ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 408 ช่วงชิงสตรีศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 408 ช่วงชิงสตรีศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 408 ช่วงชิงสตรีศักดิ์สิทธิ์
ชิวสิงเบนความสนใจมาทางทาสอารักขาคนหนึ่ง “เจ้าจงไปมอบเหรียญตราของตระกูลชิวให้ลู่หยวนด้วยตัวเอง! ส่วนข้าจะแจ้งให้ทุกคนในตระกูลทราบเองว่าผู้ใดกล้าทำให้เขาขุ่นเคืองจะถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”
ทาสอารักขาตอบตกลงก่อนจะจากไป
ดวงตาของชิวสิงจ้องมองไปยังท้องนภา “ถ้าข้าชิวสิงกลายเป็นจักรพรรดิของแดนเซียน เมื่อนั้นชีวิตนับว่าไม่สูญเปล่า!”
…
เช้าวันต่อมา ลู่หยวนนอนหลับเต็มอิ่ม
ทันทีที่ออกจากห้องโถง เขาก็พบทาสอารักขาคนหนึ่งกำลังรออยู่ข้างนอก
อีกฝ่ายแสดงท่าทียำเกรง ไร้ความเย่อหยิ่งเหมือนกับยามเผชิญหน้ากับกลุ่มของลู่หยวนในตอนแรก
ถึงแม้ลู่หยวนจะไม่เคยเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ แต่เขาก็ทราบเช่นกันว่ามีคนเช่นนี้อยู่รอบข้างชิวสิงเป็นจำนวนมาก
“ไง สุนัขเฒ่าชิวสิงส่งเจ้ามามอบของบางอย่างให้ข้าใช่หรือไม่?”
คำพูดของลู่หยวนลอยเข้าหูของทาสอารักขา ทำให้หัวใจของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
เด็กคนนี้รู้ได้อย่างไร?!
แน่นอนว่าทาสอารักขาไม่ได้ถามออกไป แต่เลือกปกปิดความคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นแผ่นหยกไปตรงหน้าลู่หยวนด้วยสองมือ
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ นี่คือเหรียญตราตระกูลชิวที่มอบให้แก่ท่านโดยเฉพาะ!”
ลู่หยวนรับสิ่งนี้มาตรวจสอบอย่างละเอียด
แผ่นหยกนี้อุ่นยามสัมผัส ทั้งยังเต็มไปด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุด
หยกนี้จะต้องเป็นของดีแน่นอน
“เจ้าสิ่งนี้ใช้ทำอะไรได้?”
ลู่หยวนถามด้วยน้ำเสียงสงบ
ทาสอารักขาตอบ “หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ถือหยกนี้ไว้จะมีฐานะเดียวกับประมุขตระกูลชิว! ไม่ว่าทรัพยากรหรือสถานที่ใดในตระกูลชิว ท่านล้วนเข้าถึงได้ทั้งสิ้น!”
ลู่หยวนตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ผ่านไปหลายอึดใจ เขาจึงคลี่ยิ้มที่มุมปาก
เรื่องราวชักน่าสนใจขึ้นมาแล้ว!
ชิวสิงช่างร้ายกาจไม่เบา!
สมแล้วที่เป็นชายผู้ใช้ชีวิตมาสามแสนปี!
ทางเดียวที่จะส่งทั้งตระกูลชิวให้ลู่หยวนได้ก็คือรอให้เขารับตำแหน่งไวที่สุด จากนั้นจึงเข้าสู่เกมกระดานเพื่อเริ่มการต่อสู้!
เขาสงสัยจริงว่าจะมีคนอื่นในแผ่นดินหยวนหวงมีความกล้าเช่นนั้นหรือไม่?!
ความพยายามตลอดสามแสนปีได้ถูกเปิดเผย สิทธิ์ทั้งหมดถูกมอบให้แก่คนภายนอกเพียงเพื่อทำให้เกมกระดานนี้เริ่มขึ้น!
“หมายความว่าข้าสามารถออกคำสั่งกับตระกูลชิวด้วยแผ่นหยกนี้ได้งั้นหรือ?”
“ถูกต้อง! หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ถือแผ่นหยกไว้ก็เท่ากับเป็นประมุขตระกูล ท่านสามารถออกคำสั่งได้โดยที่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง!”
“เข้าใจละ นับเป็นของเล่นที่น่าสนใจเสียจริง!”
