ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 418 ชิวเสวียนเข้าร่วม
บทที่ 418 ชิวเสวียนเข้าร่วม
บทที่ 418 ชิวเสวียนเข้าร่วม
ผู้อาวุโสตระกูลชิวไม่คิดขัดขืนลู่หยวนอีกต่อไป
เมื่อลู่หยวนเอ่ยจบ ทาสอารักขาสองคนก็พุ่งออกไปสยบเยวี่ยอู๋ฉือด้วยความเร็วปานสายฟ้า!
จากนั้นนางก็ถูกค่ายกลจองจำไว้ ก่อนจะนำเข้าไปในเกี้ยวหยกของลู่หยวน
เขาก้าวเข้ามาในเกี้ยวแล้วเห็นเยวี่ยอู๋ฉือกับเยวี่ยหนีซางมองหน้ากัน จากนั้นจึงโบกมือ “ไปสำนักอื่นต่อ!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายยกเกี้ยวหยกแล้วออกวิ่ง มุ่งตรงไปเส้นทางเบื้องหน้า!
ตระกูลชิวที่เหลือตามหลังมาไม่ห่าง เพียงไม่กี่อึดใจก็ไม่มีใครยืนอยู่หน้าประตูสำนักกระบี่สวรรค์แล้ว!
“บัดซบ! ท่านประมุขของพวกเรา…ถูกลักพาตัวหรือ?!”
ไม่ทราบว่าใครในบรรดาศิษย์เป็นคนแรกที่สบถออกมา
คนที่เหลือต่างก็ได้สติเช่นกัน จากนั้นจึงพูดพล่ามออกมาไม่เป็นภาษา
“ตระกูลชิวมันระยำ #@R&^”
“ไม่เพียงแค่ศิษย์พี่ที่ถูกลักพาตัว! แม้กระทั่งท่านประมุขก็โดนด้วยงั้นหรือ?!”
“หากท่านประมุขไม่อยู่แล้ว สำนักกระบี่สวรรค์ยังจะเรียกว่าสำนักได้หรือ?!”
“ข้าเพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่ถึงสามวัน! แต่ท่านประมุขก็ไม่อยู่เสียแล้วหรือ? ถ้าเช่นนั้นข้าคงถอนตัวจากสำนักตอนนี้ใช่หรือไม่?!”
เดิมทีสำนักกระบี่สวรรค์เป็นสำนักที่เงียบสงบ ต้องขอบคุณตำแหน่งทางภูมิศาสตร์กับการป้องกันของปราณกระบี่ที่ประมุขคนก่อนหลงเหลือไว้ จึงทำให้ไม่มีใครในโลกนี้สามารถใช้กำลังเพื่อทะลวงเข้ามาได้
นอกจากนี้ ศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ยังไม่เคยมีปัญหากับสำนักอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่รอดปลอดภัย
ผลจากการทำตัวไม่โดดเด่นจึงทำให้ไม่มีทรัพยากรที่ดีพร้อม
นอกจากประมุขเยวี่ยอู๋ฉือผู้มีสายตามองการณ์ไกลแล้ว เมื่อถึงคราวต่อสู้ พวกเขาก็สามารถประมือกับผู้แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยได้
ส่วนผู้อาวุโสพิทักษ์ในสำนัก ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะจะพอไปวัดไปวาจนเทียบเคียงกับสำนักอื่นได้ แต่คนเหล่านี้ไม่สนใจเหตุการณ์ในสำนัก!
ผู้อาวุโสพิทักษ์มีเพียงสามคน และพวกเขามักเก็บตัวเงียบทุกวัน
หลังจากเยวี่ยหนีซางถูกลักพาตัวไปในวันนี้ ศิษย์บางส่วนก็ไปสนทนากับผู้อาวุโสพิทักษ์ทั้งหลายด้วยหวังว่าพวกเขาจะยื่นมือเข้าช่วย
แต่ศิษย์ผู้นั้นกลับได้รับเพียงประโยคตอบกลับมา “พวกข้าได้รับความยินยอมจากท่านประมุขแล้ว หากท่านประมุขไม่เป็นคนเชิญด้วยตัวเอง พวกข้าก็ไม่ไป!”
