ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 419 ตำหนักประตูสวรรค์
บทที่ 419 ตำหนักประตูสวรรค์
บทที่ 419 ตำหนักประตูสวรรค์
กลิ่นอายรอบกายของชิวเสวียนกำลังผันผวนไปมา แม้กระทั่งพลังทั้งหลายที่ไม่ได้เป็นของเขาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
วิ้ง!
ลำแสงกลุ่มหนึ่งทะยานออกมาพร้อมสีสันเจิดจ้าไร้ที่สิ้นสุดวูบไหวไปมา ก่อนจะกระจายไปทั่วทั้งดินแดนลับพร้อมกับคลื่นอากาศอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายมารที่ยังคงล่องลอยไกลออกไปตกอยู่ในความเงียบในยามนี้
กลิ่นอายมารเข้มข้นกระจายตัว ส่วนเบื้องหน้าชิวเสวียนก็มีขวานยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่กลางนภา
ขวานเล่มนั้นเป็นสีดำสนิท มีอักขระแปลกประหลาดถูกสลักเอาไว้ และมีของเหลวสีแดงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวตั้งแต่แรกเห็น
ชิวเสวียนพลันลืมตาพร้อมขวานยักษ์ที่สั่นไหว จากนั้นเขาก็ส่งเสียงงึมงำราวกับกำลังกล่าวบางสิ่งบางอย่าง
สายตาของเขาจับจ้องขวานเล่มนั้น อักขระซับซ้อนบนตัวขวานฝั่งขวายังคงเกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดีตั้งแต่แรกเห็น
เสียงซึ่งเป็นของมารในใจดังออกมา “คิก ๆ ขวานยักษ์เล่มนี้ยอมรับเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าไม่ช่วงชิงพลังทั้งหมดของมันไปเลยเล่า!”
ชิวเสวียนไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนจะยื่นมือไปคว้าด้ามขวาน
ครืน!
พลังมารนับไม่ถ้วนทะยานออกจากด้ามขวาน ปกคลุมทั่วร่างของชิวเสวียน
กลิ่นอายมารไร้ที่สิ้นสุดทำให้เขาได้รับพลังที่เกินกว่าจะแบกรับไหวขณะทะลวงเข้าสู่ร่างกายอย่างบ้าคลั่ง!
“อ๊าก!”
ความเจ็บปวดที่มิอาจลืมเลือนแล่นไปตามแขนขาของชิวเสวียนจนเกือบทำให้เจ็บเจียนสิ้นสติ!
หลังจากเขาแผดเสียงร้องอยู่หลายครั้ง ดวงตาพลันแดงก่ำ และกำมือมั่นราวกับปฏิเสธที่จะปล่อยมันไป
ทว่าความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุดยังคงกวาดผ่านทั่วทั้งร่างของชิวเสวียน แม้กระทั่งจิตสำนึกก็ยังสั่นคลอน
เขาเพียงสัมผัสได้ว่าทุกสิ่งตรงหน้าที่เดิมแจ่มชัดเริ่มเลือนราง
“คิก ๆ ชิวเสวียน หากเจ้ามาเสียท่าตรงนี้ก็จะไม่มีใครแก้แค้นให้กับพ่อของเจ้าอีกแล้ว!”
น้ำเสียงสดใสของมารในใจเรียกสติของชิวเสวียนกลับคืนมาพอดี
“ข้าต้องรับพลังนี้ให้ได้! ชิวสิง ข้าอยากให้เจ้าตาย!”
“จงมอบพลังให้ข้า!”
ชิวเสวียนตะโกนเสียงดัง แล้วพลังมหาศาลก็ปะทุขึ้นจากร่างกาย มัดกล้ามแขนที่ถือขวานยักษ์เอาไว้ขยายตัวในชั่วพริบตาพร้อมกับเส้นเลือดที่ปูดโปน
กลิ่นอายมารทั้งสองสายซึ่งแตกต่างกันกำลังต่อสู้อยู่ในร่างกายของเขา
เดิมทีพลังมารในขวานยักษ์เป็นฝ่ายบดขยี้ แต่ตอนนี้มันกลับสูญเสียความได้เปรียบไปก่อนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
มารในใจของชิวเสวียนพึงพอใจมาก
คิก ๆ ๆ ๆ!!!