ดวงตาของลู่หยวนเผยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ชิวสิงผู้นี้ช่างวางแผนการไว้ใหญ่โตเสียจริง! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
การไม่สนใจความปลอดภัยของตระกูลเช่นนี้ ต่อให้เป็นเซียนก็ยังไม่กล้าทำด้วยซ้ำ
ถึงแม้ชิวสิงจะใช้ชีวิตมาสามแสนปี แต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์!
คนเราไม่สามารถปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือข้างเดียวได้!
ตามการคาดเดาของลู่หยวน พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายอาจไม่แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น แต่ก็น่าจะบรรลุถึงขั้นอมตยุทธ์
หาไม่แล้ว ชิวสิงไม่มีทางสร้างตระกูลขึ้นมาด้วยสถานะตอนนี้ หากแข็งแกร่งมากพอ เขาอาจจะสังหารคนทั้งหมดด้วยตัวเองเพื่อยึดอำนาจทั้งหมดไว้ เมื่อถึงตอนนั้น ทรัพยากรของเผ่ามารและวิถีคุณธรรมจะอยู่ไกลเกินเอื้อมได้อย่างไร?!
ถ้าไม่ได้ก็ต้องสู้!
แบบนี้นับว่าเร็วกว่าไม่ใช่หรือ?!
ชิวสิงเชื้อเชิญลู่หยวนมากขนาดนี้ อีกทั้งยังมอบทรัพยากรสูงสุดที่ควบคุมไม่ได้ให้อีก!
หากทำอะไรไม่ระวัง ทั้งตระกูลชิวจะตกอยู่ในอันตราย แล้วเส้นทางที่เขาเตรียมการมาสามแสนปีก็จะถูกทำลาย!
ลู่หยวนนึกถึงจุดแสงสว่างบนแผนที่สักพัก
เหอะ! ชายหนุ่มเดาได้ไม่ยากว่าชิวสิงกำลังเตรียมตัวต่อสู้กับเขา ณ สถานที่หนึ่งในพื้นที่เหล่านี้!
เสียงของเจิ้งชิงเทียนดังขึ้นในจิตเทวะของเขา “บุตรศักดิ์สิทธิ์ สุนัขเฒ่าชิวสิงผู้นั้นเหมือนให้ท่านปลดอาวุธมารทั้งหมดที่ตระกูลชิวสะกดเอาไว้!”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าอย่างไรหรือ?”
เสียงของนางยังคงกังวาน
“สิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ทราบก็คือมีเผ่ามารนับไม่ถ้วนถูกฝังอยู่ที่นี่ ซึ่งอาวุธเหล่านี้ได้รับการคุ้มกันโดยค่ายกลที่สร้างขึ้นด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ในครานั้น!”
“แม้ค่ายกลจะปกป้องที่นี่ไว้ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยคำสาปของวิถีสวรรค์!”
“หากชิวสิงต้องการทำตามข่าวลือนั่นเพื่อยึดครองวิถีคุณธรรมกับวิถีมารไว้เพื่อกลายเป็นเทพ เขาย่อมสืบทอดคำสาปของวิถีสวรรค์ไม่ได้!”
“หมายความว่าเขาอยากให้ข้าแบกรับคำสาปของวิถีสวรรค์ไว้ในร่างงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง!”
เจิ้งชิงเทียนเอ่ยอย่างกังวล “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ค่ายกลนี้ผิดปกติมาก! ยามนั้นข้าเป็นผู้เสริมกำลังแก่มัน ถึงแม้จะผ่านมาสามแสนปีแล้ว แต่ตอนนี้ พลังก็ลดลงไปไม่มาก”
“ด้วยพลังของท่านในตอนนี้ ย่อมเปิดมันได้แน่นอน แต่ว่า… ก็ไม่อาจเลี่ยงการบาดเจ็บสาหัสได้ ถึงตอนนั้น ชิวสิงจะต้องฉวยโอกาสแน่นอน!”
ลู่หยวนหัวเราะกับความกังวลของเจิ้งชิงเทียน
เหอะ… ก็แค่ค่ายกลขนาดเล็กเท่านั้น
ถ้าเปิดไม่ได้จริง เช่นนั้นก็ไม่ต้องประวิงเวลา แต่ให้ระบบช่วยเปิดแทนก็ได้!