ไม่ว่าศิษย์จะเอ่ยอย่างไร ก็ล้วนไม่เป็นผล
เมื่อประมุขไม่อยู่ทุกอย่างเลยเลวร้ายลง
เกรงว่าเขาคงไม่สามารถขอให้ผู้อาวุโสพิทักษ์เหล่านี้ช่วยได้อีกแล้ว!
คนเหล่านี้ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสำนักกระบี่สวรรค์อยู่แล้ว หากประมุขไม่คอยควบคุมอยู่ที่นี่ พวกเขาคงหนีหายไปอยู่กับสำนักอื่นนานแล้ว!
บัดนี้ประมุขหายตัวไป ผู้อาวุโสพิทักษ์เหล่านี้อาจจะจากไปในไม่ช้าเช่นกัน!
สำนักกระบี่สวรรค์ที่มีมาตั้งแต่อดีตกาลก็จะล่มสลาย!
ทุกคนจึงยิ่งพากันแตกตื่น ถึงแม้สำนักจะไม่แข็งแกร่งมาก แต่การที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานาน ทำให้พวกเขาเกิดความผูกพันจนมองสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตน!
“พวกเราควรทำอย่างไรดี?!”
ศิษย์ทั้งหลายล้วนมีความคิดนี้ผุดขึ้นในใจ!
แต่ก็มีหลายคนคิดที่จะจากไป การต่อสู้ระหว่างลู่หยวนกับฉู่เชิ่งเมื่อครู่เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ทุกคนแล้ว
คนระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือได้!
ทุกคนต่างออกความเห็นกันไปมา!
ในที่สุด ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักกระบี่สวรรค์ก็ลุกขึ้นตะโกนปรามทุกคน
“ทุกคน! เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว! พวกเราย่อมไม่มีทางนั่งรอความตาย! สำนักนี้คอยให้การปกป้องมาตลอด แต่บัดนี้ปัญหามาเยือนตรงหน้าแล้ว พวกเราไม่มีทางนิ่งดูดายเป็นอันขาด!”
ทุกคนมองรอบกาย
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดีขอรับ?!”
ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักกระบี่สวรรค์ยืดหลังตรงแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อตระกูลชิวกระทำการชั่วช้า เช่นนั้นก็ป่าวประกาศให้ทั่วทั้งแผ่นดินทราบถึงเรื่องนี้! ทำให้ตระกูลและสำนักทั้งหลายตาสว่าง! พวกเขาจะได้รู้ว่าธาตุแท้ของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมเป็นเช่นไร! พวกเรามาใช้วิธีนี้กดดันตระกูลชิวกัน!”
“หากตระกูลชิวยังไม่เต็มใจปล่อยคนอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเราที่จะแจ้งให้คฤหาสน์ประตูสวรรค์ทราบถึงเรื่องนี้! ให้ท่านจ้าวศักดิ์สิทธิ์ทวงคืนความยุติธรรมเพื่อพวกเราสำนักกระบี่สวรรค์!”
หัวใจของศิษย์ทั้งหลายสงบลงเมื่อได้ยินเกี่ยวกับตำหนักประตูสวรรค์!
“ศิษย์พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้องที่สุด!”
เมื่อศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม พวกเขาเตรียมแจ้งเรื่องนี้ให้กองกำลังทั้งหลายทราบ
แต่เมื่อพวกเขาไปถึงก็กลับพบว่าทั้งสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือประมุขน้อยจากตระกูลทรงพลังในพื้นที่นี้ล้วนถูกลักพาตัวไปแล้ว
สีหน้าของผู้นำกองกำลังทั้งหลายดูแทบไม่ได้มาก พวกเขายังคงตะโกนสาปแช่งลู่หยวนกับตระกูลชิว
พวกเขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้าคนสารเลวที่ชื่อลู่หยวนเช่นกัน
ตระกูลชิวคือตัวตนที่อยู่คู่คุณธรรมมาตลอด แต่พวกเขากลับกระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้!
