ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 394 เซียวเทียนจากไป
บทที่ 394 เซียวเทียนจากไป
บทที่ 394 เซียวเทียนจากไป
เส้นชีพจรจักรพรรดิพุ่งเข้าสู่ร่างของกู่จินเจา โดยที่พลังสูงสุดยังคงปั่นป่วนอยู่ภายในนั้น สีหน้าซึ่งเดิมซีดเซียวของนางก็ดูดีขึ้นมาก
ลู่เทียนเหอมองจากด้านข้างด้วยความพึงพอใจ
การเตรียมการของลู่หยวนย่อมเหมาะสมที่สุดต่อสถานการณ์ตอนนี้
ตระกูลลู่ยังไม่พร้อมก้าวไปยืนตรงหน้าตระกูลชั้นสูงจำนวนมาก
แต่ว่า…
ลู่เทียนเหอมองลู่หยวนด้วยสีหน้าอ่อนโยน ขณะเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ
พรสวรรค์และการบ่มเพาะของลู่หยวนเหนือกว่ามุมมองและความคิดของเขากับอู่หมิงเสวี่ย ผู้เป็นบิดาเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ ตระกูลลู่ย่อมสามารถยืนอยู่เหนือตระกูลชั้นสูงทั้งหลายได้โดยไม่ต้องสนใจศีลธรรมอันดีงาม!
พลังของเส้นชีพจรจักรพรรดิจางหายไป ทุกสิ่งดูสงบเกินไป
ลู่หยวนได้ปลดปล่อยศิษย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายออกจากกระดานกลืนกินสวรรค์ลี้ลับ จากนั้นจึงเก็บอาวุธวิเศษเข้ากระเป๋า
หลิงอวิ๋นซึ่งอยู่ด้านข้างเห็นการเคลื่อนไหวของลู่หยวน ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ดวงตาของนางหรี่ลงขณะครุ่นคิด เหตุใดอาวุธวิเศษชิ้นนี้ที่เป็นของตระกูลหลิงถึงตกไปอยู่ในมือของหลี่เจียงหนานได้?
ทันใดนั้น นางก็สัมผัสได้ว่าผู้คนทั้งหลายกำลังมองมาทางนี้จากค่ายกลพิทักษ์ชีพซึ่งอยู่ไกลออกไป พวกเขาพลันก้มศีรษะอีกครั้งแล้วจับกลุ่มกันราวกับกำลังสนทนาบางอย่าง
หลิงอวิ๋นจำใบหน้าของคนเหล่านี้ได้
พวกเขาคือลูกน้องของสมาพันธ์ทะเลครามซึ่งอยู่ใต้อาณัติตระกูลหลิง!
พวกเขาไม่ได้ร้องขอการปกป้องจากตระกูลหลิง แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?!
หลิงอวิ๋นขมวดคิ้ว ลู่หยวนย่อมสังเกตเห็น
“พวกเขาล้วนเป็นคนของหลี่เจียงหนานที่แทรกซึมเข้ามาในสมาพันธ์ทะเลครามซึ่งอยู่ใต้อาณัติตระกูลหลิง พวกเขาต้องได้รับของบางอย่างมาจากตระกูลหลิงไม่ผิดแน่!”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ลู่หยวนก็ฉีกยิ้มอันยากจะเข้าใจได้ออกมา
หลี่เจียงหนานผู้นี้มีฝีมือไม่เบา หลังจากเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เขาได้วางแผนการและเตรียมตัวหมากทั้งหลายที่สามารถใช้งานได้
อีกฝ่ายมีคนหนุนหลังมากมาย ทั้งที่เหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ เขากลับออกมาจัดการเรื่องราวพร้อมคนบางส่วน
ชิวชิงหลีกับฉินอี่หานเพียงดื่มชาอยู่ด้านหลัง พวกนางไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมเหตุการณ์ทั้งหลาย
ในฐานะผู้บัญชาการ เขาถือว่าใช้ทรัพยากรค่อนข้างสิ้นเปลือง…
หากคนอื่นได้ยินความคิดของลู่หยวนในตอนนี้แล้วมาทราบทีหลังว่ามีคนติดตามอีกฝ่ายมากแค่ไหน เกรงว่าพวกเขาได้กระอักโลหิตเป็นแน่!
คนของลู่หยวนแข็งแกร่ง หากพวกเขาทั้งหมดออกโรง แดนมัชฌิมอาจไม่มีที่ให้ยืนก็เป็นได้!
หลังจากศิษย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถูกปล่อยตัวออกมา พวกเขาต่างปลื้มปีติ การอยู่ในกระดานกลืนกินสวรรค์ลี้ลับทำให้รู้สึกสิ้นหวังราวกับจะบดขยี้พวกตนได้ทุกเมื่อ!
บัดนี้พวกเขาได้รับอิสระแล้ว ทุกคนจึงทำความเคารพลู่หยวนพร้อมกับกล่าวคำสรรเสริญเยินยอ!
ร่างหนึ่งที่ไม่ได้เห็นกันมาสักพักเดินออกจากฝูงชน เขาถือกระบี่หนัก ยามนี้พละกำลังถูกสะกดไว้ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความมั่นคง
คนผู้นี้คือเซียวเทียน!
“พี่ลู่”
เมื่อเซียวเทียนประสานมือทักทาย ลู่หยวนจึงพยักหน้าตอบ “น้องเซียว ข้าไม่ได้เจอเจ้าตั้งนาน ดูเหมือนการบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นมาก วิถีกระบี่เองก็ก้าวหน้าไม่น้อย”
เซียวเทียนดูเขินอาย เมื่อได้ยินเช่นนี้ “หากเทียบกับพี่ลู่แล้ว ความคืบหน้าในการบ่มเพาะของข้านับว่าไม่ควรค่าให้กล่าวถึงเลยขอรับ!”
หลังจากเงียบสักพัก เซียวเทียนพลันเผยสายตามุ่งมั่น “พี่ลู่ ในระหว่างการฝึกฝนที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ข้าคิดมาตลอดว่าแม้ทรัพยากรที่นี่จะมหาศาล รวมถึงอาจารย์สำนักทั้งหลายก็เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจในแต่ละแขนง แต่การใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เหมาะกับข้า!” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ในตอนนั้นข้ายังไม่มั่นใจ แต่พอได้เห็นพี่ลู่ในวันนี้ ข้าจึงตัดสินใจจะเดินตามทางของตัวเอง! แผ่นดินกว้างใหญ่ ข้าต้องออกไปค้นหา หากอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็มีแต่จะได้รับการปกป้องจากผู้อื่น สภาพแวดล้อมเช่นนั้นรังแต่จะทำให้การเติบโตของข้าล่าช้า!”
“พี่ลู่ หากกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งที่สามารถเทียบเคียงกับเจ้าได้แน่นอน! ไม่ใช่คนที่ทำได้เพียงปล่อยให้เจ้าคอยดูแลอยู่ฝ่ายเดียว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่หยวนจึงเม้มริมฝีปากพร้อมเผยสายตาไม่เต็มใจ
เซียวเทียนรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
แม้เขากับลู่หยวนจะใช้เวลาด้วยกันไม่มาก แต่ก็มักพบปะเพื่อดื่มกินร่วมกันจนกลายเป็นสหาย
หากไม่ใช่เพราะลู่หยวน เขาอาจจะตายในจวนตระกูลเสิ่นไปแล้ว! เขาจะยังเข้าสู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกฝนและเป็นที่ยอมรับในฐานะศิษย์เอกของบรรพชนกระบี่ได้อย่างไร?!
ดังนั้น เขาจึงต้องไป!
เขาต้องไปจากที่นี่ ที่ซึ่งคอยมอบความปลอดภัยให้เพื่อกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นความตาย!
ถึงตอนนั้น เขาจึงจะมีคุณสมบัติเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ลู่อีกครั้ง!
ลู่หยวนรู้สึกอึดอัดใจ “เจ้าจะไปจริงหรือ?”
