ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 428 สายไปแล้ว
บทที่ 428 สายไปแล้ว
บทที่ 428 สายไปแล้ว
ชิวเซี่ยวเทียนไม่ทราบว่าชิวชิงหลีออกจากตระกูลชิวไปนานแล้ว และบัดนี้นางก็ยืนอยู่ที่ยอดเขาอันไกลลิบ
ชิวชิงหลีหาสถานที่นั่งลง ขณะจำลองค่ายกลที่ลู่หยวนทิ้งไว้ให้ก่อนจะเริ่มวาดใหม่
จากนั้นนิ้วของนางก็ชี้ออกไป ท่ามกลางหมู่เมฆที่ปกคลุมจวนตระกูลชิว พลันปรากฏวัตถุขนาดใหญ่ดุจลูกคลื่นขึ้นมา
เมื่อพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน ชิวชิงหลีจึงทำได้เพียงหยุดนิ่ง แล้ววัตถุขนาดใหญ่ในหมู่เมฆก็หายไปเช่นกัน
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างนาง โดยมีกลิ่นอายของโลกปรภพกระจายออกมา ก่อนจะปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาในชั่วพริบตา
การสั่นสะเทือนสงบลง
ชิวชิงหลีมองด้านข้าง ก่อนจะพบอูโจ้วกำลังยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของเขาค่อนข้างจริงจัง
“เจ้าทำต่อไปเถอะ ข้าจะปกป้องให้เอง”
อูโจ้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมสายลมหมุนวนพัดพามา ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปยังจุดที่ตระกูลชิวอยู่
ครั้งนี้ลู่หยวนมอบภารกิจสำคัญให้กับเขา!
แต่อูโจ้วกลับรู้สึกหนักอึ้งอย่างแปลกประหลาด
ตระกูลชิวซึ่งอยู่เบื้องหน้าคือนายจ้างคนสุดท้ายของเขา
บัดนี้นายจ้างคนปัจจุบันกำลังจะเล่นงานนายจ้างคนก่อน!
เขาก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
อูโจ้วหรี่ตา เขาคาดหวังว่าครั้งนี้จะตั้งใจทำให้ดี จากนั้นก็จะไปขอส่วนแบ่งจากลู่หยวนเป็นภรรยาสักสองสามคน
ชิวชิงหลีย่อมทราบว่าคนผู้นี้คือลูกน้องของลู่หยวน ดังนั้นนางจึงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและยังคงจำลองตามการวาดค่ายกลไว้ในมือ
วัตถุขนาดใหญ่รวมตัวกันอีกครั้งในหมู่เมฆ
ผ่านไปสักพัก กลิ่นอายของสัตว์ประหลาดโบราณก็ปรากฏออกมาจากกลุ่มเมฆา!
เหงื่อเย็นเริ่มปรากฏบนหน้าผากของชิวชิงหลีขณะสีหน้าหญิงสาวซีดเซียว อูโจ้วจึงถ่ายทอดพลังเข้าสู่ร่างของนางทันที เพื่อช่วยระดมปราณวิญญาณในการสร้างค่ายกลที่ยังไม่สมบูรณ์ให้เสร็จสิ้น!
ภายในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลชิว
หลังจากทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แสงสีขาวก็เข้ามาปกคลุมร่างกาย แต่กลับไม่มีกลิ่นอายเล็ดลอดออกมา
ทั่วทั้งพื้นที่ต้องห้าม แม้กระทั่งสายลมก็ไม่พัดไหว
ราวกับพลังทั้งสองที่เพิ่งโคจรไว้ล้วนเปล่าประโยชน์
มีเพียงสองคนที่ทราบว่าการโจมตีของอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน
ชิวสิงลอบถอนหายใจ บัดนี้แผ่นดินหยวนหงเต็มไปด้วยผู้คนมากพรสวรรค์ แต่ละรุ่นต่างดีกว่ารุ่นที่ผ่านมา!
หากตัดสินตามการบ่มเพาะและพรสวรรค์ของลู่หยวน เกรงว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิในตอนนั้น!
การเป็นราชันมวลมนุษย์อาจจะไม่ไกลเกินเอื้อม!
การปรากฏตัวตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะไม่ช้าก็เร็ว เด็กคนนี้ก็จะสามารถบดขยี้อากาศเพื่อมุ่งสู่แดนเซียนได้!
หรืออาจถึงขั้นได้รับการจัดอันดับในฐานะมหาจักรพรรดิในแดนเซียน!
สีหน้าของลู่หยวนยังคงประดับด้วยรอยยิ้มบาง แต่เห็นได้ชัดว่าแขนเกิดอาการชา
แม้แต่เขาก็คิดว่าหากจะรับการโจมตีดังกล่าวจะฝืนกำลังตนเกินไป!
วั่งไฉซึ่งพันรอบแขนของลู่หยวนสัมผัสได้เช่นกัน มันจึงโคจรอำนาจมังกรส่งให้แก่เขา
แขนของลู่หยวนถูกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรทองอย่างรวดเร็ว
พลังในมือก้าวกระโดดขณะพยายามปราบชิวสิง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ บางครั้งข้าก็คิดว่าเจ้าควรจะมาแทนที่ตำแหน่งของชิวเสวียน”
ดวงตาของชิวสิงปรากฏรอยยิ้ม “ดังนั้น หลังจากยึดร่างของเจ้ามาแล้ว ข้าก็จะได้โชคชะตามากมายในร่างมาครอง”
“เจ้ามีทั้งพลังสามวิถี เนตรเทวะ เผ่ามังกร เพลิงวิญญาณ เพลิงสวรรค์ เจตจำนงกระบี่ เจตจำนงดาบ เจตจำนงหอก หรือแม้กระทั่งกระบี่ ดาบและหอก พวกเจ้าต่างมีสิ่งเหล่านั้น ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน”
ลู่หยวนแย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องอิจฉาข้าหรอก หากต้องการจริง เจ้าสามารถไปขอกับพญายมหลังจากลงไปอยู่ข้างล่าง เขาจะได้ช่วยเตรียมไว้ให้”
“ไม่จำเป็น เพราะข้าเห็นแล้วว่าวันนี้จะต้องได้มันไปครอง!”
ชิวสิงพลันระเบิดพลังออก ก่อนกลิ่นอายประหนึ่งขุนเขารอบแขนของชายชราจะกดทับลงมาที่ลู่หยวนในเวลาเดียวกัน
ลู่หยวนเริ่มตอบโต้เช่นกัน วิญญาณหอกเถี่ยหนิวปลดปล่อยพลังไปบนตัวง้าวเพื่อช่วยรับแรงกดดัน จากนั้นจึงสวนกลับใส่ชิวสิง!
ปัง! ปัง! ปัง!
การโจมตีนี้เหมือนกับเสียงหัวใจเต้นแรงและหนักหน่วง ขณะสั่นสะเทือนอยู่ระหว่างทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
ตู้ม!
พลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้แสงทั้งหมดหมองหม่นในชั่วพริบตา
คลื่นพลังอันไร้ที่สิ้นสุดปะทุขึ้นจากจุดที่ทั้งสองปะทะกัน ทำให้ร่างของพวกเขาผละออกจากกัน
กลิ่นอายไร้ที่สิ้นสุดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้สรรพสิ่งที่ถูกจองจำอยู่นอกถ้ำไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้ก่อนจะแตกสลายในทันที
ส่วนคลื่นอากาศยังคงโหมกระหน่ำ ขณะโจมตีทุกทิศทางประหนึ่งทหารม้าเหล็กที่เหยียบย่ำไปทั่วทุกระแหง!
ค่ายกลหลายแห่งซึ่งอยู่นอกพื้นที่ต้องห้ามไม่อาจต้านทานได้จนถูกกลืนกินไป
ผ่านไปสักพัก คลื่นอากาศกวาดผ่านทั่วทั้งจวนตระกูลชิว ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังทุกหนแห่งที่มันเคลื่อนผ่าน
ชิวเซี่ยวเทียนถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้คนในจวนถอยทันที ดังนั้นพวกเขาจึงรอดจากการโจมตีของคลื่นอากาศดังกล่าว!
ลู่หยวนกับชิวสิงยืนเผชิญหน้ากันอยู่คนละฝั่ง แต่ไม่มีฝ่ายไหนลงมือก่อน
หลังจากการโจมตีเมื่อครู่ ทั้งสองก็เข้าใจพละกำลังของอีกฝ่าย
ลู่หยวนเพียงใช้อุบายที่ชิวสิงเพิ่งเอ่ยถึง แต่กลับสามารถสู้ได้ ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะโต้กลับได้!
แต่ชิวสิงก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยพละกำลังอย่างเต็มที่ เขาเพียงทดสอบอีกฝ่ายเท่านั้น
แต่ต่อให้อยากสู้กับลู่หยวน ชิวสิงก็ใช้พลังเต็มที่ไม่ได้
ถึงอย่างไร เขายังต้องรักษาพละกำลังเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสังเวยหลังจากนี้!
หากไม่สามารถปลดปล่อยอย่างสุดกำลังได้ การต่อสู้ระหว่างชิวสิงและลู่หยวนก็ยากจะรู้ผลตัดสิน!
ชิวสิงครุ่นคิดกับตัวเอง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสังเวยชิวเสวียนก่อน!
ให้เขาได้รับร่างนั้นมา!
จากนั้นก็ซ่อนตัวเพื่อฝึกฝนสักพัก แล้วค่อยมาปะทะกับลู่หยวนต่อดีหรือไม่?
หากวันนี้ยังต่อสู้กันอีก ย่อมไม่เกิดผลดีอย่างแน่นอน!
ทว่าความสนใจทั้งหมดของลู่หยวนไม่ได้อยู่ที่ชิวสิง กลับกำลังรวบรวมจิตเทวะส่วนหนึ่งไปที่ร่างของชิวเสวียนบนพื้น
ชิวเสวียนในตอนนี้ยังคงนอนแน่นิ่งประหนึ่งสุนัขตายขณะหอบหายใจ
แต่ถึงลู่หยวนจะไม่ทราบสาเหตุ แต่เขารู้สึกว่าพลังของชิวเสวียนพลันเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับรูปลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่
เมื่อเขากำลังจะสืบสาวต่อ กลิ่นอายของชิวเสวียนก็กลับมาเป็นดังเดิมราวกับทุกสิ่งเมื่อครู่เป็นเพียงภาพมายาที่ลู่หยวนเห็น
แต่ลู่หยวนไม่เชื่อว่าสถานการณ์เป็นเช่นนั้น ชิวเสวียนคือบุตรแห่งโชคชะตาที่มีค่าชะตาเป็นจำนวนมาก!
มันคือค่าที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีประสบการณ์และโชคชะตามากแค่ไหน!
ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะสงสัย เด็กคนนี้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่?!
ก่อนลู่หยวนจะทันคิดมากไปกว่านี้ ชิวสิงก็ตัดสินใจคว้าร่างของชิวเสวียนไว้ทันที
“ลู่หยวน ข้าจะจำเรื่องวันนี้ไว้ พวกเราค่อยมาต่อกันภายหลัง!”
ทันทีที่สิ้นคำ ชิวสิงก็กำลังจะจากไป
แต่เมื่อกำลังจะลุกขึ้น เขากลับพบว่าพลังในร่างถึงกับถูกกัดกร่อนทีละน้อย!
ชิวเสวียนที่อยู่ในมือของเขาส่งเสียงออกมา “ชิวสิง เจ้าอยากไปแล้วหรือ? สายไปแล้ว!”