ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 423 กระบี่จันทรา
บทที่ 423 กระบี่จันทรา
บทที่ 423 กระบี่จันทรา
เจิ้งชิงเทียนเห็นกับตาว่าวิญญาณทั้งสามดวงถูกหมัดนี้ซัดเข้าอย่างจัง จากนั้นก็กระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง!
นางตกตะลึงไปชั่วขณะ
หญิงสาวจำได้ว่าต้องใช้ยอดฝีมือมากแค่ไหนในการสู้กับกองทัพวิญญาณนี้เมื่อสามแสนปีก่อน ไม่ว่าพวกเขาจะทรงพลังเพียงใดก็ไม่สามารถจับร่องรอยของพวกมันได้
แต่กองกำลังจำนวนมากกลับถูกสังหารด้วยวิชาของอีกฝ่าย!
แต่ในกรณีของลู่หยวน เขากลับเล่นงานพวกมันได้ง่าย ๆ งั้นหรือ?!
แสงสว่างในมือของลู่หยวนหายไป แล้ววิญญาณทั้งสามที่กระแทกพื้นก็ลุกขึ้นแล้วเช่นกัน การโจมตีเมื่อครู่คล้ายกับไม่สร้างอันตรายกับพวกมันเลย
ทั้งสามเคลื่อนไหวคล้ายกับจะเข้าต่อสู้กับลู่หยวนอีกครั้ง แต่ไปได้ไม่ทันไรก็เผชิญกับการต่อต้านที่ไม่อาจขัดขืน ทำให้พวกมันไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
วิญญาณเหล่านี้โจมตีพื้นที่รอบข้างอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกมันกลับไม่สามารถก้าวออกจากพื้นที่ดังกล่าวได้
เจิ้งชิงเทียนเข้ามาดูใกล้ขึ้น ก่อนจะพบว่าพื้นที่รอบ ๆ วิญญาณเหล่านี้เต็มไปด้วยวงแสงยันต์อันเลือนราง ทำให้พวกมันถูกกักขังไว้!
นางพลันตระหนักได้ว่าในระหว่างการต่อสู้ตอนนั้น แม้จะมีกองทัพวิญญาณจำนวนมากถาโถมเข้ามา แต่กลับไม่มีใครในกลุ่มพวกนางสำแดงค่ายกลยันต์ขนาดใหญ่เพื่อล้อมวิญญาณเหล่านี้เอาไว้ได้
ตอนนี้เจิ้งชิงเทียนเกือบลืมสิ่งนี้ไปเช่นกัน
ลู่หยวนชำเลืองมองวิญญาณทั้งสามตน จากนั้นก็ก้าวเข้าหากระบี่คู่ที่ลอยอยู่ก่อนจะยื่นมือไปจับมันไว้
คลื่นพลังมารยังคงระเบิดออกมาจากกระบี่เล่มนั้นขณะโจมตีเข้าใส่ร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง
หอคอยอสูรสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นในยามนี้ได้กลืนกินพลังมารทั้งหมดเข้าไป!
ผ่านไปหลายอึดใจ พลังมารในกระบี่คู่ก็จางหายไป ลู่หยวนจึงระดมกำลังก่อนที่พลังของเขาจะกดทับมันไว้ในชั่วพริบตา
วาบ!
หลังจากได้ยินเสียงทุ้มต่ำนั้น เขาก็ชักกระบี่เล่มหนึ่งออกมา ส่วนกระบี่อีกเล่มก็เคลื่อนตามมาอยู่ข้างกายไม่ยอมไปไหน!
ศีรษะมนุษย์จำนวนมากถูกสลักไว้บนกระบี่คู่ แลดูน่าขนลุกยิ่งนัก
ส่วนกลิ่นอายที่ลอยออกมานั้นดุดันยิ่ง ราวกับผีร้ายที่หมายจะออกจากขุมนรกขณะพยายามลากคนทั้งหลายมาอยู่ในปรภพ!
ลู่หยวนเก็บกระบี่ขณะมุ่งหน้าสู่ตำแหน่งต่อไป
ในจวนตระกูลชิว ชิวสิงยังคงสังเกตการณ์พื้นที่ซึ่งลู่หยวนกับชิวเสวียนอยู่
แผนที่ขนาดใหญ่ถูกกางออกเบื้องหน้าเขา เป็นแผนที่เดียวซึ่งระบุตำแหน่งที่ลู่หยวนอยู่ในเวลานี้
ในตอนนี้ มีจุดแสงหลากสีสันสองกลุ่มบนแผนที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา
จุดแสงสีดำที่เป็นตัวแทนของลู่หยวนเคลื่อนไหวเร็วมาก เพียงชั่วพริบตา เขาก็พุ่งออกจากดินแดนลับของกระบี่คู่ มุ่งหน้าสู่ตำแหน่งต่อไป!
เขาหันไปมองจุดแสงสีขาวที่เป็นตัวแทนของชิวเสวียน แต่มันกลับหยุดนิ่งอยู่ที่จุดไม้เท้ามารเป็นเวลาสองวันแล้ว
ด้วยความเร็วนี้ ลู่หยวนคงเก็บอาวุธของแม่ทัพมารที่เหลือได้ ในขณะที่ชิวเสวียนยังคงดิ้นรนอยู่กับที่!
ถ้าสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่เหมือนกับที่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว!
ชิวสิงเคาะโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางอย่าง
ผ่านไปหลายอึดใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองจุดแสงสีดำที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลู่หยวนเข้าสู่ดินแดนลับแห่งที่สองแล้ว
“ส่งสุนัขมารสามหัวไปที่ที่ลู่หยวนอยู่!”
เมื่อชิวสิงถ่ายทอดคำสั่ง ทาสอารักขาผู้อยู่ข้างกายก็ขานรับทันควัน ก่อนลี้กายจากไป
ภายในถ้ำตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ชิวสิงมองจุดแสงสีขาวของชิวเสวียนก่อนจะค่อยเอ่ยว่า “ขยะ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ภายในลานบ้านที่ลู่หยวนใช้พักอาศัยในยามนี้ กู่อี้เจี้ยนยังคงนั่งอยู่ในศาลาข้างสระ นางเอามือวางบนเข่าขณะเจตจำนงกระบี่อันเลือนรางกำลังผันผวนอยู่รอบกาย ทั่วทั้งร่างคล้ายตกอยู่ในภวังค์
เยวี่ยอู๋ฉือมองนางจากด้านข้างคล้ายกับเกิดความรู้แจ้งในบัดดล
เยวี่ยอู๋ฉืออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว โดยที่ลู่หยวนไม่ได้ขอให้ทำอะไร แต่หลังจากบอกว่านางคือข้ารับใช้กระบี่ในวันนั้น เขาก็มักมาสอบถามบางอย่างอยู่ทุกวัน
นอกนั้นเยวี่ยอู๋ฉือจะทำอะไรก็ได้ ขอเพียงไม่ก้าวออกจากลานบ้านแห่งนี้ ลู่หยวนย่อมไม่ใส่ใจ
เยวี่ยอู๋ฉือไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้จะเพิ่งได้พบกับลู่หยวนมาไม่นาน แต่นางทราบดีว่าการมอบอิสรภาพให้มากขนาดนี้ ย่อมหมายความว่าเขาสามารถควบคุมตนได้ทุกเมื่อ!
หากคนอื่นตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเขาย่อมฉวยโอกาสตอนที่ลู่หยวนไม่อยู่กับจังหวะที่กู่อี้เจี้ยนไม่ได้สนใจ หลบหนีออกจากลานบ้านหรือไม่ก็ไปช่วยผู้ที่ถูกขังอยู่ในห้องโถงรับรองแล้ว
แต่เยวี่ยอู๋ฉือปฏิเสธทางเลือกเหล่านี้ สำหรับนาง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการดิ้นรนที่สิ้นหวัง
ลู่หยวนจะไม่คิดเผื่อไว้ได้อย่างไร?!
ถึงแม้กู่อี้เจี้ยนจะฝึกฝนอยู่ตลอด แต่เจตจำนงกระบี่ที่ผันผวนอยู่รอบกายก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้!
มันคือตัวตนประหนึ่งมหาวิถี!