ข้ายังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเจ้ายังไม่หนำใจเลย!
ดวงตาของเซียวเทียนแดงก่ำขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “ข้าต้องไป!”
ในที่สุดลู่หยวนก็ถอนหายใจก่อนตบบ่าของอีกฝ่าย “เช่นนั้นเจ้าจะไปเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้เลย!”
เซียวเทียนเอามือขวาทาบอกขณะโคจรพลังบ่มเพาะ แล้วเกล็ดหัวใจมังกรขนาดเท่าเล็บมือก็ปรากฏขึ้น จากนั้นจึงกลายเป็นยันต์ชนิดพิเศษ
หลังจากเกล็ดหัวใจมังกรถูกนำออกมา ใบหน้าของเซียวเทียนซีดอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ลู่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีอุบายมากมาย ของชิ้นนี้อาจจะมีประโยชน์ไม่มาก แต่ข้าไม่มีของดีกว่านี้อีกแล้ว”
“เจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อขัดเกลาอาวุธหรือสิ่งอื่นได้ หากต้องการใช้ประโยชน์จากข้า เจ้าจงเผายันต์นี้ด้วยเพลิงวิญญาณ ต่อให้อยู่ห่างกันนับหมื่นลี้ ข้าก็จะต้องมาช่วยเจ้าแน่นอน!”
เซียวเทียนส่งยันต์เกล็ดมังกรไปที่มือของลู่หยวน จากนั้นหันหลังแล้วยกมือขวาขึ้น ก่อนเอ่ยเสียงอันแผ่วเบาและรวดเร็วที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคนหนุ่มสาว
“พี่ลู่ ครั้งหน้าที่พวกเราพบกัน ข้ามาขอท้าสู้กับเจ้า ถึงตอนนั้นก็อย่าแพ้ข้าละ!”
สิ้นคำ เซียวเทียนก็ทะยานออกจากแดนมัชฌิมโดยไม่เหลียวหลังกลับมา
ลู่หยวนถือยันต์เอาไว้ขณะจับจ้องร่างของอีกฝ่ายจนกระทั่งหายลับไปไกล
ผ่านไปพักใหญ่ อู่หมิงเสวี่ยจึงเอ่ยว่า “เขาเป็นลูกหลานจากตระกูลไหน?”
ลู่หยวนยิ้ม “ตระกูลเซียว เป็นเพียงตระกูลพรมแดนที่ไม่มีใครรู้จัก”
“แต่ว่า… หากอยู่ในมือของข้า ไม่ช้าก็เร็ว ตระกูลเซียวจะกลายเป็นตระกูลที่ทรงพลังแน่นอน!”
การได้เป็นพี่น้องกับบุตรแห่งโชคชะตา เขาจึงควรค่าแก่การเป็นวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่…
แต่ว่า…
หากเซียวเทียนจากไปสักพัก เขาจะต้องหาโอกาสเพื่อเพิ่มค่าโชคชะตาได้อย่างแน่นอน!
ถึงตอนนั้นก็มีผลประโยชน์ให้เก็บเกี่ยวอีกมากมาย!
ยอดเยี่ยม!
เซียวเทียนผู้ทะยานออกไปไกลอย่างรวดเร็ว รู้สึกคัดจมูกก่อนจะจามออกมาหลายครั้ง
เขาเกาจมูกก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ใครคิดถึงข้ากันนะ?”
เซียวเทียนสะกดความคิดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะทะยานจากไปไกล
ชายหนุ่มคิดเอาไว้แล้วว่าภายภาคหน้าจะไปที่ไหน
เขาจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ทะเลใต้ก่อน จากนั้นล่องเรือไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในทะเลซึ่งถูกบันทึกไว้ในตำรา… เกาะไร้ธุลี!
เซียวเทียนมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก เพราะเขาค้นพบมรดกของเกาะไร้ธุลีในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!
การไปในครั้งนี้ เขาจะต้องได้บางอย่างติดมือมาแน่นอน!