วันที่ข้าจะได้หวนคืนสู่โลกอยู่ไม่ไกลแล้ว คิก ๆ ๆ ๆ!!!
…
เมื่อลู่หยวนกลับมาพร้อมเกี้ยวหยกก็มีค่ายกลกว่าหนึ่งร้อยแห่งจองจำอยู่ทั่วเกี้ยว
ภายในนั้นล้วนแต่มีผู้หญิงจากกองกำลังทั้งหลายอัดกันอยู่ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ไม่ว่าจะสตรีศักดิ์สิทธิ์ ผู้นำกองกำลังหรือคนอื่น ล้วนเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญของแต่ละกองกำลังที่ยิ่งใหญ่
ลู่หยวนที่นั่งอยู่บนหลังคากำลังวางแผนการอยู่ในใจ
เขาย่อมทราบว่า ต่อให้ตระกูลเหล่านี้ร่วมมือกันก็ไม่สามารถเอาชนะตระกูลชิวได้
ยิ่งกว่านั้น มีกองกำลังบางส่วนที่อยากสานสัมพันธ์กับคนตระกูลชิวมานานแล้ว
พวกเขาแค้นใจที่ไม่สามารถส่งคนมาหาตระกูลชิวเร็วกว่านี้
เช่นเดียวกับคนที่ถูกลักพาตัว ก่อนลู่หยวนจะทันได้เอ่ยอะไรก็เห็นผู้นำกองกำลังรวบรวมคนไม่สวยไว้ด้านหนึ่ง ก่อนจะส่งคนที่เหลือให้แก่เขา
บางคนถึงขั้นถามอย่างหน้าไม่อายว่าต้องการผู้ชายหรือไม่
ลู่หยวนจึงได้เตะอีกฝ่ายกลับไป
จะต้องการผู้ชายไปเพื่ออะไร?
เอากลับไปซักผ้าเรอะ?!
จากนั้นเขากล่าวถึงสาวงามตัวน้อยเหล่านั้นก่อนจะจากไป
หลังจากโดนจับมารวมกัน คนเหล่านี้ก็น่าจะทราบเช่นกันว่าพวกนางกำลังจะได้พบกับคนใหญ่โต…
ลู่หยวนไม่คุ้นเคยกับดินแดนทางนี้ แต่เขาก็ได้ตรวจสอบมาเป็นอย่างดีก่อนจะมาที่นี่
สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากแดนเหนือกับแดนมัชฌิมโดยสิ้นเชิง
แดนมัชฌิมคือสถานที่ตั้งของเส้นชีพจรจักรพรรดิ ซึ่งมีตระกูลกู่คอยรับหน้าที่ดูแล หากเกิดความขัดแย้งระหว่างกองกำลังน้อยใหญ่ก็ยังมีตระกูลนี้คอยทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและควบคุม
หากมีกองกำลังนอกแดนมัชฌิมมาทำตัวอุกอาจที่นี่ ในฐานะที่ตระกูลกู่เป็นราชวงศ์ก็จะทำหน้าที่ควบคุมทุกฝ่ายและสยบให้สิ้นซาก
ส่วนแดนเหนือถูกแบ่งออกเป็นเขตอิทธิพลมากมาย ถึงแม้ผู้บ่มเพาะแห่งเวิ้งทะเลแดนเหนือจะไม่ค่อยปรากฏกาย แต่ตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ล้วนมีบทบาทในการควบคุมและรักษาสมดุลในดินแดนนั้น
หากพวกเขาปรากฏตัว คนที่เหลือในแดนเหนือย่อมต้องแสดงความเคารพ
หากเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างกองกำลังที่มิอาจหลีกเลี่ยง ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากตระกูลชั้นสูงทั้งหลายในเวิ้งทะเลแดนเหนือได้ แต่พวกเขาจะสนใจหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่อง
หากพูดถึงตระกูลระหว่างเวิ้งทะเลแดนเหนือ ตระกูลลู่ถือว่าได้รับความเคารพมากที่สุด ทันทีที่พวกเขาลงมือ ความขัดแย้งทั้งหลายก็จะยุติลง
ดังนั้นภาพรวมของแผ่นดินหยวนหงนี้ ในแต่ละพื้นจะมีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง รวมถึงมีกองกำลังอันทรงพลังซึ่งยืนหยัดเหนือกว่าผู้อื่นอยู่เสมอ
พื้นที่แห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน
ถึงแม้ตระกูลชิวจะป่าเถื่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สำแดงฤทธิ์มาหลายปีดีดักแล้ว
นอกจากกองกำลังแข็งแกร่งเหล่านั้นที่อยู่บนแผ่นดินหลักซึ่งอาจทราบสภาพปัจจุบันของตระกูลชิวแล้ว ถึงแม้ภายนอกกองกำลังขนาดเล็กหรือแม้กระทั่งกองกำลังขนาดกลางจะให้ความเคารพพวกเขา แต่ภายในจิตใจของอีกฝ่ายกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
สิ่งที่พวกเขากังวลในตอนนี้คือ โลกไม่ควรรวมเป็นหนึ่งกับวิถีคุณธรรมอีกต่อไป!
เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงยืนอยู่เหนือพวกเขา แต่ยังพรากทรัพยากรในการบ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนไปด้วย
และตอนนี้ก็ไม่ทราบว่ามีกี่กองกำลังที่อิจฉาตระกูลชิว
แต่ด้วยเหตุนี้เช่นกันจึงทำให้ตระกูลแม้จะมีอำนาจสยบตระกูลทั้งหลาย แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ และครั้งนี้ก็มิใช่ข้อยกเว้น
ด้วยเหตุนี้เองจึงมีอีกสถานที่ซึ่งคอยรับหน้าที่ตรวจสอบและรักษาสมดุล
นั่นก็คือตำหนักประตูสวรรค์!
สถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นอาณาเขตแห่งหนึ่ง ซึ่งปกครองโดยตระกูลซ่ง
ผู้คนจากตระกูลนี้แทบไม่เคลื่อนไหวในดินแดนเหนือและแดนมัชฌิม ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาจึงมีน้อยมาก
ลู่หยวนจึงทราบแค่ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลแห่งนี้ทัดเทียมกับตระกูลลู่!
ว่ากันว่าเมื่อสามแสนปีก่อน บรรพชนของตระกูลลู่และบรรพชนของตระกูลซ่งในตำหนักประตูสวรรค์เป็นพี่น้องกัน
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป บรรพชนทั้งสองฝ่ายก็ติดต่อและไปมาหาสู่กันน้อยลง
ลู่หยวนสร้างความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้เพราะต้องการจะทำให้คนเหล่านี้ไปที่ตำหนักประตูสวรรค์ จากนั้นก็ทำให้ตระกูลซ่งเข้าตรวจสอบและรักษาสมดุลอำนาจภายในตระกูลชิว
ถึงแม้จะไม่สามารถฆ่าชิวสิงได้ในทันที แต่ก็ยังทำให้เขากังวลได้!
ถึงอย่างไร ชิวสิงก็คือตัวตนที่จะปรากฏในโลกนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
หากโลกทราบว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายย่อมสังเกตเห็น
อย่างแรกที่ต้องทำคือโค่นล้มชิวสิง อย่างที่สองคือควบคุมเขาให้อยู่หมัดด้วยพลังของตัวเอง
การจะบีบบังคับด้วยการถามชิวสิงว่ามีชีวิตอยู่ถึงสามแสนปีได้อย่างไรมันก็ยังไงอยู่
เขาย่อมทราบว่าในช่วงวิกฤตเช่นนี้ มันคงไม่ดีนักหากส่งตระกูลซ่งเข้ามากดดัน
นอกจากชิวสิงแล้ว สมาชิกที่เหลือของตระกูลชิวก็ไม่มีฝีมือเท่าไหร่ การจะขัดขืนอีกฝ่ายย่อมเป็นได้แค่ฝันกลางวัน!
ขอเพียงมีใครบางคนจากตระกูลซ่งมา ลู่หยวนก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว!