ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 437 แม่ทัพมาร
บทที่ 437 แม่ทัพมาร
บทที่ 437 แม่ทัพมาร
ชิวเสวียนเพียงรู้สึกเหมือนกับบริเวณบ่าแตกหัก ความเจ็บปวดลุกลามจากทุกทิศทางจนไปถึงสมอง ทำให้เขาไม่สามารถคิดหาหนทางได้อีก
เขาอดไม่ได้ที่จะกระอักโลหิตขณะร่างกายสั่นสะท้าน
อาการหูอื้อและวิงเวียนศีรษะยังคงปรากฏบนร่างของชิวเสวียน
เขาไม่ทราบว่าพื้นที่ซึ่งเป็นของตระกูลชิวจะถูกหยุดโดยพลังบางอย่างไปชั่วขณะ
หลังจากผ่อนคลายอยู่พักใหญ่ ในที่สุดชิวเสวียนก็สามารถขจัดความเจ็บปวดทั้งหลายได้
เขาเงยหน้าขึ้น ภาพที่เดิมพร่าเลือนก็กลับมาเด่นชัด
ชิวเสวียนเห็นสิ่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เท่ากับสามคนยืนอยู่เบื้องหน้า สิ่งนั้นมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ นอกจากมีสองมือสองเท้าแล้ว ก็ยังมีสองหัวอีกเช่นกัน
มันถือขวานยักษ์ สวมชุดเกราะสีม่วงดำ ผิวหนังทั่วร่างส่องแสงสีม่วงเข้ม
สิ่งที่เหมือนเขาแพะสี่ข้างปรากฏบนหน้าผาก
ชิวเสวียนมองเพียงปราดเดียวก็ทราบว่าสิ่งนี้คืออะไร
“เจตจำนงมารหรือ?!”
สิ่งที่ไม่รู้จักตรงหน้าคือหนึ่งในแปดแม่ทัพมาร!
ถึงแม้ชิวเสวียนจะไม่ทราบชื่อของอีกฝ่าย แต่กลิ่นอายรอบกายกลับดูคุ้นเคยยิ่ง!
ส่วนขวานยักษ์ในมือคือหนึ่งในสิ่งที่เขาพิชิตมาได้ตอนเข้าดินแดนลับก่อนหน้านี้!
“เหอะ…”
แม่ทัพมารจ้องมองชิวเสวียนด้วยดวงตาทั้งสี่ข้างก่อนจะพ่นลมออกจมูก
หนึ่งในศีรษะของมันส่งเสียงอันทุ้มต่ำและทรงพลังออกมา “ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เจ้ากับข้าจะได้เสนอความต้องการต่อหน้ามนุษย์”
ศีรษะอีกข้างซึ่งมีลักษณะประหนึ่งวิญญาณชั่วร้ายส่งเสียงแหลม “คิคิคิคิคิ เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเมล็ดพันธุ์มาร บัดนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่วิถีมารแล้ว! ข้าผู้เป็นสมาชิกเผ่ามารจะต้องมาขอร้องต่อหน้ามนุษย์ได้อย่างไร?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงเอ่ยว่า “เขาไม่มีหัวใจมาร… สำหรับเขา พลังของเผ่ามารเป็นเพียงแค่เครื่องมือเท่านั้น”
น้ำเสียงแหลมเล็กไม่เอ่ยอันใดราวกับเห็นพ้องต่อสิ่งที่ศีรษะข้างนั้นบอก
“ถ้าเด็กนี่ไม่ได้ขวานยักษ์ไป เจ้ากับข้าอาจจะมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งไปแล้ว แต่ว่า… เด็กคนนี้ก็ไม่เลว แม้จะยังไม่เติบใหญ่แต่ก็เปี่ยมด้วยปัญญา ดังนั้นเจ้ากับข้าจะได้ประโยชน์หากรับใช้เขา”
“ไม่เหมือนกับเจ้าเด็กหนุ่มนั่น มนุษย์หนุ่มนี่มีพลังแปลกประหลาดมาก อีกทั้งยังหลงเหลือเศษเสี้ยววิญญาณเป็นจำนวนมาก ต่อให้พวกเราเข้าไปในร่างนั่นได้ก็เป็นได้เพียงหนึ่งในผู้ติดตามเท่านั้น ไม่มีทางได้ประโยชน์อันใด”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างมีเหตุมีผล
น้ำเสียงแหลมเล็กไม่เอ่ยอะไรราวกับยอมรับแต่โดยดี
ชิวเสวียนไม่ได้ยินว่าแม่ทัพมารกำลังพูดเรื่องอะไร
จากนั้นเขาเห็นศีรษะทั้งสองหันมามอง ในขณะที่ดวงตาทั้งสี่ข้างกำลังทอประกาย
แม่ทัพมารยกมือขวาขึ้น ประสานนิ้ว แล้วขวานยักษ์ของมันซึ่งอยู่ในแหวนเก็บของของชิวเสวียนก็ถูกนำออกมา ก่อนจะลอยไปอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย
“เจ้าหนู”
น้ำเสียงทุ้มต่ำพลันเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าน่าจะสัมผัสได้ว่าพวกข้าคือแม่ทัพมาร สิ่งที่เห็นในตอนนี้เป็นเพียงกลุ่มวิญญาณที่ติดอยู่กับขวานยักษ์มาร”
“ข้าปรากฏตัวในครั้งนี้ก็เพื่อจะรับใช้เจ้า เจ้าจะยอมรับหรือไม่?”
ชิวเสวียนสับสนชั่วขณะ จิตใจของเขายังคงงุนงง
น้ำเสียงแหลมเล็กที่ส่งเสียงหัวเราะคิก ๆ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เด็กคนนี้ถึงกับตาลีตาเหลือก เขาคงจะเสียสติไปแล้วเป็นแน่”
“รับใช้ข้าหรือ?”
ชิวเสวียนตกตะลึง จากนั้นก็ตระหนักได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาจึงระแวดระวังทันที “เหตุใดเจ้าถึงอยากรับใช้ข้า?”
ชิวเสวียนไม่ใช่คนโง่ แม่ทัพมารเหล่านี้แตกต่างจากสิ่งอื่น พวกมันมักเอาผลประโยชน์สูงสุดของตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นหรือตาย!
ทั้งที่เขาครอบครองขวานยักษ์มารเล่มนี้มาได้สักระยะ แต่พวกมันกลับไม่ปรากฏกายก่อนจะเลือกแสดงตนในตอนนี้ มันต้องมีความหมายลึกล้ำบางอย่างใช่หรือไม่?!
แม่ทัพมารมองความคิดของชิวเสวียนออกก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเคลือบแคลงสงสัย ข้าทำได้เพียงบอกเจ้าว่าที่มาในครั้งนี้ก็เพื่อให้การช่วยเหลือ เจ้าน่าจะทราบดีว่าด้วยพลังกับการบ่มเพาะในตอนนี้ ย่อมไม่มีทางเอาชนะเด็กหนุ่มคนนั้นได้”
“ง้าวในมือของเด็กหนุ่มคนนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณหอกสูงสุด เพียงหนึ่งอึดใจ เจ้าจะถึงแก่ความตายโดยไม่มีที่ฝัง!”
“ขอเพียงเจ้ายอมให้ข้ารับใช้ หลังจากทำพันธสัญญาแล้ว เศษเสี้ยววิญญาณของพวกข้าก็จะสามารถเข้าสู่จิตเทวะของเจ้าได้ ถึงตอนนั้นพวกข้าจะสามารถแบ่งปันพลังส่วนหนึ่งที่เจ้าไม่สามารถเข้าถึงได้!”
“หากมีพลังนั่น ต่อให้เจ้าไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มคนนั้นได้ แต่ก็ยังสามารถหลบหนีได้อย่างราบรื่น หากมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องมีความหวัง เจ้าหนู อย่าให้ข้าต้องสอนเรื่องนี้เลย!”
ชิวเสวียนยังคงกังวล “เช่นนั้นเงื่อนไขของเจ้าคืออะไร?”
เขาไม่เชื่อว่าแม่ทัพมารจะใจดีจนให้การช่วยเหลือทั้งอย่างนี้ มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนแน่นอน!
