้นเก้า เขาหรี่ตามองอย่างละเอียด ก่อนจะเห็นแสงสว่างขนาดเล็กมากกำลังแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง มันกำลังกลืนกินความมืดไร้ที่สิ้นสุดทีละน้อย!
“นั่นมันอะไรน่ะ?”
ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยประโยคดังกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น ร่างกำยำก็ปรากฏตรงหน้าเขา!
ชายผู้นั้นมีผมสีเทา ดูมีสง่าราศี เขากางมือขนาดใหญ่ก่อนจะคว้าสมาชิกตระกูลฮ่วนสองคนและกู่จินเจาไว้อย่างรวดเร็ว
ฮ่วนซิงไป๋มองด้วยความระแวดระวังและกำลังจะลงมือ แต่เสียงของลู่หยวนก็ดังขึ้น “ท่านบรรพชน!”
บรรพชนตระกูลหลิงเพียงชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนพลังในมือจะเพิ่มพูนเพื่อปกป้องคนเหล่านี้เอาไว้ในชั่วพริบตา จากนั้น ปราณวิญญาณรอบกายก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับพลังที่พลุ่งพล่าน แล้วก่อตัวเป็นกำแพงใหญ่ ปกคลุมคนเหล่านี้เอาไว้ในชั่วพริบตา!
ไม่มีใครทราบว่าเหตุใดบรรพชนของตระกูลหลิงจึงทำเช่นนี้
แต่ในสายตาของฮ่วนซิงไป๋ ทุกสิ่งพลันเปลี่ยนไป เขาพบว่าแสงสีขาวเหนือท้องนภามีขนาดใหญ่ขึ้นก่อนจะปกคลุมทั่วทั้งแดนมัชฌิม!
ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!
เสียงมหาวิถีดังสนั่นมาจากสวรรค์ชั้นเก้าประหนึ่งเสียงระฆังที่ดังก้องในหูของทุกคน
แสงสีขาวเจิดจ้าประหนึ่งดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่เคลื่อนลงมาสู่โลก นอกจากผู้ที่บรรลุถึงขั้นจ้าวยุทธ์แล้ว คนที่เหลือต่างพากันหลับตา
บรรพชนทั้งหลายเงยหน้ามองก่อนจะเห็นร่างหนึ่งตกลงไปในแสงดังกล่าว
ชายผู้นั้นมีสภาพยับเยิน ใบหน้าอาบด้วยโลหิตเกือบทั้งหมด ดวงตาเบิกกว้าง เป็นเจียงเชียนชิว!
ลู่หยวนผู้อยู่บนท้องนภาถือหอกไว้ โดยมีแสงดารากะพริบวิบวับอยู่รอบข้าง พร้อมกับเจตจำนงหอกสูงสุดเวียนวนอยู่รอบ ๆ
เขาหรี่ตา เล็งหอกในมือไปที่เจียงเชียนชิว จากนั้นก็ขว้างออกไป!
ตู้ม!
ทันทีที่หอกยาวขยับ ไม่ทราบได้ว่ามันเต็มไปด้วยพลังอะไร แต่เพียงพริบตาแรงระเบิดก็กระจายออกจากลู่หยวน ทำให้ทั่วทุกสารทิศเกิดการสั่นสะเทือน!
แดนมัชฌิมตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากพลังมหาศาลอีกครั้ง!
ผู้อยู่ภายในกำแพงเพียงได้ยินเสียงสั่นไหวจากกำแพงที่ถูกกระแทกอย่างต่อเนื่อง โดยมันยังคงสั่นสะเทือนและผันผวนไปมาราวกับจะถูกกลืนกินโดยพลังไร้ที่สิ้นสุดทุกเมื่อ!