ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 439 สู้อีกครั้ง (2)
บทที่ 439 สู้อีกครั้ง (2)
บทที่ 439 สู้อีกครั้ง (2)
ซ่งชิงไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อน้ำเสียงอันเย็นชาของจักรพรรดินี เขาเพียงยิ้มเจื่อนก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านจักพรรดินีแดนมัชฌิม กระหม่อมทราบว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงร้อนรนเช่นนี้”
“แต่ว่าไม่จำเป็นต้องวิตกหรอก ถึงอย่างไรลู่หยวนก็ประสบกับหลายสิ่งในแดนมัชฌิม เขาจะมาเสียท่าให้ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลชิวได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
พวกแดนมัชฌิมมองซ่งชิงด้วยสายตาที่ต่างออกไป!
สีหน้าของพวกจักรพรรดินีพลันหมองหม่นลง
ซ่งชิงยืนเอามือไพล่หลังขณะคลี่ยิ้ม “จักรพรรดินีไม่จำเป็นต้องทรงทำแบบนี้ ตำหนักประตูสวรรค์เป็นผู้รับผิดชอบอาณาเขตของตระกูลชิว ในฐานะที่เป็นประมุขน้อย กระหม่อมจึงทราบสิ่งที่เกิดขึ้นมาบ้างเช่นกัน”
“การที่สามารถรวบรวมผู้คนจำนวนมากในแดนมัชฌิมได้ นอกจากลู่หยวนแล้วก็ไม่น่ามีใครทำได้อีก!”
สิ้นคำของซ่งชิง ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ
สีหน้าของจักรพรรดินีอ่อนลงพลางเอ่ยว่า “แดนมัชฌิมกับตำหนักประตูสวรรค์คล้ายไม่มีความข้องเกี่ยวกัน วันนี้เจ้าอยากพูดอะไรกับข้ากันแน่?”
ซ่งชิงเอ่ยตามตรง “เมื่อไม่กี่วันก่อน กระหม่อมเพิ่งทราบถึงความผันผวนของเส้นชีพจรจักรพรรดิแดนมัชฌิม ตระกูลซ่งเพิกเฉยต่อเรื่องนี้มาโดยตลอด ดังนั้นต่อให้ทราบข่าว พวกกระหม่อมก็ไม่ทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ในเมื่อวันนี้ได้พบกับท่านจักรพรรดินี กระหม่อมจึงหวังว่าตระกูลซ่งจะได้รับการแบ่งสรรพื้นที่สำหรับแตกสาขาตระกูลจนสามารถสานสัมพันธ์ในแดนมัชฌิมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านจักรพรรดินีทรงไม่ต้องห่วง กระหม่อมจะต้องให้พวกเขาเตรียมของขวัญที่สมน้ำสมเนื้อไว้เพื่อไม่ให้แดนมัชฌิมเสียเปรียบจนเกินไป”
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว เหตุการณ์ในตระกูลแดนมัชฌิมได้รับการคลี่คลายไปนานแล้ว ด้วยผลจากตัวตนของเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหล ทำให้ความเป็นไปของดินแดนดำเนินไปได้อย่างราบรื่น นางเชื่อว่าอีกไม่ช้าก็จะกลับสู่ความรุ่งโรจน์!
แต่ตระกูลซ่งต้องการแตกสาขาตระกูลในตอนนี้งั้นหรือ?
จักรพรรดินีพลันครุ่นคิดบางสิ่งขณะเผยสายตาลึกล้ำ
แดนมัชฌิมได้ฝึกหน่วยสืบราชการลับและส่งพวกเขากระจายไปทั่วทั้งแผ่นดินหลักมาโดยตลอด ในบรรดาพวกเขา ตระกูลซ่งไม่เคยทำการติดต่อด้วยแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีการจัดสรรกำลังคน ทว่าในพื้นที่ของตระกูลชิวหรือตระกูลอื่นยังคงมีการจัดสรรไม่มากก็น้อย!
พวกเขาเคยรายงานสถานการณ์ของตระกูลซ่งมาบ้าง
ว่ากันว่านับแต่ซ่งชิงกลายเป็นประมุขน้อยแห่งตำหนักประตูสวรรค์ เขาก็เริ่มผูกขาดอำนาจ แม้จะด้วยอายุเพียงเท่านี้ แต่กลับสามารถทำให้เก้าแซ่แปดสาขาของตำหนักประตูสวรรค์ยอมจำนนได้!
คนรุ่นใหม่ต่างเชื่อฟังคำสั่งของเขา!
หลังจากซ่งชิงมีอำนาจ เขาเริ่มแบ่งกำลังคนและกระจายสาขาไปทั่วทั้งดินทั้งหลาย!
ดูเหมือนสาขาของพวกเขาในทะเลใต้และหุบเขาบูรพาจะมั่นคงแล้ว
บัดนี้ เขามีความคิดที่จะขยับขยายสาขาตระกูลมายังแดนมัชฌิมด้วยอย่างนั้นหรือ?!
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว ผ่านไปสักพัก นางจึงเอ่ยว่า “ไม่ได้”
แม้เป็นสองคำ แต่แฝงด้วยความเฉยชาไร้ที่สิ้นสุด
ในตอนนั้น เป็นลู่หยวนที่ตัดสินเกี่ยวกับตระกูลทั้งหลายในแดนมัชฌิม พวกเขาเพิ่งทำข้อตกลงกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ต่อให้เวลาผ่านไปก็ไม่สามารถบิดพลิ้วได้
หากจักรพรรดินีตอบตกลงในตอนนี้ มันไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าลู่หยวนหรอกหรือ?!
ซ่งชิงคล้ายกับไม่ประหลาดใจกับคำตอบนี้ เขาเพียงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นก็อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้แล้วกัน”
เมื่อสิ้นคำ เขาถอยออกมายืนอยู่ข้างกายผู้ติดตาม ไม่ขวางทางพวกแดนมัชฌิมอีกต่อไป
พวกจักรพรรดินีออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ตระกูลชิวต่อทันที
ไม่นานหลังจากนั้น กู่จินเจาก็พบว่าสีหน้าของฮ่วนซิงไป๋ไม่สู้ดีเท่าไหร่ เขาคล้ายกับตกอยู่ในห้วงโทสะตลอดเวลา!
“เกิดอะไรขึ้น?”
กู่จินเจาเอ่ยถาม
ฮ่วนซิงไป๋ขมวดคิ้ว ขณะเผยสายตาไม่ยินดี “ตอนเห็นซ่งชิง ข้าก็หงุดหงิดเสียจนอยากจะเดินเข้าไปตบหน้าสักสองฉาด!”
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
แต่พวกซ่งชิงยังคงยืนนิ่ง
เบื้องหลังของอีกฝ่ายมีผู้ชายคนหนึ่ง ผู้เปี่ยมด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวและเปี่ยมด้วยพลัง สวมชุดคลุมสีดำ จึงยากจะเห็นรูปร่างหน้าตาได้อย่างชัดเจน
ชายผู้นั้นก้มศีรษะขณะเอ่ยกับซ่งชิง “ท่านประมุขน้อย พวกเรายังต้องไปตระกูลชิวอีกหรือไม่?”
ริมฝีปากของซ่งชิงยกยิ้ม “ไปสิ ทำไมจะไม่ล่ะ? ครั้งนี้ข้าปรามผู้คนในตำหนักประตูสวรรค์เพื่อไม่ให้พวกเขารุกรานเรา ข้าออกโรงด้วยตัวเองก็เพราะอยากพบลู่หยวนคนนี้สักครั้ง!”
“ลู่หยวนหนอลู่หยวน อย่าทำให้ข้าผิดหวังเสียละ!”
ในดินแดนของตระกูลชิว ลู่หยวนกับชิวเสวียนต่อสู้กันนับร้อยครั้ง แต่ยังไม่อาจหาผู้ชนะได้!
ลู่หยวนสัมผัสได้ว่าพลังมารกับพลังแห่งวิถีคุณธรรมในร่างของชิวเสวียนเพิ่มขึ้น!
เขาพลันรู้สึกกดดันจากพลังดังกล่าว!
ลู่หยวนกับชิวเสวียนต่างก็เป็นเมล็ดพันธุ์มาร อีกทั้งเขายังได้รับประโยชน์จากวัตถุมารในหอคอยอสูรสวรรค์ ดังนั้นพลังมารที่มีจึงไม่ธรรมดา!
