ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 406 หงายไพ่
บทที่ 406 หงายไพ่
บทที่ 406 หงายไพ่
ชิวเซี่ยวเทียนตามติดลู่หยวนไปอย่างเริงร่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร เขาก็ตบปากรับคำเสมอ
ไม่นานหลังจากนั้น ลู่หยวนก็บอกว่าอยากพักผ่อน
ผู้อาวุโสทั้งหลายถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความต้องการของลู่หยวนเมื่อครู่เกือบทำให้พวกเขาต้องสร้างความขุ่นเคืองต่อสำนักทั้งหลายที่อยู่รอบข้าง
หากต้องทำตามอีกฝ่ายบอกจริง เกรงว่ากองกำลังซึ่งอยู่ใกล้เคียงจะเปิดฉากโจมตีพร้อมกันในไม่ช้า!
ชิวเซี่ยวเทียนยังคงมีท่วงท่าสงบและผ่อนคลายขณะนำลู่หยวนไปยังลานบ้านที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ
ลู่หยวนเดินตามอีกฝ่าย ส่วนกู่อี้เจี้ยนเดินตามหลังมาด้วยสีหน้าราบเรียบ
ส่วนชิวชิงหลีถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับผู้อาวุโสผู้บอกว่ามีบางอย่างจะคุยกับนางหลังจากนี้
เมื่อมาถึงลานบ้าน ชิวเซี่ยวเทียนเอ่ยด้วยความสุภาพแล้วจากไปพร้อมกับกลุ่มผู้อาวุโส
สถานที่แห่งนี้เงียบสงบ เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างมากมาย แต่กลับไม่มีผู้ใดอยู่อาศัยเลย
ห้องโถงเจ็ดทิศซึ่งตั้งอยู่ในลานบ้าน ถูกตกแต่งด้วยคานไม้แกะสลักกับเสาหลากสีสัน ดูตระการตาไม่น้อย
ห้องโถงใหญ่แตกต่างกับสิ่งปลูกสร้างอื่นค่อนข้างมาก ทั้งหยกหลากสีสัน หรือวัสดุอื่นที่ใช้ก็คนละอย่าง ทำให้เป็นสิ่งที่ดูสะดุดตายิ่งในจวนตระกูลชิว
ลู่หยวนเพียงปรายตามองสักพักก่อนจะเผยยิ้มเหยียดหยัน จากนั้นจึงเห็นห้องโถงแล้วเตรียมจะเดินเข้าไป
กู่อี้เจี้ยนเดินตามหลังมาโดยที่ไม่เอ่ยอะไรมาตลอดทาง แต่นางในยามนี้กลับขมวดคิ้ว หากกระบี่ยาวในอ้อมแขนไม่ถูกสะกดเอาไว้ เกรงว่ามันคงทะยานออกจากฝักไปนานแล้ว!
“ที่นี่ค่อนข้างแปลกประหลาด หากเจ้าเข้าไปอาจจะเจอปัญหาได้!”
กู่อี้เจี้ยนเอ่ย
ลู่หยวนมีสีหน้าเฉยชา “ข้าทราบอยู่แล้ว แต่ที่มาตระกูลชิวในครั้งนี้ก็เพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะใช้เล่ห์กลอะไรบ้าง!”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็ยกเท้าก้าวเข้าไปในห้องโถง
หลังจากลู่หยวนเข้ามาข้างใน ค่ายกลสีแดงก็ปรากฏขึ้นรอบห้องโถงใหญ่ ไม่มีกลิ่นอายใดเล็ดลอดออกมาได้ แม้กระทั่งกู่อี้เจี้ยนก็ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของลู่หยวนได้อีกต่อไป ราวกับอีกฝ่ายหายไปจากอากาศ!
