ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 393 ตัดสิน
บทที่ 393 ตัดสิน
บทที่ 393 ตัดสิน
ลู่หยวนสะบัดมือ แล้วสิ่งที่เหมือนกล่องก็พุ่งออกมาจากร่างของหลี่เจียงหนาน
วัตถุชิ้นนี้คือกระดานกลืนกินสวรรค์ลี้ลับที่กักขังศิษย์ทั้งหลายจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไว้!
ยามนี้ เส้นชีพจรจักรพรรดิสลายไปจากร่างของเจียงเชียนชิวแล้ว
ลู่หยวนเหลือบมองตระกูลชั้นสูงที่ยังเหลืออยู่ในแดนมัชฌิม “ยังมีคนที่อยากเข้ามาลองว่าตัวเองสามารถครอบครองเส้นชีพจรจักรพรรดิแดนมัชฌิมอีกหรือไม่?”
ไม่มีใครขานรับ
ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าลู่หยวนย่อมไม่กล้าก้าวเข้าไปท้าทาย ขณะผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะเหนือกว่าก็คิดว่าการช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิแดนมัชฌิมในยามนี้ได้ไม่คุ้มเสีย
สำหรับตระกูลชั้นสูงทั้งหลาย พวกเขาสนใจลู่หยวนมากกว่าของสิ่งนี้เสียอีก
เมื่อทุกคนตกอยู่ในความเงียบ หนึ่งในบรรพชนของตระกูลก็ยืนขึ้น
มีเสียงประหนึ่งฟ้าร้องดังมาแต่ไกลในยามนี้
“โห มีคนกล้าช่วงชิงของจากหยวนเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ? ข้าอยากเห็นเป็นบุญตานักว่าผู้ใดช่างบังอาจทำถึงเพียงนั้น!”
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบกับชายวัยกลางคนสวมชุดสีดำยืนอยู่บนอากาศ ใบหน้าของเขาคล้ายกับลู่หยวน เรียวคิ้วโดดเด่นเป็นสง่า ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันบ้าคลั่ง
ข้างกายบุรุษผู้นั้นมีผู้หญิงประหนึ่งนางเซียนยืนอยู่ ท่วงท่าของนางเปี่ยมด้วยพลังของผู้มีอำนาจ ชุดหรูหราทำให้คนผู้นี้ยิ่งดูสูงศักดิ์
ทั้งสองคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ กลายเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ!
ลู่หยวนผู้เดิมมีใบหน้าบึ้งตึงก็เปี่ยมด้วยรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นสองคนนั้น
“ท่านพ่อ ท่านแม่!”
ผู้มาเยือนคราวนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ย!
อู่หมิงเสวี่ยเผยสีหน้าอ่อนโยนเมื่อเห็นลู่หยวน นางเพียงขยับหนึ่งก้าวก็มาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแล้ว
นางมองลู่หยวนอย่างละเอียดแล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “เจ้าดูผอมลงไปบ้าง ช่วงนี้ทำงานหนักหรือ?”
ลู่หยวนยิ้มกว้าง “ท่านแม่ ช่วงนี้ข้ามีชีวิตสุขสบายดี ไม่ได้ผอมลงเสียหน่อยขอรับ”
อู่หมิงเสวี่ยเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ยามนี้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น การบ่มเพาะก็พัฒนาขึ้นมาก สมกับเป็นลูกชายคนโตของข้าเหลือเกิน!”
นางจ้องมองคนรอบข้างหลังจากมาอยู่ข้างกายลู่หยวน
ผู้คนทั้งหลายจากตระกูลฮ่วนเข้ามาทักทายคนแล้วคนเล่า หลังฮ่วนซิงไป๋ทำความเคารพ เขาชำเลืองมองอู่หมิงเสวี่ยอยู่หลายครั้งแล้วครุ่นคิดว่านางเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงสามารถให้กำเนิดผู้แข็งแกร่งอย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ได้?