ชิวเสวียนจำเป็นต้องทราบก่อนว่าสิ่งนั้นคืออะไร!
แม่ทัพมารสะบัดปลายนิ้ว แล้วยันต์ใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
รายการจำนวนมากปรากฏอยู่ในนั้น มันคือสัญญาที่แม่ทัพมารเอ่ยถึงเมื่อครู่
ชิวเสวียนปรายตามองด้วยสายตาหวาดกลัว จากนั้นมองแม่ทัพมารด้วยความรังเกียจประหนึ่งพบเจอกับศัตรู
นี่มันสัญญาอะไร?!
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สรุปได้ว่าชิวเสวียนจะต้องกลายเป็นร่างสิงสู่ของแม่ทัพมาร!
ขอเพียงเขาตอบตกลง เศษเสี้ยววิญญาณของอีกฝ่ายจะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทุกเมื่อ!
หากพวกมันเข้าสู่จิตเทวะได้ ทะเลลมปราณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน!
ชิวเสวียนจะกลายเป็นหุ่นเชิดของแม่ทัพมาร!
ถึงแม้เดิมชิวเสวียนจะยังควบคุมร่างกายได้ แต่แม่ทัพมารจะต้องดูดกลืนทุกสิ่งในร่างของเขาเพื่อหล่อเลี้ยงซ่อมแซมเศษเสี้ยววิญญาณแน่นอน!
ถึงตอนนั้น วิญญาณของเขาก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อีกต่อไป เมื่อนั้นแม่ทัพมารจะได้รับโอกาส!
แล้วร่างนี้จะกลายเป็นร่างใหม่ของมัน!
“เจ้าหนู เจ้าเลือกไม่ตอบตกลงก็ได้ แต่นั่นเท่ากับเจ้าต้องตายในวันนี้!”
“คิ ๆ เจ้าหนู เจ้าไม่มีเวลาให้มาคิดมากขนาดนั้น พลังของพวกข้าทำได้เพียงหยุดเวลาไว้อีกแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น หากยังไม่สามารถตัดสินใจได้ ถึงตอนนั้น… ต่อให้ราชันมารมาด้วยตัวเองก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี!”
ชิวเสวียนขมวดคิ้วขณะครุ่นคิด
แม่ทัพมารไม่รีบร้อน ยืนเอามือไพล่หลังขณะจับจ้องอีกฝ่าย
เมื่อใกล้หมดเวลา ชิวเสวียนก็เลิกคิ้ว “ข้าตกลง!”
สิ้นคำ เขาฝืนยันกายขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วเพื่อวาดรอยโลหิต ก่อนจะกดฝ่ามือลงบนยันต์พันธสัญญาบนอากาศ!
วิ้ง!
สีแดงอันแปลกประหลาดกระจายออกจากยันต์ จากนั้นก็ปกคลุมอากาศด้วยกลิ่นอายมารไร้ที่สิ้นสุด!
“ดี ตอนนี้พันธสัญญาได้รับการลงนามแล้ว เจ้าคือเจ้านายของพวกข้า!”
“คิ ๆ นายท่าน คิ ๆ”
เมื่อน้ำเสียงทุ้มต่ำและแหลมเล็กเอ่ยประสานกัน เศษเสี้ยววิญญาณของแม่ทัพมารก็ทะยานเข้าสู่ร่างของชิวเสวียน
พลังส่วนหนึ่งที่ชิวเสวียนผนึกไว้ก็คลายออกเช่นกัน!
เขาสัมผัสได้ว่าพลังอันแก่กล้ากระจายไปทั่วร่างโดยไร้อุปสรรคกีดขวาง!
สิ่งนี้คือเศษเสี้ยววิญญาณของแม่ทัพมารที่เขาแบกรับเอาไว้!
ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็สามารถต่อสู้อย่างสุดกำลังได้!
ชิวเสวียนลุกขึ้นจากพื้นขณะบาดแผลได้รับการรักษา เขาเงยหน้ามองท้องนภาพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมา “ลู่หยวน มาสู้กันอีกรอบ!”
——————————-