ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 432 สือจิ่ว
บทที่ 432 สือจิ่ว
บทที่ 432 สือจิ่ว
ชิวสิงมองลู่หยวนด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้ายังพูดได้อีกหรือ?”
การโจมตีที่อีกฝ่ายรับเข้าไปทรงพลังกว่าที่ชิวเสวียนโดนถึงสิบเท่า!
ชิวเสวียนผู้อยู่ในมือก็มีสภาพใกล้ตายเต็มที
แต่ลู่หยวนถึงกับยังพูดได้อีกงั้นหรือ?
ลู่หยวนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับง้าวในมือ
กลิ่นอายมารกระจายออกมาจากบริเวณหน้าอก ทำให้บริเวณที่มีรอยยุบเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็กลับสู่สภาพดังเดิม!
ชิวสิงสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งเริ่มปรากฏในร่างของลู่หยวน!
พลังระดับนี้ แม้แต่ชิวสิงก็ไม่กล้าดูถูก!
เขาไม่ทราบว่าพลังดังกล่าวคืออะไร!
“ทั้งที่มีพลังระดับนั้นอยู่ข้างกาย เหตุใดเจ้าจึงยังไม่หนีอีก?”
ชิวสิงเกิดสนใจขึ้นมา พลางสงสัยว่าพลังและอุบายแบบใดที่ลู่หยวนผู้นี้ครอบครองอยู่ในร่าง?!
โลหิตยังคงเปรอะเปื้อนกายลู่หยวน ก่อนเพลิงวิญญาณที่ถูกหลอมรวมเอาไว้จะก่อตัวขึ้น แล้วโลหิตทั้งหลายบนร่างกายก็ระเหยหาย
ชุดคลุมพัดพลิ้ว คิ้วคมและดวงตาซึ่งเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทอประกาย พลังอันมหาศาลของชายหนุ่มที่สามารถต่อสู้กับโลกได้ถูกสำแดงออกมาจากร่าง!
“มีดาบดีแล้วจะคิดหนีไปทำไม?!”
ลู่หยวนเผยรอยยิ้ม “หากไม่ได้ผล ข้ายังสามารถซื้อชุดเกราะคืนชีพได้อีก!”
ชิวสิงไม่เข้าใจว่าลู่หยวนกำลังพูดถึงอะไร “ในเมื่อเจ้าอยากสู้นัก ข้าก็ขอดูหน่อยว่ามีความสามารถมากเพียงใด!”
สิ้นคำ ชิวสิงก็โยนชิวเสวียนลงกับพื้น!
จิตเทวะเพ่งไปที่ลู่หยวน แล้วพลังรอบกายก็ถูกระดมขึ้นมา!
ลู่หยวนย่อร่าง ง้าวในมือฟาดลงกับพื้น เพลิงวิญญาณปรากฏในชั่วพริบตาก่อนจะปกคลุมลู่หยวนจนสิ้น!
วั่งไฉกับวิญญาณหอกที่ติดอยู่กับง้าวมังกรครามแปดแดนร้างต่างช่วยเสริมพลัง!
บนง้าวเล่มนั้น อาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์กลับก้าวข้ามระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ในชั่วพริบตา! ราวกับจะทะลวงสู่ระดับสวรรค์!
ร่างแสงสีทองประหนึ่งแม่ทัพเซียนปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของลู่หยวน มันถือง้าวเอาไว้ ร่างย่อลงเล็กน้อยราวกับกำลังจะโจมตีทุกเมื่อ!
ชิวสิงหรี่ตา ไม่ช้าก็พบว่ามีสองร่างปรากฏข้างลู่หยวน!
หนึ่งในนั้น…
หลังจากชิวสิงเห็นเต็มตา แววตาของเขาพลันเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
“เจิ้งชิงเทียนหรือ?!”
ทั้งสองร่างที่ปรากฏข้างลู่หยวนคือเจิ้งชิงเทียนกับสือจิ่ว!
เจิ้งชิงเทียนถือกระบี่วิถีโลกา ชุดคลุมปลิวไสว แม้กระทั่งรูปลักษณ์ก็ไม่แปรเปลี่ยน นางยังคงเหมือนเมื่อสามแสนปีก่อน!
ชิวสิงประหลาดใจชั่วขณะราวกับช่วงเวลาสามแสนปีที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน!
ไม่ช้า เขาก็ตอบสนอง!
“ลู่หยวน เจ้ามีอุบายอยู่กับตัวมากมายนัก! ถึงกับทำให้เจิ้งชิงเทียนยอมจำนนได้!” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ชิวสิงมองออกว่ากลิ่นอายที่อยู่กับเจิ้งชิงเทียนย่อมมีความข้องเกี่ยวกับลู่หยวนเป็นอย่างยิ่ง!
“เหอะ… ข้ายังมีอุบายอีกมากมาย แต่ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าแข็งแกร่งพอจะมองเห็นแค่ไหนก็เท่านั้น!”
“คนหนุ่มช่างอวดดีนัก ลู่หยวน เจ้ามันช่างอาจหาญเหลือเกิน!”
สิ้นคำ ชิวสิงก็เคลื่อนไหว ตรงเข้าสังหารอีกฝ่ายด้วยพลังอันแก่กล้า ดวงตาของเขาสงบนิ่ง ขณะคลื่นอากาศที่มองไม่เห็นกระจายไปทั่วทุกทิศทางอีกครั้ง!
ไม่ว่าคลื่นอากาศผ่านไปที่ใด สรรพสิ่งก็จะหยุดนิ่ง!
ลู่หยวนเคยประสบมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่มีทางที่เขาจะยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดเป็นรอบที่สอง!
ง้าวในมือกวาดออกไปในแนวนอน แล้วจิตวิญญาณแห่งวิถีสวรรค์ก็ระเบิดออกมา ทำให้คลื่นอากาศที่มองไม่เห็นแตกสลายทันที!
ชิวสิงตรงเข้ามาสังหารเช่นกัน!
“เจิ้งชิงเทียน เตรียมค่ายกล!”
เจิ้งชิงเทียนพยักหน้า ก่อนจะก้าวถอยออกมาเล็กน้อย!
ลู่หยวนย่อเท้า แล้วพื้นดินก็แตกร้าว!
ร่างของเขาทะยานออกไปประหนึ่งลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย!
ร่างของสือจิ่วโงนเงนไปมาแล้วก็หายไป!
ก่อนลู่หยวนและชิวสิงจะเผชิญหน้ากัน คลื่นพลังของพวกเขาก็เข้าปะทะกันแล้ว!
คลื่นอากาศไร้ที่สิ้นสุดหมุนวนไปมาขณะทำลายอากาศตรงหน้า
ชั่วพริบตาต่อมา พวกเขาทั้งสองก็ปะทะกัน!
ตู้ม!
พลังอันบริสุทธิ์ทั้งสองสายพัวพันกันสักพัก จากนั้นก็ตรงเข้าห้ำหั่นกัน!
การสั่นไหวของพลังดังกล่าวลามไปถึงแขนของคนทั้งสองในพริบตา!
กร็อบ! กร็อบ! กร็อบ!
กระดูกในแขนของลู่หยวนเริ่มแตกร้าวทีละชุ่น
แต่พลังมารกลับพลุ่งพล่านและยังคงซ่อมแซมกระดูกที่แตกหักของเขา
ทันใดนั้น เขาก็ต้านทานไว้ได้!
แม้ร่างของชิวสิงจะต้านพลังดังกล่าวได้ แต่สีหน้าก็ไม่สู้ดีเช่นกัน!
ลู่หยวนนั้นมีเวลาให้เสีย แต่เขาหาได้มีไม่!
ชายหนุ่มในตอนนี้ทุ่มสุดกำลังแล้ว และยิ่งเวลาผ่านไป พลังของเขาก็ยิ่งหายไป!
ปราณแก่นวิญญาณที่ค้ำจุนชีวิตเอาไว้ก็ถูกใช้ในการต่อสู้เช่นกัน!
หากปราณแก่นวิญญาณถูกใช้จนถึงระดับหนึ่ง เขาก็จะไม่สามารถใช้การสังเวยในครั้งต่อไปได้!
“ลู่หยวน การที่เจ้าสามารถต้านข้าจนถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าเก่งแล้ว แต่ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า!”
ชิวสิงโคจรพลังอีกครั้ง แล้วกดมือลงไปบนง้าวมังกรครามแปดแดนร้างอีกครั้ง
โฮก!
เสียงคำรามทุ้มต่ำของวั่งไฉดังออกมาจากง้าวราวกับได้รับความเจ็บปวดสุดแสน!
จิตวิญญาณหอกในง้าวเริ่มสั่นไหวเช่นกัน มันยังคงบอกลู่หยวนว่าไม่สามารถต้านได้อีกแล้ว!
“สุนัขเฒ่า เหอะ… สามอึดใจ”
ลู่หยวนก็โพล่งคำดังกล่าวออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ จากนั้นร่างสีทองที่อยู่ด้านหลังก็ผสานเข้าที่แขน
พละกำลังในมือของลู่หยวนเริ่มเพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างเห็นได้ชัด เขาพลันยกมือของชิวสิงที่กดลงมากลับไป!
“สองอึดใจ”
ลู่หยวนตะโกนเสียงดัง แล้วพลังไร้ที่สิ้นสุดก็ทะยานกลับขึ้นไป!
“หนึ่งอึดใจ!”
“สือจิ่ว ลงมือ!”
สิ้นเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของลู่หยวน ชิวสิงก็สัมผัสได้ถึงพลังแก่กล้าได้จากพื้น ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้!
พลังนั้นทำให้เหงื่อเย็นผุดขึ้นบริเวณแผ่นหลังของชิวสิง
“ระ…ราชันมารหรือ?!”
ชิวสิงออกแรงผลักอย่างรุนแรง จากนั้นจึงถอยออกไป!
ร่างของสือจิ่วปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของลู่หยวน
สือจิ่วในตอนนี้คล้ายกับเติบโตจนมีร่างสูงโปร่งงามสง่า
เท้าสีขาวราวกับหยกสัมผัสอากาศ แล้วพลังมารที่ปกคลุมรอบกายนางก็กลายเป็นเสื้อผ้า เส้นผมยาวจนมาถึงบริเวณเอว
ประหนึ่งเผชิญหน้ากับเซียนผู้ถูกเนรเทศและไม่แยแสต่อสิ่งใด
ชิวสิงหลั่งเหงื่อมากขึ้นเมื่อเห็นคนผู้นี้
ในสายตาของเขา อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาที่หน้าตาดีแต่อย่างใด!
เห็นได้ชัดว่านางมีกลิ่นอายของราชันมาร!
กลิ่นอายดังกล่าวเหมือนกับเมื่อสามแสนปีก่อน ทำให้เขารับรู้ถึงพลังกดขี่ไร้ที่สิ้นสุด
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างเขาก็ทำได้เพียงใช้ชีวิตไม่ต่างจากมดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยผู้นี้!
“เผ่ามนุษย์ บัดซบ!”
สือจิ่วถอนหายใจอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงของนางไม่มีความผันผวนแต่อย่างใด!
เมื่อสายตาของนางหันมาจับจ้องชิวสิง แรงกดดันมหาศาลก็เคลื่อนเข้าหาอีกฝ่าย!
ชิวสิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ไม่ ราชันมารตายไปแล้ว! นางไม่ใช่ราชันมาร!”
สือจิ่วยกมือขึ้น แล้วกลิ่นอายมารทั่วตระกูลชิวก็ยอมจำนนราวกับพบเจอราชันสูงสุด!
ทันใดนั้น!
ยามสือจิ่วลงมือ นางก็โจมตีเข้าใส่ชิวสิงในหนึ่งอึดใจ
ความเร็วระดับนี้ แม้แต่ชิวสิงก็ไม่อาจมองเห็นได้!
้