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตระกูล ไม่ว่าจะเป็นเชื้อสายของประมุขตระกูลหรือสถานะจะอยู่สูงต่ำเพียงใดก็ถูกช่วงชิงผู้หญิงไปจนหมดสิ้น
กองกำลังเหล่านี้รีบรวมตัวกัน แต่ละคนต่างขุ่นแค้นขณะคิดหาทางทวงคืนความยุติธรรม!
…
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของชิวสิงผู้อยู่ในตระกูลชิวอันไกลลิบ
สำหรับชิวสิง ต่อให้กองกำลังเหล่านี้ร่วมมือกันก็ยังทำอะไรไม่ได้
หาใช่เรื่องที่ต้องกังวลไม่
เขายืนมือไพล่หลังอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามขณะกวาดสายตามองทั่วทั้งดินแดนของตระกูลชิว
ทันใดนั้น ชิวสิงเปิดปากถาม “ตอนนี้ชิวเสวียนเป็นอย่างไรบ้าง?”
ทาสอารักขาผู้อยู่ข้างกายโค้งกาย ก่อนจะตอบด้วยความเคารพ “เขาได้เข้าสู่สถานที่ซึ่งอาวุธของแม่ทัพมารตั้งอยู่ตามที่ท่านวางแผนไว้แล้ว! และเมื่อดูจากกระแสของกลิ่นอายมารแล้ว อีกฝ่ายคงจะได้รับการยินยอมจากมันในอีกไม่นาน แล้วการบ่มเพาะก็จะพัฒนาสู่ระดับที่สูงขึ้น!”
ชิวสิงพยักหน้าพึงพอใจ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “มีดินแดนลับซึ่งเป็นที่ตั้งของอาวุธแม่ทัพมารทั้งสิ้นแปดแห่ง พวกเจ้าพยายามมุ่งความสนใจกับการชักนำเขาไปจุดที่ห้ากับหกที ส่วนลู่หยวนจะต้องไปจุดที่เหลือแน่นอน! ถึงตอนนั้นข้าก็จะสามารถใช้ร่างของชิวเสวียนได้อย่างเต็มที่!”
ทาสอารักขาตอบรับทันที “ขอรับ!”
เขาล่าถอยออกไป จากนั้นจึงหายไปในอากาศจนกระทั่งไม่เหลือร่องรอย
สีหน้าของชิวสิงผ่อนคลายยามหรี่ตาลง แล้วอากาศตรงหน้าก็หยุดนิ่งก่อนปราณวิญญาณจะเข้าปกคลุม แล้วเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น และกลายเป็นภาพมายาขึ้นมา
ภาพนั้นคือสิ่งที่ลู่หยวนกำลังทำในตอนนี้
ในตอนนี้ เกี้ยวหยกเต็มไปด้วยผู้คนจนลู่หยวนต้องออกมานั่งบนหลังคา เขามีท่าทางเกียจคร้านและพึงพอใจ
มุมปากของชิวสิงเหยียดยิ้ม เมื่อเห็นตำแหน่งปัจจุบันของเกี้ยวในตอนนี้ พวกเขาน่าจะกำลังกลับมา
“ลู่หยวน อีกไม่ช้าเจ้าจะเข้าใจเองว่าการดิ้นรนทั้งหมดที่ทำลงไปมันช่างเปล่าประโยชน์!”
“ข้าวางแผนมาตลอดสามแสนปี จะมายอมให้เด็กสารเลวเช่นเจ้าทำมันพังได้อย่างไร? เหอะ…”
ชิวสิงกวาดมือออกไป แล้วเงาทั้งหมดในอากาศก็พังทลาย จากนั้นเขาก็หันกลับเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม
ทันใดนั้นเอง…
ภายในดินแดนลับใต้จวนตระกูลชิวที่แทบไม่มีใครรู้จัก
กลิ่นอายมารชั่วร้ายอันไร้เทียมทานยังคงผันผวนไปมาขณะปกคลุมทั่วทั้งดินแดนลับ
หากคนธรรมดามาที่นี่ เกรงว่าพวกเขาคงหายใจไม่ออกจนตายเพราะกลิ่นอายมารเหล่านี้!
แต่ตอนนี้กลับมีร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใน โดยมีพลังมารไหลเวียนอยู่รอบกายราวกับแสดงท่าทียอมจำนน
ร่างนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิวเสวียน!