ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 430 ใครคือวายร้ายตัวจริง
บทที่ 430 ใครคือวายร้ายตัวจริง?
บทที่ 430 ใครคือวายร้ายตัวจริง?
เมื่อเห็นสายตาครุ่นคิดของชิวเสวียน ชิวสิงก็ยังมีสีหน้าสงบ แต่ปราณวิญญาณในร่างยังคงโคจรอย่างรวดเร็ว
ลู่หยวนเอ่ยอีกครั้ง “เขาเร่งความเร็วปราณวิญญาณแล้วนะ”
ชิวสิงอยากจะบี้ปากของลู่หยวนเป็นผุยผงเสียให้ได้!
ชิวเสวียนยกมือขวา แล้วกลิ่นอายมารก็วนเวียนไปมาในฝ่ามือ
ตอนนี้เองที่ชิวสิงเอ่ยว่า “ชิวเสวียน คิดหรือว่าลู่หยวนคนนี้กำลังช่วยเจ้า? ข้ายอมรับว่าสนใจเจ้านับแต่แม่ของเจ้าตั้งท้องแล้ว”
“เจ้าคือร่างที่พิเศษสุดในบรรดาเมล็ดพันธุ์มารและมีพลังแห่งวิถีคุณธรรมอยู่รวมกัน! ร่างนี้สามารถช่วยให้ข้าบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้! ข้าพยายามสุดความสามารถเพื่อจะให้ได้ร่างนั้น ส่วนพ่อของเจ้า เขาไม่สามารถทำสิ่งที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จได้ เขาจึงเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ในสายตาของข้า!”
สายตาของชิวสิงหันมาจ้องลู่หยวน “ข้าต้องการร่างของเจ้า หากสามารถเผชิญหน้ากับข้าได้ก็จะมีหนึ่งคนที่รอด แต่คนที่หนุนหลังเจ้าอยากให้พวกเราตายกันหมด!”
น้ำเสียงของชิวสิงยิ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกถูกล่อลวงเรื่อย ๆ “เจ้ามาร่วมมือกับข้าเพื่อจัดการคนนอกก่อน จากนั้นค่อยคุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราดีหรือไม่?”
แต่ชิวเสวียนจะไม่ทราบความคิดของลู่หยวนได้อย่างไร?
เด็กคนนี้มีอุบายมากมาย ในการปะทะเมื่อครู่ อีกฝ่ายยังคงเคลื่อนไหวไปมายากจะคาดเดา
ตอนแรกก็ผนึกกำลังกับชิวสิงเพื่อต่อสู้กับเขา แต่เพียงพริบตาก็หันมาสู้กับชิวสิงอีกครั้ง!
ชิวเสวียนจะไม่ทราบความคิดของเขาได้อย่างไร?!
แต่ชิวเสวียนไม่เข้าใจว่าลู่หยวนจะได้ประโยชน์อะไรจากการฆ่าพวกเขาทั้งสองคน
ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่
“เหอะ!”
ชิวเสวียนพลันแค่นยิ้มก่อนจะกระแทกฝ่ามือไปที่หัวใจของชิวสิง
ตึง!
บริเวณหัวใจของชิวสิง สี่เส้นลมปราณกับแปดเส้นชีพจรพลันถูกรุกรานโดยกลิ่นอายมาร แล้วพลังอันไร้ที่สิ้นสุดก็เริ่มกระจายไปตามจุดต่าง ๆ
นับแต่ชิวเสวียนทราบถึงตัวตนของชิวสิง เขาก็เริ่มตรวจสอบว่าบรรพชนอยู่รอดมานานเช่นนี้ได้อย่างไร
สามแสนปี นับตั้งแต่มีการบันทึกมาในแผ่นดินหยวนหง ก็ไม่มีใครเคยมีชีวิตได้นานขนาดนั้น
หลังจากการตรวจสอบของชิวเสวียน ถึงแม้เหตุผลจะยังไม่แน่ชัด แต่เขาก็ค้นพบจุดอ่อนของชิวสิงแล้ว!
ยกตัวอย่างเช่น มีโล่ทรงพลังยิ่งที่คงอยู่ในหัวใจของชิวเสวียนมาโดยตลอด!
หากมีพลังจากโลกภายนอกมาโจมตีบริเวณนี้ โล่ก็จะระเบิดในทันทีอย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อต้านทานพลังดังกล่าว!
ชิวเสวียนจึงสรุปได้ว่านี่คือบริเวณที่เป็นจุดอ่อนของชิวสิง!
ดังนั้น ชิวเสวียนจึงจงใจถ่ายพลังตัวเองเข้าไปตอนชิวสิงต่อยเข้าที่หัวใจ จากนั้นพลังนั้นก็เกาะกุมที่ปลายนิ้วอีกฝ่าย ก่อนที่จะเคลื่อนออกจากบาดแผลของเขา และลามไปตามร่างกาย
ขณะลู่หยวนกับชิวสิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด กลิ่นอายดังกล่าวก็สบโอกาส ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ร่างของชิวสิงทันที!
จากนั้นจึงสลายโล่ที่บริเวณหัวใจ!
ชิวเสวียนในตอนนี้โจมตีด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียว ถึงแม้จะไม่สามารถทำลายโล่ในทันทีได้ แต่ก็ยังทำให้มันป้องกันช้าลงได้ชั่วขณะจนไม่อาจฟื้นคืนได้ทันที!
เพียงช่วงเวลาหนึ่งอึดใจก็มากเกินพอแล้ว!
พลังอันแก่กล้าสั่นสะเทือนจากหัวใจของชิวสิงไปทุกทิศทาง
วิ้ง!
แสงสีทองปรากฏขึ้นบริเวณหัวใจของชิวสิง แล้วโล่ก็ก่อตัวขึ้นเพื่อปกป้อง!
ชิวเสวียนไม่อาจต้านทานพลังที่เกิดจากผลสะท้อนของโล่ได้ จึงถอยออกมาด้วยความเร็ว
ฟู่!
สายลมแรงกล้าพัดผ่านก่อนจะปกคลุมทั่วพื้นที่ต้องห้าม!
พายุพัดโหมก่อนวังวนสีดำจะปรากฏขึ้นในใจของชิวสิง แล้วสรรพสิ่งรอบกายก็ถูกกวาดออกไปอย่างต่อเนื่อง!
ชิวเสวียนวูบไหวไปทางด้านข้าง ขณะส่งผ่านพลังทั้งหมดไปทั่วบริเวณ ทำให้ร่างกายของเขามั่นคงจนไม่ได้รับผลจากกลิ่นอายเหล่านี้!
ลู่หยวนแทงง้าวมังกรครามแปดแดนร้างในมือตรงไปในอากาศ ก่อนพลังซึ่งเป็นของวิญญาณหอกปกคลุมรอบง้าวและร่างของเขา ทำให้ไม่ได้รับผลจากความผันผวนของพลัง!
ตู้ม!
เสียงระเบิดทุ้มต่ำดังก้องมาจากทุกทิศทาง แล้วทุกสิ่งในพื้นที่ต้องห้ามเริ่มพังทลาย!
ชั่วขณะนั้นเอง!
หลุมดำในใจของชิวสิงพลันมีขนาดใหญ่ขึ้นขณะทะลวงออกมาตรงหน้า แล้วปราณวิญญาณกับพลังแห่งวิถีคุณธรรมจำนวนมากและทรงพลังยิ่งก็ถูกปลดปล่อยออกมา
จากนั้นหินกรวด ต้นไม้ที่หักโค่น ทุกสิ่งอย่างยังคงเคลื่อนเข้าสู่หลุมดำ
สีหน้าของชิวสิงยิ่งซีดเผือด
ลู่หยวนขมวดคิ้ว ซึ่งภายในกลิ่นอายที่รั่วไหลออกมา นอกจากพลังแห่งวิถีคุณธรรมกับปราณวิญญาณแล้ว ก็ยังมีพลังบางอย่างที่กำลังผันผวนอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นอายดังกล่าวเบาบางยิ่ง หากลู่หยวนไม่ตรวจจับให้ดีก็จะไม่สามารถสัมผัสได้
“นี่มันอะไร?”
ลู่หยวนสำรวจพลังนี้อีกครั้งจนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
ตอนนี้เองที่เสียงอันเคร่งขรึมของเจิ้งชิงเทียนดังขึ้น “นายท่าน นี่มันปราณแก่นวิญญาณ… ของมนุษย์”
“ปราณแก่นวิญญาณหรือ?”
ลู่หยวนเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก
เจิ้งชิงเทียนจึงอธิบาย “ปราณแก่นวิญญาณคือส่วนสำคัญที่สุดของมนุษย์ หากไม่มีสิ่งนี้ ท่านก็จะกลายเป็นคนโง่จนเสียสติ หลังจากนั้นก็จะตายเพราะร่างกายเน่าเปื่อย!”
นางนิ่งสักพักก่อนจะเอ่ยว่า “ว่ากันว่าหากมนุษย์มีปราณแก่นวิญญาณจำนวนมากก็จะสามารถมีชีวิตยืนยาวได้ แต่ถ้ามีน้อยก็จะถึงแก่ความตาย”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว “แสดงว่าชิวสิงกำลังจะตายหรือ? ปราณแก่นวิญญาณในร่างก็เลยถูกขับออกมาอย่างต่อเนื่อง”
“ไม่ใช่”
เจิ้งชิงเทียนนิ่งไปก่อนจะเอ่ยว่า “นี่เป็นปราณแก่นวิญญาณของอีกคน!”
“ชิวสิงอาศัยการยึดวิญญาณคนอื่นเพื่อทำให้ชีวิตของตัวเองคงอยู่ต่อไป!”
หากเจิ้งชิงเทียนไม่อยู่ในหอคอยอสูรสวรรค์ ลู่หยวนย่อมมองเห็นสีหน้าซีดเซียวของนางอย่างแน่นอน
“ตอนแรกนึกว่าเป็นข่าวลือ! แต่เขากลับทำจริง!”
เจิ้งชิงเทียนแทบจะระเบิดโทสะออกมาจนน้ำเสียงติดขัด “ปริมาณปราณแก่นวิญญาณที่รั่วไหลออกมาในตอนนี้เทียบเท่าจำนวนคนหลายแสนชีวิต!”
“ในช่วงสามแสนปีที่ผ่านมา ชิวสิงฆ่าผู้คนไปมากเท่าไหร่กัน?!”
สายตาที่ลู่หยวนมองชิวสิงยิ่งแปลกประหลาด
หลุมดำยังคงแผ่ขยายรอบกายชิวสิง แล้วกลิ่นอายที่รั่วไหลออกมาก็เริ่มลดลง เขาคล้ายกับใช้วิธีบางอย่างเพื่อดึงพวกมันกลับมาอย่างรวดเร็ว!
แต่ผิวหนังของเขาเริ่มปรากฏรอยจ้ำเลือดก่อนร่างเดิมจะพังทลาย!
รากฐานของชิวสิงในตอนนี้ถูกสั่นคลอนแล้ว
แต่ทั้งลู่หยวนและชิวเสวียนไม่ได้คิดจะลงมือต่อ
นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังเคลือบแคลงสงสัยกันเอง
ใครลงมือก่อนก็มีสิทธิ์โดนอีกฝ่ายแทงข้างหลัง!
ยิ่งกว่านั้น ชิวสิงผู้นี้มีแผนสำรองอยู่ พวกเขาจึงกำจัดอีกฝ่ายทันทีไม่ได้
หากใครลงมือก่อน ย่อมต้องแบกรับผลย้อนกลับมากกว่า!
ริมฝีปากของลู่หยวนเผยยิ้มขัน
“ชิวสิงผู้นี้คือวายร้ายตัวจริงสินะ ข้าเองก็น่าจะพอทัดเทียมกับเขาได้!”