หลิงอวิ๋นประสานมือทำความเคารพด้วยท่วงท่าไม่ถ่อมตนหรืออวดดีด้วยสีหน้าสงบ
อู่หมิงเสวี่ยยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนขยับเข้าใกล้ลู่หยวนแล้วเอ่ยว่า “ข้าพึงพอใจกับคนผู้นี้ นางรู้จักมารยาท มีน้ำใจ ดีกว่าซวี่รั่วหลิงเสียอีก นางคล้ายกับมีวิถีหอกที่ดี ดูเหมาะสมกับพวกเรา ไม่เลว!”
“เพียงแต่ยังไม่สามารถให้เข้ามาได้เพราะยังมีการหมั้นหมายเดิมอยู่! รอให้จัดการเรียบร้อยเมื่อไหร่ก็ค่อยต้อนรับนางทีหลัง!”
อู่หมิงเสวี่ยจริงจัง แม้นางจะเอ่ยเสียงเบา แต่ผู้คนที่นี่มีพลังบ่มเพาะต่ำเสียเมื่อไหร่?!
ทุกคำพูดของนางล้วนลอยเข้าหูของทุกคน
หลิงอวิ๋นแสวงวิถีหอกอำมหิต ปราศจากการแสวงหาความรัก แม้คำพูดของอู่หมิงเสวี่ยจะเข้าใจได้ ทว่านางก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายแต่อย่างใด
นางยังคงขมวดคิ้วโดยไม่เอ่ยอะไรประหนึ่งผู้น้อยประพฤติตัวดี ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
อู่หมิงเสวี่ยยิ่งรู้สึกพึงพอใจเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น
จากนั้นสายตาของนางก็เหลือบไปมองกู่จินเจาอีกครั้ง
กู่จินเจายังคงมีอาการสาหัส ดวงตาปิดสนิท หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าซีดเซียว
อู่หมิงเสวี่ยออกความเห็น “คนนี้ก็ไม่เลว ดูอุดมสมบูรณ์ไม่เบา!”
ลู่หยวนยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางเขินอายยิ่ง
บรรพชนตระกูลหลิงจ้องมาทางลู่หยวน ดวงตาของเขาร้อนแรงราวกับจะทะลวงอีกฝ่ายได้
ลู่หยวนรีบแนะนำ จากนั้นบรรพชนตระกูลหลิงกับอู่หมิงเสวี่ยก็ทักทายกัน
ลู่เทียนเหอเดินเข้ามาทักทายเช่นกัน
บรรพชนตระกูลหลิงผ่อนคลายหลังจากเห็นว่าคนในตระกูลลู่ออกโรง “ในเมื่อมีคนควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ข้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป คงต้องขอตัวก่อน”
ลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ยประสานมือเพื่อส่งอีกฝ่าย
ก่อนบรรพชนตระกูลหลิงจะจากไป เขาชำเลืองมองลู่หยวนอย่างเกรี้ยวกราดพลางพึมพำ “เจ้าหนู เจ้ามีหนี้รักมากเหลือเกิน!”
ลู่หยวนกระแอมไอสองสามครั้งขณะสะกดความเขินอายเอาไว้
คนอื่นต่างชำเลืองมองอย่างมีเลศนัยเช่นกัน
ลู่หยวนเกรงว่าอู่หมิงเสวี่ยจะเอ่ยอะไรอีก เขาจึงเป็นฝ่ายกล่าวก่อน “ท่านพ่อ ท่านแม่ อาเฟิ่งเหมือนจะเสียสติไปแล้ว!”
ลู่เทียนเฟิ่งผู้อยู่ไกลออกไปยังคงถูกค่ายกลจำนวนมากกักขังไว้
เป็นเพราะการมีอยู่ของค่ายกลนี้ จึงทำให้เขารอดจากคลื่นอากาศหลายระลอกได้โดยไร้รอยขีดข่วน
ยามนี้ลู่เทียนเฟิ่งเผยดวงตาแดงก่ำซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาหายใจแรงราวกับพร้อมระเบิดอารมณ์เพื่อทำลายล้างฟ้าดินแห่งนี้ทุกเมื่อ!
ยันต์ที่สะกดเขาเอาไว้สั่นไหว ทำให้ทุกคนกังวลว่าค่ายกลอาจรั้งไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
เขาดูเหมือนคนเสียสติ ไม่ต่างจากหุ่นเชิดสังหารที่ควรถูกสะกดเอาไว้โดยไว!