กู่อี้เจี้ยนขมวดคิ้วขณะครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเหลือบสายตามองห้องโถงอีกหกแห่งที่เหลือ หลังจากใคร่ครวญแล้ว หญิงสาวพลันยื่นมือซ้ายแล้วชี้ไปที่หนึ่งในนั้นก่อนจะเห็นปราณวิญญาณอันทรงพลังทะยานออกมา หลังจากเกิดความปั่นป่วนขึ้น เก้าอี้ไม้โบราณก็ถูกนำออกมา
นางกรีดปลายนิ้วกับกระบี่ แล้วเก้าอี้ก็เคลื่อนลงมาอย่างนุ่มนวล ณ มุมหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตาของลานบ้าน
นางยกมือขึ้นติดตั้งปราณกระบี่จำนวนมากไว้รอบข้างอีกครั้ง จากนั้นเดินไปที่เก้าอี้ไม้โบราณแล้วนั่งลง
กู่อี้เจี้ยนวางมืออีกข้างบนพนักเก้าอี้ก่อนจะหลับตาพักผ่อน
เมื่อลู่หยวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ก็พบว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล ปราศจากแสงสว่าง และเต็มไปด้วยกลิ่นอายมารไร้ขอบเขตที่พลุ่งพล่านออกมา
“ชิวสิง เจ้าเฒ่าทารก…”
ลู่หยวนยิ่งเผยยิ้มหยัน เพียงสะบัดมือก็ทำให้กลิ่นอายมารตรงหน้าสลายไปได้
แสงสีแดงเข้มวูบไหวผ่านดวงตาของเขา แล้วอำนาจวิเศษของเนตรเทวะก็ปรากฏขึ้น
ทุกสิ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเช่นกัน
สิ่งแรกที่สะดุดตาชายหนุ่มก็คือแผนที่ขนาดใหญ่ซึ่งแขวนอยู่บนกำแพงด้านหนึ่ง!
ทุกตำแหน่งของตระกูลชิวล้วนถูกบรรยายไว้บนแผนที่อย่างละเอียด!
เมื่อลู่หยวนมองอย่างละเอียดก็พบว่ากลิ่นอายมารรอบข้างคล้ายกับสัมผัสบางสิ่งได้ พวกมันล้วนสั่นสะท้านก่อนจะมารวมตัวกัน แล้วสะท้อนจุดแสงสว่างทั้งแปดแห่ง
พวกมันต่างกระจัดกระจายในตำแหน่งทั้งหลายในตระกูลชิว
หนึ่งในนั้นคือจุดที่ลู่หยวนอยู่ในตอนนี้!
หลังจากเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายมารในใจสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นราวกับมีโชคชะตาเผ่ามารบางส่วนอยู่ข้างกาย!
ทันใดนั้น เขาก็เห็นอากาศสั่นไหวอยู่ข้างกาย แล้วกลิ่นอายมารเข้มข้นก็ยิ่งพวยพุ่งออกมา!
เสียงหมองหม่นของกระบี่ดังขึ้น
ลู่หยวนเหลือบมองด้านข้างก่อนจะเห็นกระบี่ยาวปรากฏขึ้นในอากาศ มันลอยนิ่ง
กระบี่เล่มนั้นเป็นสีดำสนิท มีเส้นสีม่วงดำปกคลุมไปทั่ว มันกำลังดูดกลืนกลิ่นอายมารทั้งหมดซึ่งอยู่รอบข้างเข้าไป บางครั้งก็มีสายฟ้าวนเวียนไปมา
ยามที่มันออกมา กลิ่นอายมารรอบข้างพลันสั่นไหวราวกับยอมศิโรราบ
ลู่หยวนขมวดคิ้วพลางยื่นมือออกไป ทำให้กระบี่ยาวตกลงมาอยู่ในมือ ในเวลาเดียวกัน เสียงของระบบก็ดังขึ้นเช่นกัน
[ยินดีด้วยที่ท่านได้รับกระบี่มาร… กระบี่อัสนีอำพันคำรน!]
กระบี่มาร?!
ลู่หยวนหรี่ตา
เมื่อมองแผนที่ขนาดใหญ่อีกครั้ง กลิ่นอายมารที่เพิ่งรวมตัวกันอยู่ข้างกายลู่หยวนก็หายไป จากนั้นจึงก่อตัวเป็นตัวอักษรคำว่า ‘กระบี่อัสนีอำพันคำรน’!
“เหอะ… ชิวสิง เป็นฝีมือของเจ้าสินะ…”
รอยยิ้มซุกซนของลู่หยวนยิ่งฉีกกว้างขึ้น
นับแต่ที่ออกจากแดนมัชฌิม เขาก็หงายไพ่ทันที
นอกจากทะลวงค่ายกลในหอคอยลอยฟ้าแล้วก็ยังประทับค่ายกลเข้าไปในหมู่เมฆเหนือตระกูลชิว เขาถึงขั้นลากกู่อี้เจี้ยนมาด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายใช้วิธีการแอบแฝง
ทั้งหมดนี้แทบจะเป็นการเผยไพ่ตายบางส่วนให้ชิวสิงเห็น ราวกับเป็นการบอกอีกฝ่ายว่า ข้าอยู่ที่นี่และกำลังใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อปกป้องตัวเอง แล้วเจ้าจะรับมืออย่างไร?
เหตุผลที่หงายไพ่โจ่งแจ้งเช่นนี้ก็เพราะชิวสิงไม่เหมือนคนอื่น เขามีชีวิตมานานขนาดไหนกัน?!
เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร?!
เล่ห์กลเล็กน้อยเหล่านั้นจะใช้ได้ผลหรือ?
เหอะ… ตอนคนของตระกูลชิวเล่นงานเจิ้งชิงเทียน ไม่ทราบว่าพวกเขาหงายไพ่ไปตั้งเท่าไหร่
ชะตากรรมของเจิ้งชิงเทียนน่าเวทนาแค่ไหนกัน?
จนถึงตอนนี้ แม้กระทั่งหอคอยอสูรสวรรค์ก็ยังไม่รอดพ้นสายตา!
ต่อให้ลู่หยวนจะซ่อนไพ่ตายไว้ได้ แต่ชิวสิงอาจจะพอคาดเดาได้บางส่วน!
ถ้าเช่นนั้น สู้เผยหงายไพ่ตายเพื่อสร้างบทบาทที่ต่างกันยังดีเสียกว่า!
เนื่องจากกู่อี้เจี้ยนเดินทางมาพร้อมกับลู่หยวน จึงทำให้เข้ามายังจวนของตระกูลชิวได้อย่างราบรื่น หากนางเลือกลอบเข้ามาเพียงลำพัง เกรงว่ายังไม่ทันเดินทางถึงจุดหมายก็คงถูกชิวสิงจัดการไปแล้ว
ถึงแม้กู่อี้เจี้ยนในยามนี้จะเข้าใจเคล็ดวิถีกระบี่ แต่ก็ยังเยาว์วัย เทียบกับตาเฒ่าชิวสิงแล้ว นางจึงไม่สามารถต่อสู้เพียงลำพังได้ ไม่ช้าก็เร็วย่อมถึงแก่ความตายเป็นแน่!
ลู่หยวนสลักค่ายกลไว้เหนือจวนตระกูลชิวแล้ว แม้ทุกคนในตระกูลชิวจะทราบเป็นอย่างดี แต่ก็ทะลวงออกไปไม่ได้ หากชิวสิงไม่ลงมือด้วยตัวเองก็ไม่มีประโยชน์!
ด้วยเหตุนี้ การลงมืออย่างเปิดเผยจึงกระทำได้ง่าย!
ใช่แล้ว ข้ากำลังบอกว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง แล้วเจ้าเล่า?!
ส่วนชิวสิงก็เตรียมหงายไพ่แก่ลู่หยวนเอาไว้แล้ว
การออกแบบในห้องโถงใหญ่แห่งนี้คือสิ่งที่เขาจงใจเตรียมการเอาไว้!
รายละเอียดทั้งหลายบนแผนที่ขนาดใหญ่ต่างอธิบายให้ลู่หยวนเข้าใจ
เจ้าคือเมล็ดพันธุ์มาร ย่อมต้องสัมผัสตั้งแต่มาถึงได้ว่ามีมารจำนวนมากถูกสะกดเอาไว้ใต้จวนตระกูลชิว
ข้าได้ทำเครื่องหมายระบุตำแหน่งที่กลิ่นอายมารรวมตัวกันเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะมอบหนึ่งในนั้นให้แก่เจ้า ชื่อของมันก็คือ ‘กระบี่อัสนีอำพันคำรน’!
เจ้าคงรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าจุดแสงที่เหลืออยู่ที่ไหน!
นอกจากโชคชะตาของเผ่ามารแล้ว ยังมีโชคชะตาอื่นอีกมากมาย เจ้าจะเข้าไปเอาหรือไม่?
ลู่หยวนนิ่งคล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
การต่อสู้ระหว่างลู่หยวนกับชิวสิงเริ่มขึ้นทันทีที่ลู่หยวนตบปากรับคำที่จะมาเยือนตระกูลชิว!