ต่อให้เป็นชิวเสวียน ก็ไม่อาจเทียบเคียงลู่หยวนด้วยพลังมารเพียงอย่างเดียวได้!
ส่วนพลังแห่งวิถีคุณธรรม ลู่หยวนไม่มีเหมือนอย่างชิวเสวียน เขาเพียงหยิบยืมร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในร่างของเจิ้งชิงเทียนเท่านั้น
เมื่อสามแสนปีก่อน เจิ้งชิงเทียนคือเจ้าแห่งวิถีคุณธรรม ถึงแม้จะมีเพียงร่องรอยของพลังแห่งวิถีคุณธรรมที่ยังอยู่ในร่างกาย แต่ก็ยังเทียบเคียงกับคนทั้งหลายในตระกูลชิวได้!
ดังนั้นในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทั้งพลังมารและพลังแห่งวิถีคุณธรรมของลู่หยวนจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย บางครั้งเขาเหนือกว่าชิวเสวียนด้วยซ้ำ!
แต่พลังของชิวเสวียนในตอนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจนเริ่มสามารถตอบโต้ลู่หยวนได้แล้ว!
ขอเพียงลู่หยวนใช้พลังแห่งวิถีคุณธรรมกับวิถีมารเผชิญหน้ากับชิวเสวียน ฝ่ายหลังจะถูกกำราบไม่มากก็น้อย!
เมื่อทั้งสองสู้กันอีกครั้ง ลู่หยวนจึงเป็นฝ่ายระเบิดพลังในมือก่อนจะกระแทกใส่ชิวเสวียนจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงดังกล่าวจางหายทันทีที่พลังทั้งสองสูญสลาย ในจังหวะเดียวกันลู่หยวนก็แตะปลายเท้าบนอากาศ รักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายไว้
ชิวเสวียนดึงพลังกลับเข้าร่างขณะกลิ่นอายรอบข้างหมุนวนไปมา
“เป็นอะไร? ลู่หยวน เจ้าสู้ไม่ได้แล้วหรือ?”
มุมปากของชิวเสวียนแสยะยิ้มเย้ยหยัน แน่นอนว่าหลังจากแม่ทัพมารเข้าสู่จิตเทวะ ไม่เพียงแค่สลายพลังทั้งหมดที่ชิวสิงผนึกเท่านั้น แต่ก็ยังทำให้ได้รับพลังของวิถีมารด้วย!
ภายใต้การประสานของสองพลังนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่าตนไม่มีปัญหาต่อการเผชิญหน้ากับลู่หยวนอีกต่อไป!
พลังนี้สามารถกำราบและสังหารศัตรูได้!
“สู้ไม่ได้หรือ?”
ลู่หยวนยกยิ้ม “สำหรับข้า การฆ่าเจ้าก็เหมือนกับการฆ่าแมลง!”
“อวดดีนัก”
ชิวเสวียนเอ่ยขณะยกมือขวาขึ้น แล้วพลังมารกับพลังแห่งวิถีคุณธรรมก็ระเบิดออกมาในทันที ก่อนจะปกคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา!
พลังทั้งสองซึ่งเป็นหนึ่งดีหนึ่งชั่วแตกต่างกันอย่างชัดเจน บัดนี้พวกมันซ้อนทับกัน แต่พวกเหล่านั้นกลับไม่กลมกลืนด้วยเหตุผลบางอย่าง!
พวกมันถึงขั้นมีความเห็นอกเห็นใจกัน!
พลังทั้งสองฝ่ายก่อตัวเป็นร่างหนึ่งที่ด้านหลัง มันเคลื่อนผ่านอากาศขณะกดมือขนาดใหญ่ลงมา ราวกับพลังที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนจากนอกโลกกำลังสอดส่องบนแผ่นดินหยวนหง!
ชิวเสวียนยกมือขวาขึ้นสูง แล้วพลังดังกล่าวก็ถูกกำราบทันที!
ตู้ม!
ทั่วทั้งปฐพีถูกแรงกดดันด้านลบปกคลุม ทำให้พื้นดินพังทลายอย่างรุนแรง!
ชุดคลุมของลู่หยวนปลิวไสวตามสายลมที่แรงกล้าเช่นกัน!
พลังบนร่างของเขาเพิ่มขึ้นเพื่อขัดขืนแรงกดดันทั้งหมดนี้!