หลังจากลู่เทียนเหอปรายตามอง ก็พยักหน้าเล็กน้อยราวกับไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร แค่อาการเก่ากำเริบเท่านั้น ขังไว้สักสองสามวันเดี๋ยวก็หาย”
ลู่หยวนสับสน เขาทราบเรื่องราวของลู่เทียนเฟิ่งไม่มากนัก
เจ้าของร่างเดิมไม่ได้สนใจเรื่องภายในบ้าน เขาจึงไม่เคยแวะเวียนไปหาอาผู้ถูกจองจำมาหลายปีผู้นี้
หากลู่หยวนไม่ใช้ยันต์เพื่อเรียกลู่เทียนเฟิ่งมา เกรงว่าเขาก็ยังคงอยู่แทะขาไก่ในคุก
ลู่เทียนเหอถอนสายตากลับมามองเส้นชีพจรจักรพรรดิซึ่งบรรจบกันบนท้องนภา
ทั้งพลังและโชคชะตาของมันในยามนี้ลดลงจากก่อนหน้านี้มาก
ลู่เทียนเหอเอ่ยว่า “หยวนเอ๋อร์ เจ้าอยากให้ใครควบคุมเส้นชีพจรจักรพรรดินี้? เจ้าคิดหรือยังว่าจะจัดการเรื่องแดนมัชฌิมในภายภาคหน้าอย่างไร?”
ในมุมมองของเขา สถานที่แห่งนี้ตกต่ำลงมาก ต่อให้ได้เส้นชีพจรนี้มาอยู่ในมือก็ไม่มีประโยชน์เหมือนเดิม
หากบงการหุ่นเชิดก็ต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูชีวิตบางส่วนให้กับแดนมัชฌิม
หากต้องการให้มันคืนสู่รูปลักษณ์เดิม อาจต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก!
ไม่ว่าจะคำนวณอย่างไร สิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่
ลู่หยวนคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดเรื่องทั้งหมดเอาไว้แล้วขอรับ”
สิ้นคำ เขายื่นมือออกไปเพื่ออัญเชิญเส้นชีพจรจักรพรรดิ
แล้วเขาก็เริ่มสื่อสารกับระบบในใจเช่นกัน “ระบบ ข้าต้องการยันต์ที่สามารถควบคุมเส้นชีพจรจักรพรรดิได้! ข้าอยากให้ทุกคนที่ครอบครองมันต้องยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข!”
[คำแนะนำจากระบบ: ยันต์สาปเก้าทิศ! ค่าชะตาวายร้ายที่ต้องใช้: 8,000!]
“แลกเปลี่ยน”
[แจ้งเตือนจากระบบ: แลกเปลี่ยนยันต์สาปเก้าทิศเสร็จสิ้น รบกวนท่านตรวจสอบด้วย!]
[ค่าชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ของท่านในตอนนี้: 24,000!]
ลู่หยวนขยับมือก่อนยันต์สาปเก้าทิศจะปรากฏขึ้น จากนั้นเขาออกแรงเล็กน้อยเพื่อส่งมันเข้าไปในเส้นชีพจรจักรพรรดิ
ชิ้ง!
ยันต์หายไป เส้นชีพจรจักรพรรดิสั่นไหวสักพักก่อนกลับมาเป็นปกติ
ลู่หยวนส่งมันเข้าไปในหน้าผากของกู่จินเจา
โลกพลันสั่นไหว พลังซึ่งเป็นของจักรพรรดิปรากฏขึ้นบนร่างของกู่จินเจา จากนั้นก็กระจายออกไปจนเกิดแรงสั่นสะเทือนทั่วทุกทิศทาง!
อู่หมิงเสวี่ยเห็นทุกสิ่งแจ่มชัด สิ่งที่นางสนใจมากที่สุดคือยันต์ที่ลู่หยวนเพิ่งนำออกมา
อักขระที่ถูกสลักบนยันต์คือสิ่งที่นางไม่เข้าใจ!
อู่หมิงเสวี่ยเงยหน้ามองลู่หยวนด้วยสีหน้าลึกล้ำ