ทันทีที่คนผู้นี้ลงมือ ต่อให้บรรพชนของสำนักกระบี่สวรรค์ร่วมมือกันก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้!
แล้วคนอย่างพวกนางจะไปเหลืออะไร?
ยิ่งกว่านั้น เยวี่ยอู๋ฉือยังค่อนข้างเห็นแก่ตัว
นางคล้ายได้รับผลกระทบบางอย่างหลังจากอยู่กับกู่อี้เจี้ยนมาหลายวัน จึงทำให้เกิดการรู้แจ้งเกี่ยวกับวิชากระบี่อย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่วัน เยวี่ยอู๋ฉือก็ทำความเข้าใจเจตจำนงวิถีกระบี่แท้จริงได้ ทำให้การบ่มเพาะเริ่มเพิ่มขึ้น
แต่พวกเจ้าต้องทราบก่อนว่าการบ่มเพาะของนางหยุดนิ่งมาหลายร้อยปีแล้ว!
ตอนนี้เพียงแค่ผ่อนคลายก็ทำให้พัฒนาขึ้นมาก สำหรับเยวี่ยอู๋ฉือ มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก!
นี่คือสถานการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หากอยู่ข้างกายกู่อี้เจี้ยนต่อได้ เช่นนั้นวิถีกระบี่และการบ่มเพาะของนางจะพัฒนาขึ้นจนถึงระดับที่ไม่เคยคาดคิดได้หรือไม่?!
เยวี่ยอู๋ฉือครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงสะกดความคิดเอาไว้ก่อนจะฝึกฝนร่วมกับอีกฝ่ายต่อ
กู่อี้เจี้ยนย่อมมองออกว่าเยวี่ยอู๋ฉือได้รับผลกระทบจากวิถีกระบี่ ทำให้การบ่มเพาะพัฒนาขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทว่านางไม่ได้คัดค้านที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้น เพราะลู่หยวนได้ถ่ายทอดคำสั่งไว้หลายอย่างก่อนที่เขาจะออกไป
หนึ่งในนั้นก็คือจับตาดูเยวี่ยอู๋ฉือ หากนางกล้าหนีก็จงใช้ค่ายกลเพื่อกักขังไว้!
จากนั้นก็รอให้ลู่หยวนกลับมาอธิบายทุกอย่างให้ทราบ
แต่เยวี่ยอู๋ฉือในยามนี้ทำตัวค่อนข้างดี นางฝึกฝนทุกวัน เมื่อถึงเวลาก็จะกลับไปพักผ่อน
นับว่าช่วยคลี่คลายปัญหาไปได้มาก
หลังจากเยวี่ยอู๋ฉือฝึกฝน ไม่ช้าหญิงสาวก็เริ่มหมดสติ หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็คล้ายกับตกอยู่ในพื้นที่โกลหาล
ในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีความผันผวนของปราณวิญญาณ นางเดินตามหาทางออกอย่างไร้จุดหมาย แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ พลันมีแสงสว่างเคลื่อนผ่านอยู่ไกลลิบ แล้วความโกลาหลตรงหน้าก็เด่นชัดขึ้นมา
เยวี่ยอู๋ฉือเพ่งมองรอบกายอย่างระมัดระวัง แต่ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงประกายกระบี่ที่ตรงเข้ามา
นางหันกลับมาแล้วสะบั้นมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่กลับพบว่าร่างกายในตอนนี้อยู่เหนือการควบคุม ตนเองยกมือขาวราวกับหยกขึ้น พร้อมกับเจตจำนงกระบี่อันไร้เทียมทานทะยานออกไป ก่อนจะบดขยี้เงาที่กำลังพุ่งเข้ามา!
ไกลออกไป เสียงตะโกนและเสียงสังหารยังคงดังระงม แล้วเงานับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามา
แม้ใจของเยวี่ยอู๋ฉืออยากจะหลบ แต่นางไม่สามารถควบคุมร่างได้ ปราณกระบี่ในมือกวาดออกไปราวกับพร้อมเปิดฉากล่าสังหารทุกเมื่อ!
ทว่ามีเสียงหนึ่งดังขึ้นในยามนี้
“กระบี่จันทรา กลับมา!”