ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 402 สามเรื่อง
บทที่ 402 สามเรื่อง
บทที่ 402 สามเรื่อง
ใบหน้าของกู่จินเจาแข็งทื่อ นางรู้ดีว่าลู่หยวนกำลังปั่นประสาทผู้คน
ฮ่วนซิงไป๋ผู้ยืนฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอยู่อีกด้านหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เก็บได้หรือขอรับ? เก็บได้ที่ไหน? ข้าจะเก็บของที่สุดยอดเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“พรุ่งนี้ไว้ว่ากัน!”
ลู่หยวนชำเลืองมองฮ่วนซิงไป๋อย่างเกียจคร้านแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
ฮ่วนเฟยเฉินผู้อยู่ไกลออกไปเอามือกุมหน้าผาก ลูกชายคนนี้… เหตุใดจึงไม่เข้าใจว่าอะไรควรหรือไม่ควรพูด…
ลู่หยวนมองเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหลที่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนเอ่ยถามฮ่วนซิงไป๋ผู้อยู่ข้างกาย “หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ข้าว่าจะไปตระกูลชิว เจ้าว่างหรือไม่?”
“ไปตระกูลชิวหรือ? เจ้าจะไปทำอะไร?”
ฮ่วนซิงไป๋มีสีหน้าประหลาดใจ
จวนตระกูลชิวไม่ใช่สถานที่เหมาะจะไปเยี่ยมชม เขาเคยได้ยินผู้เป็นพ่อบอกว่ามีพลังมารเข้มข้นอยู่ที่นั่น รวมถึงมีเสียงภูตผีกรีดร้องและหมาป่าหอนอยู่ทั่วทุกหนแห่งแม้เป็นยามกลางวัน! มันไม่เหมาะที่ผู้คนจะฝึกฝนนัก!
“เจ้าสนใจจะไปทุบตีผู้อื่นหรือไม่?”
ลู่หยวนยักคิ้วขณะยื่นมือขวาออกมา จุดแสงหนึ่งก็ร่ายรำอยู่บนฝ่ามือขณะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“ฉู่เชิ่งเองก็ไปทิศทางที่คนตระกูลชิวอยู่เช่นกัน”
ฮ่วนซิงไป๋เข้าใจความนัยของลู่หยวน พวกเขากำลังจะไปเล่นงานฉู่เชิ่ง!
ผ่านไปสักพัก หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยระลอกคลื่น!
เมื่อกำลังจะตอบตกลง ฮ่วนซิงไป๋พลันคิดบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าจึงมืดมนลง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าไปไม่ได้ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข้าสัมผัสได้ว่าพลังของข้ามาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว ดูจะพร้อมทะลวงขั้นได้ทุกเมื่อ ข้าต้องทำตามคำขอตระกูลเพื่อไปดินแดนลับ!”
ลู่หยวนส่งเสียงอื้มด้วยสีหน้าไม่ผิดหวัง แต่กลับปรายตาไปมองกู่อี้เจี้ยนผู้ยืนอยู่ในอากาศขณะได้รับการคุ้มกันโดยปราณกระบี่ที่มองไม่เห็น
“ในเมื่อเจ้าไปไม่ได้ เช่นนั้นให้ภรรยาไปแทนได้หรือไม่?”
ฮ่วนซิงไป๋กะพริบตา “บุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอยากให้ข้าโน้มน้าวนางหรือ? แต่ข้าอาจจะทำไม่สำเร็จก็ได้!”
เขาเข้าใกล้ลู่หยวน ก่อนจะลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “นางหมกมุ่นกับวิถีกระบี่โดยตลอด ตอนนี้นางเชี่ยวชาญมันแล้ว ข้าไม่ทราบเลยว่านางจะสนใจหรือเปล่า แต่ถ้านางไม่อยากไป ข้าก็ไม่สามารถบังคับได้!”
“ไม่จำเป็น ข้าสามารถหาทางให้นางตามมาได้ นางคือภรรยาของเจ้าไม่ใช่หรือ? ไปคุยกับนางสิ”
ลู่หยวนตบบ่าฮ่วนซิงไป๋ “ไม่ต้องห่วง ข้าสัญญาว่าจะพานางกลับมาให้ได้!”