หากระบบเปิดไม่ได้ก็หมายความว่า… ค่าชะตาวายร้ายยังไม่มากพอ!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลู่หยวนก็นึกขึ้นได้ว่าฉู่เชิ่งราวกับมาที่นี่เช่นกัน
ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว ถึงอย่างไรฉู่เชิ่งก็ใช้ชีวิตมานานเกินไป จึงถึงเวลาเขาเก็บเกี่ยวจากอีกฝ่ายเพื่อให้บุตรแห่งโชคชะตาคนใหม่ได้เฉิดฉาย!
ลู่หยวนสั่งให้ทาสอารักขาไสหัวไป จากนั้นหยิบแผ่นหยกขึ้นมาแล้วตะโกน “ทุกคนในตระกูลชิว จงฟังคำสั่ง!”
ทุกคนเพิ่งได้รับข้อมูลว่าห้ามทำให้ลู่หยวนขุ่นเคือง หาไม่แล้วพวกเขาจะถูกฆ่า
หลังจากได้ยินเสียงของลู่หยวน ทุกคนต่างยืดตัวตรงตั้งใจฟัง
“หยุดทุกสิ่งที่ทำในตอนนี้แล้วไปจับสตรีศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกระบี่อะไรนั่นมาให้ข้าซะ!”
ทุกคนในตระกูลชิวล้วนตกตะลึง
เขาบอกว่าอะไรนะ?!
จับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือ?!
จับตัวสินะ!
พวกเขาจะต้องจับกี่คน? แล้วเก็บไว้ให้ตัวเองได้หรือไม่?
ผ่านไปสักพัก พวกเขาส่งต่อคำพูด
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างมาอยู่ข้างกายชิวเซี่ยวเทียนหลังจากทราบเรื่องนี้
“ท่านประมุข นี่มันเรื่องอะไรกัน! ลู่หยวนคิดว่าตัวเองเป็นใคร?! เขาคิดจะใช้ประโยชน์จากพวกเราตระกูลชิวงั้นหรือ?!”
“ใช่แล้วท่านประมุข หากทำตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วตระกูลชิวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”
“เขาคงวางแผนเอาไว้แล้วเป็นแน่! กำลังของสำนักกระบี่นับว่าไม่เบา ถึงแม้จะด้อยกว่าตระกูลชิว แต่ถ้าเกิดเป็นศัตรูกันขึ้นมา ย่อมเป็นอันตรายกับพวกเราเช่นกัน!”
ทุกคนต่างวิตกจนพากันวิ่งวุ่น แต่ชิวเซี่ยวเทียนยังคงนั่งดื่มชาด้วยความรู้สึกสบายใจยิ่ง
“ท่านประมุข นี่มันใช่เวลามาดื่มชาหรือ?! ทำไมท่านถึงไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย!”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ชิวเซี่ยวเทียน
ชิวเซี่ยวเทียนเพียงวางถ้วยชาอย่างสงบแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าคิดว่าข้าควรทำยังไง?”
“จริงสิ ท่านประมุขโปรดคิดหาหนทางโดยไวด้วยขอรับ ไม่อย่างนั้นก็ไปบอกเขาเลยว่าพวกเราทำไม่ได้!”
ชิวเซี่ยวเทียนยิ้มขณะกวาดสายตามองรอบข้าง “วันนี้ทุกท่านน่าจะได้รับข้อมูลกันแล้ว ว่าหากผู้ใดกล้าทำให้ลู่หยวนขุ่นเคืองจะถูกฆ่า!”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบสักพัก
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกลับกล้าเอ่ยออกมา “ท่านประมุข หรือว่านี่คือ… ความตั้งใจของท่านบรรพชน?”
“ข้าขอบอกตามตรงแล้วกัน ตอนนี้แผ่นหยกของตระกูลชิวตกอยู่ในมือของลู่หยวนแล้ว ทั้งตระกูลชิวจึงตกเป็นของเขา! แต่เขามีเจตนาบางอย่างแอบแฝงอยู่ เพราะงั้นไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
ผ่านไปสักพัก ผู้อาวุโสทั้งหลายพลันหยุดตะโกนก่อนจะบังเกิดความเข้าใจขึ้นมา
ชิวเซี่ยวเทียนเอนกายแล้วเอ่ยเนิบช้า “เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก? ไปจับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์มาได้แล้ว!”
ทันทีที่สิ้นคำ ทุกคนพลันทะยานออกไป แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของท่านบรรพชน ทุกคนถืออาวุธไว้มั่น เตรียมทุ่มสุดกำลังเพื่อไปชิงตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์!