ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 409 ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่
บทที่ 409 ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่
บทที่ 409 ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่
สมาชิกตระกูลชิวนับร้อยคนออกมารวมตัวกัน ทุกคนล้วนถืออาวุธด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
ถึงอย่างไร สิ่งที่พวกเขาต้องทำต่อจากนี้นับว่าไร้เกียรติ ทั้งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม กลับต้องไปช่วงชิงสตรีศักดิ์สิทธิ์จากสำนักอื่นงั้นหรือ?!
การกระทำนี้คือสิ่งที่มนุษย์พึงทำหรือ?!
ถึงแม้ทุกคนจะต่อว่าลู่หยวนในใจ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรอคำสั่งของผู้อาวุโสตระกูล!
ความจริงแล้วไม่มีผู้อาวุโสคนใดอยากไป แต่หลังจากสนทนากันสักพัก ทุกคนที่เดิมไม่อยากไปตัดสินใจได้ว่าในเมื่อต้องอับอายแล้ว สู้อับอายไปด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!
หากทำแบบนี้ นอกจากสมาชิกตระกูลชิวบางส่วนที่ยังคงเก็บตัว ทุกคนซึ่งยังมีลมหายใจล้วนถูกเรียกออกไป!
ผู้คนของตระกูลชิวรีบรวมตัวกันกลางอากาศ
ลู่หยวนเดินเนิบช้าด้วยท่าทางเกียจคร้าน แต่คราวนี้กู่อี้เจี้ยนไม่ได้ติดตามมาด้วย
ทุกคนในตระกูลชิวต่างประสานมือทำความเคารพเมื่อเห็นลู่หยวน “คารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ลู่หยวนพยักหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นชำเลืองมองทุกคนในตระกูลชิวผู้กำลังมาที่นี่
“มีคนแค่นี้เองหรือ?”
ลู่หยวนคล้ายไม่พอใจ
ชิวเหลียวผู้เป็นผู้อาวุโสห้าแห่งตระกูลชิวก้าวมาข้างหน้า ก่อนแย้มยิ้มด้วยความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็แค่การลักพาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าผู้อาวุโสล้วนออกหน้ากัน ด้วยพลังระดับนี้น่าจะเกินพอแล้ว”
“พอหรือ?”
ลู่หยวนยิ้มหยัน “หากคนขั้นอมตยุทธ์หรือเทพยุทธ์มาฆ่าข้าขึ้นมา คนของพวกเจ้ามีปัญญาปกป้องหรือไม่?!”
ชิวเหลียวพลันลอบเหงื่อตก
ไม่มีผู้คนจากสำนักบริเวณใกล้เคียงกับตระกูลชิวที่อยู่ขั้นอมตยุทธ์หรือเทพยุทธ์!
อีกอย่าง หากมีคนที่อยู่ขั้นอมตยุทธ์หรือเทพยุทธ์ออกมาจริง ต่อให้พาตระกูลชิวทั้งหมดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็มีแต่ตายกับตาย!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการอะไร?”
ชิวเหลียวถามอย่างอดกลั้นขณะสะกดโทสะไว้
ลู่หยวนชี้นิ้วอย่างไม่ใส่ใจ “แค่ไปทางนั้นแล้วตามหาผู้สวมหน้ากากมาห้าหกคนก็พอ”
ชิวเหลียวมองไปยังทิศที่ลู่หยวนชี้ ก่อนจะพบว่าบริเวณนั้นคือจุดที่ชิวสิงผู้เป็นบรรพชนของตระกูลชิวอยู่!
ส่วนผู้สวมหน้ากากที่ว่าต้องหมายถึงทาสอารักขาเป็นแน่!
ทาสอารักขาคือผู้ที่เชื่อฟังเฉพาะคำสั่งของท่านบรรพชน ต่อให้ประมุขตระกูลมาด้วยตัวเอง พวกเขาบางส่วนก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า!
ลู่หยวนคิดว่าตัวเองคือบรรพชนของตระกูลชิวอย่างนั้นหรือ?!
ชิวเหลียวกำลังจะเอ่ย แต่ร่างทั้งเจ็ดกลับออกมาจากอากาศซึ่งอยู่ไม่ไกล
คนเหล่านี้ล้วนสวมชุดสีขาวและหน้ากาก กลิ่นอายของพวกเขาถูกสะกดเอาไว้ ทำให้ยากจะบอกระดับการบ่มเพาะที่แน่ชัดได้
คนที่เป็นผู้นำก้าวมาข้างหน้า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะช่วยท่านเอง”
ลู่หยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “ไม่เลว”
สิ้นคำ เขาก็หยิบอาวุธวิเศษออกมาจากแหวนเก็บของ ขนาดของมันขยายทันทีที่ปรากฏออกมา แล้วรถลากหยกก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
ลู่หยวนก้าวไปข้างหน้าแล้วเอนกายอยู่ในรถม้า ม่านสีอ่อนถูกดึงลงมาก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเกียจคร้าน “พวกเจ้ามัวยืนอะไรอยู่ ยกขึ้นสิ!”
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลชิวพลันปะทุด้วยโทสะ!
ลู่หยวนผู้นี้กำลังทำให้พวกเขาอับอายขายขี้หน้า!
พวกตนคือสมาชิกตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม!
ไม่ว่าบุคคลผู้มีสายเลือดตระกูลชิวจะมีระดับการบ่มเพาะต่ำแค่ไหน ขอเพียงเอ่ยนามออกมาก็ไม่มีใครในแผ่นดินกล้าทำตัวเสียมารยาท!
แล้วคนอยากเจ้าหนูตรงหน้าผู้นี้กลับบังอาจขอให้คนตระกูลชิวยกรถลากหยกได้อย่างไร?!
สีหน้าของคนหนุ่มสาวเลือดร้อนที่ขาดความสุขุมก็แปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงทันที
ส่วนสีหน้าของผู้อาวุโสก็ไม่สู้ดีเช่นกัน แต่พวกเขาปกปิดไว้ได้
สิ่งที่พวกเขาอาจจะกำลังคิดอยู่ ก็คือในเมื่อตนไม่ใช่คนยกก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอับอาย
ในฐานะหน้าตาของตระกูลชิว ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องเสียหน้านับแต่ออกไปในวันนี้อยู่แล้ว บัดนี้ที่ต้องทำทั้งหมดก็คือการรักษาหน้าตาของตัวเองไว้
เสียงของลู่หยวนดังมาจากในรถลากหยก “ผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกเจ้ามัวยืนอะไรอยู่? หรืออยากให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไปเชื้อเชิญ?!”
ผู้อาวุโสตระกูลชิวทั้งแปดคนมาในวันนี้ทั้งที จึงสมควรยกรถลากหยก!
สีหน้าของพวกเขาขุ่นหมองสักพัก หากต้องยกรถลากหยกในวันนี้ ย่อมกลายเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต!
ภายภาคหน้าผู้คนบนแผ่นดินจะมองพวกเขาอย่างไร?!
หนึ่งในผู้อาวุโสไม่อาจทนความอับอายได้ จึงเป็นฝ่ายก้าวมาชี้หน้าลู่หยวน พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าหนู คิดว่าข้าในฐานะตระกูลชิว…”
ก่อนจะทันได้เอ่ยจบ หนึ่งในทาสอารักขาก็ลงมือด้วยการฟาดฝ่ามือออกไป ทำให้พลังมหาศาลกระแทกใส่ผู้อาวุโสทันที
สิ้นเสียง หน้าอกของผู้อาวุโสยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว โลหิตไหลออกจากมุมปาก ทันใดนั้นเขาก็สิ้นลมหายใจ ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง!
เมื่อทาสอารักขาชักมือกลับ พลันกวาดสายตามองผู้อาวุโสคนอื่น ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเนิบช้าทว่าเปี่ยมด้วยจิตสังหาร “ใครไม่เชื่อฟังบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสคนที่เหลือพลันซีดเผือด พวกเขาลังเลสักพัก จากนั้นจึงถอนหายใจแล้วเดินมายืนประจำตำแหน่งรอบรถลาก หลังจากถ่ายพลังเข้าไปก็ยกมันขึ้น
มุมหนึ่งของรถลากหยกขาดคน ทาสอารักขาจึงต้องไปแทนที่
“ไปสำนักกระบี่สวรรค์!”
สิ้นคำสั่งของลู่หยวน ผู้อาวุโสทั้งแปดคนยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงขณะยกรถลากหยกอย่างมั่นคง มุ่งหน้าสู่สำนักกระบี่สวรรค์ซึ่งอยู่นอกจวนตระกูลชิว!
คนที่เหลือของตระกูลชิวเดินตามหลังเรียงเป็นสองแถว พวกเขาล้วนมีสีหน้าไม่สู้ดียามเดินตามรถลากอยู่ไม่ห่าง
ลู่หยวนผู้อยู่ในรถลากหยกยกมือกางแผนที่ สิ่งที่ปรากฏบนนั้นคือตำแหน่งของกองกำลังทั้งหลายในรัศมีสามหมื่นลี้โดยมีตระกูลชิวเป็นศูนย์กลาง!
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาพลันเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก!
ชิวสิง ที่เจ้ายอมให้ข้าทำตามอำเภอใจได้ขนาดนี้ก็เพราะอยากให้เริ่มเกมกระดานหมากรุกใช่หรือไม่!
เหอะ! ในเมื่อแสดงความสุภาพถึงเพียงนี้ หากข้าไม่ปลุกปั่นฟ้าดินเสียหน่อย เดี๋ยวความพยายามลากเลือดของเจ้าจะพลอยสูญเปล่าไปด้วย!
หลังจากสะกดความคิดทั้งหลาย ลู่หยวนก็นึกถึงแผนที่ในห้องโถงใหญ่ซึ่งมีอาวุธมารที่ถูกตระกูลชิวสะกดเอาไว้
ชิวสิงดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเช่นนี้ก็เพราะอยากให้ลู่หยวนเริ่มตรวจสอบอาวุธมารเหล่านั้น
แม้เจิ้งชิงเทียนจะบอกว่ามีคำสาปวิถีสวรรค์อยู่ใต้จวนตระกูลชิว ชิวสิงจึงเปิดเองไม่ได้ง่าย ๆ
แต่ถ้าลู่หยวนเป็นคนเปิด อีกฝ่ายย่อมคว้าอาวุธเหล่านั้นด้วยตัวเองได้!
เหตุใดถึงสั่งให้ลู่หยวนเดินเข้าไปทีละก้าวด้วยเล่า?!
การกระทำนี้จะต้องมีความหมายลึกล้ำบางอย่างเป็นแน่ แต่บัดนี้เขายังคาดเดาไม่ออก
ลู่หยวนกลับมามีสติขณะทิวทัศน์รอบข้างผ่านไป ผู้คนบางส่วนที่ยกรถลากหยกเปี่ยมด้วยความสุข พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยกำลังวังชาด้วยเกรงว่าจะมีใครมองเห็น!
กลุ่มคนจากตระกูลชิวที่ตามหลังก้มศีรษะเช่นกัน กองกำลังขนาดเล็กทั้งหลายที่เดินผ่านไปมาต่างส่งสายตามองด้วยความสงสัย
ถึงอย่างไร ก็เป็นภาพหายากที่ตระกูลชิวจะระดมกำลังมากขนาดนี้!
สำนักกระบี่สวรรค์…
ลู่หยวนพลิกมือ แล้วจุดแสงสว่างซึ่งอยู่บนฝ่ามือยังคงร่ายรำไปมาขณะหันทิศทางไปที่สำนักแห่งนั้น!
สิ่งนี้แสดงว่าตอนนี้ฉู่เชิ่งอยู่กับสำนักกระบี่สวรรค์!
รอยยิ้มของลู่หยวนยิ่งฉีกกว้าง
ฉู่เชิ่ง ในเมื่ออยู่ใกล้ข้าขนาดนี้ก็อย่าได้กังวลไป ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!