ลู่หยวนคิดเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว ยามนี้ดูเหมือนว่าคนมากฝีมือที่อยู่รอบข้างก็ไม่สามารถลงมือได้
ลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ยยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาต้องกลับไปดูแลสถานการณ์ ตระกูลและสำนัก
ยิ่งกว่านั้น หากพวกเขาสองคนไป เรื่องนี้จะบานปลายจนสุนัขเฒ่าชิวสิงอาจระแวดระวังมากขึ้น!
ส่วนไป๋ชิวเอ๋อร์กับพวกฉินอี่หาน ระดับการบ่มเพาะของพวกนางต่ำเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพาไปด้วย
หลิงอวิ๋นต้องคุ้มกันแดนมัชฌิมอีกครั้ง ประการที่หนึ่ง เพื่อจัดระเบียบตระกูลหลิง ประการที่สอง เพื่อให้การช่วยเหลือกู่จินเจา
หากเป็นเช่นนี้ นอกจากสือจิ่วกับเจิ้งชิงเทียนแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่ลู่หยวนสามารถใช้งานได้
หลังจากครุ่นคิด ชายหนุ่มจึงหันไปสบสายตากับกู่อี้เจี้ยน
ผู้หญิงคนนี้ไม่ทำอะไรนับตั้งแต่เชี่ยวชาญวิถีกระบี่
พานางไปก็ได้ไม่เสียหาย!
ทว่ากู่อี้เจี้ยนคือภรรยาในอนาคตของฮ่วนซิงไป๋ หากจะพาใครสักคนออกไปเพื่อยุติเหตุการณ์ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่องเสียก่อน
ลู่หยวนไม่กลัวว่ากู่อี้เจี้ยนจะไม่ตอบตกลง เพราะตอนนี้ตระกูลกู่ได้รับเส้นชีพจรจักรพรรดิไปแล้ว ซึ่งนางเองก็เป็นสมาชิกของราชวงศ์เช่นกัน ดังนั้นจึงมิอาจหลีกเลี่ยงการถูกสะกดด้วยยันต์สาปเก้าทิศได้!
ฮ่วนซิงไป๋ย่อมไม่ทราบว่าลู่หยวนอยากพากู่อี้เจี้ยนไปตระกูลชิวเพื่อเผชิญหน้ากับชิวสิง จึงพยักหน้ารับ “ถ้าไม่ใช่เพราะถึงต้องทะลวงขั้น ข้าก็อยากไปกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ด้วย!”
“ถ้าทะลวงขั้นสำเร็จเมื่อไหร่ ข้าจะไปหาบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ตระกูลชิวแน่นอน!”
ลู่หยวนส่งเสียงอื้ม
เรื่องทั้งหลายได้คลี่คลายลงแล้ว ด้วยเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหลที่เพาะอยู่ในแดนมัชฌิม การฟื้นฟูขึ้นใหม่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม!
…
ในคืนนั้น ลู่หยวนวางกำลังทั้งหมดในแดนมัชฌิมแล้วขอให้เสวียนเทียนชวนออกมาจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อก่อตั้งตระกูลเสวียน ซึ่งกองกำลังที่มีอยู่ของลู่หยวนจะถูกส่งไปที่นั่น
อวี๋ฉู่เข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนไป๋ชิวเอ๋อร์กับฉินอี่หานยังคงศึกษาอยู่ที่นั่น
ทุกสิ่งกำลังเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ตกกลางคืน ลู่หยวนกลับมายังที่พักตัวเอง แต่ก่อนจะทันได้เข้าห้องโถงใหญ่ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอู่หมิงเสวี่ยผู้เป็นมารดา
ลู่หยวนขมวดคิ้ว ดึกดื่นป่านนี้ เหตุใดท่านแม่ถึงอยากพบเขา?
เขามุ่งหน้าสู่ห้องโถงด้วยย่างก้าวที่ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
อู่หมิงเสวี่ยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณขณะหลับตาด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง สีหน้าเกียจคร้านของนางช่างละม้ายคล้ายกับลู่หยวน
“ท่านแม่”
ลู่หยวนประสานมือทำความเคารพ
อู่หมิงเสวี่ยลืมตาขึ้นเช่นกันพลางแย้มยิ้ม จากนั้นจึงนั่งตัวตรง
“หยวนเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ? ทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง?”
ลู่หยวนตอบตามความจริง “ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ”
“ท่านแม่มาหาดึกดื่นเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอันใดหรือขอรับ?”
อู่หมิงเสวี่ยยิ้มอ่อน “ถูกต้องแล้ว หยวนเอ๋อร์ บอกแม่มาตามตรง ลูกได้ยันต์ที่สลักลงไปในเส้นชีพจรจักรพรรดิมาจากที่ไหน?!”
“เอ๊ะ…”
ลู่หยวนสำลักสักพัก เขาไม่คาดคิดว่าอู่หมิงเสวี่ยจะถามเรื่องนี้ทันทีที่เขามาถึง
ทว่าปัญหานี้จัดการได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถบอกว่าได้มาจากดินแดนลับหรือซากปรักหักพังก็ได้
เมื่อกำลังจะตอบ ดวงตาของอู่หมิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความหวัง “เด็กดี แม่รู้ว่าลูกได้มันมาจากตำรายันต์โบราณแปดแดนร้างสักแห่งใช่หรือไม่?!”
“ข้าเป็นแม่ของลูก! อย่าคิดปิดบังสิ่งใดเป็นอันขาด! แม่ศึกษาเรื่องยันต์มาหลายปี ของดีเช่นนี้ควรจะมอบให้กับแม่ก่อน ลูกยังเด็ก รอให้แม่ศึกษาเรียบร้อยก่อนแล้วลูกค่อยรับก็ได้ยังไม่สาย!”
“เอ๊ะ…”
ขณะมองสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความหวังของอู่หมิงเสวี่ย ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ท่านแม่อย่าโกหกลูกเลย มีวิชาต้องห้ามมากมายอยู่ในสำนักอักขระสวรรค์ มันช่างกว้างใหญ่ไพศาล ท่านจะเผชิญกับปัญหาได้อย่างไร? หากไม่มีอะไรผิดพลาด ท่านศึกษาไม่กี่ครั้งก็เข้าใจแล้ว”
“ส่วนลูกเข้าใจหมดแล้ว…”
อู่หมิงเสวี่ยคล้ายกับไม่พอใจ “ในบรรดาวิชาต้องห้ามที่สำนักอักขระสวรรค์สั่งสมไว้ธรรมดาเกินไป แม่ทำความเข้าใจพวกมันจนหมดสิ้นแล้วหลังออกจากการเก็บตัว”
“แต่พอได้เห็นยันต์ของลูก แม่ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ต่างกันมาก ลูกช่วยแสดงตำรายันต์เล่มนั้นให้ดูได้หรือไม่?!”
เมื่อลู่หยวนหมดหนทาง เขาจึงต้องขอให้ระบบนำตำราลี้ลับมาให้อู่หมิงเสวี่ย
ระบบได้หักค่าชะตาวายร้ายของลู่หยวนไปห้าพันแต้มเช่นกัน
“ท่านแม่ มันคือตำราเล่มนี้”
อู่หมิงเสวี่ยพลิกหน้าตำราอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพบว่ายันต์ภายในนั้นช่างคลุมเครือและยากจะเข้าใจ สิ่งนี้จึงควรค่าแก่การศึกษาอย่างสมบูรณ์
นางเก็บตำราก่อนเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “สมแล้วที่เป็นลูก! หากแม่ศึกษาเสร็จเมื่อไหร่จะนำมาคืนทันที!”
ลู่หยวนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรขอรับ แม่คงไม่ได้มาหาลูกเพียงเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่”
สิ้นคำ รอยยิ้มบนใบหน้าของอู่หมิงเสวี่ยก็เลือนหายไปเช่นกัน
“แม่มาหาในวันนี้เพราะมีเรื่องสามเรื่อง”
“เรื่องที่หนึ่งคือการที่ลูกกำลังจะไปเยือนตระกูลชิว ทั้งพ่อและแม่จะไม่ก้าวก่ายการตัดสินใจของลูก แต่เพียงเป็นห่วงเท่านั้น ส่วนนี่คือยันต์ที่สามารถอัญเชิญแม่กับพ่อได้ ขอเพียงทำลายมัน ต่อให้อยู่ห่างกันนับพันลี้ เพียงไม่กี่อึดใจ พวกแม่จะไปช่วยลูกต่อสู้ได้ทันท่วงที!”
ลู่หยวนมองยันต์ก่อนจะรับรู้ถึงความอบอุ่น “ขอบคุณท่านแม่”
“เรื่องที่สองคือการหมั้นหมายของลูก หยวนเอ๋อร์ สาวน้อยคนนั้นเข้าสู่แผ่นดินหลักแล้ว นางจะมาพบลูกในไม่ช้า!”