ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 445 เริ่มต้น
บทที่ 445 เริ่มต้น
บทที่ 445 เริ่มต้น
เมื่อสิ้นเสียงของลู่หยวน ค่ายกลบนท้องนภาก็เริ่มเคลื่อนตัว!
อักขระสีทองนับไม่ถ้วนเริ่มกระจายและเรียงตัวขณะคุ้มกันทุกมุมของค่ายกล!
ทันทีที่ค่ายกลถูกเปิดเผย พลังแห่งวิถีคุณธรรมนับไม่ถ้วนก็ถูกดูดออกจากตระกูลชิว!
ผ่านไปสักพัก พลังแห่งวิถีคุณธรรมทั้งหมดที่เป็นของชิวสิงซึ่งถูกลู่หยวนผนึกไว้ชั่วคราวก็เคลื่อนตัวก่อนจะตกลงสู่ค่ายกล!
เจิ้งชิงเทียนสร้างผนึกในมือทันที แล้วพลังแห่งวิถีคุณธรรมที่เหลืออยู่ในร่างกายก็ระเบิดออกมา!
วิ้ง!
เมื่อผนึกก่อตัวขึ้น ค่ายกลขนาดใหญ่ก็ปรากฏที่ด้านหลังเจิ้งชิงเทียนในชั่วพริบตา!
อักขระกระจายไปทั่วทุกทิศทางพร้อมกับสั่นสะท้านรุนแรง!
หมู่เมฆเหนือสวรรค์ชั้นเก้าเคลื่อนตัวพร้อมกับฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นสายฟ้านับสิบฟาดกระหน่ำเข้าใส่ค่ายกลในท้องนภา!
ค่ายกลกระจัดกระจายในชั่วพริบตา ส่วนค่ายกลที่อยู่ด้านหลังเจิ้งชิงเทียนก็ทะยานออกไปก่อนจะซ้อนทับกับค่ายกลอีกแห่งบนผืนฟ้า!
ค่ายกลทั้งสองแห่งหลอมรวมกันในทันที!
ลู่หยวนเริ่มสร้างผนึกเช่นกัน จากนั้นค่ายกลของตระกูลชิวที่อยู่ด้านล่างก็ถูกเปิดออก!
คนของตระกูลชิวผู้อยู่ในค่ายกลคล้ายกับถูกจับเป็นตัวประกันด้วยพลังบางอย่าง!
ชั่วพริบตา ร่างของพวกเขาก็ถูกตรึงไว้จนไม่สามารถขยับได้!
ชิวเซี่ยวเทียนกับทาสอารักขาจำนวนมากก็เคลื่อนไหวไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้จิตสำนึกของพวกเขาจะยังอยู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้!
วาบ!
เสียงทุ้มต่ำยิ่งดังมาจากสวรรค์ชั้นเก้า แล้วพลังแห่งวิถีคุณธรรมก็เริ่มหายไปจากพวกเขา!
พลังแห่งวิถีคุณธรรมในร่างของทุกคนถูกดึงออกมา ก่อนจะกระจายไปทั่วทั้งท้องนภา!
ทันใดนั้น พลังนับไม่ถ้วนก็กระจัดกระจายทั่วผืนฟ้า จากนั้นจึงรวมตัวกันอยู่บริเวณด้านนอกตระกูลชิว!
พลังรวมตัวกันก่อนจะกลายเป็นค่ายกล!
ค่ายกลนี้หมุนไปมาขณะกระจายตัวและสั่นไหวไปมา!
เจิ้งชิงเทียนมองค่ายกลด้วยสายตามุ่งมั่น!
ค่ายกลนี้สามารถรวบรวมพลังแห่งวิถีคุณธรรมของทุกคนในตระกูลชิวได้ ส่วนเจิ้งชิงเทียนคือเจ้าแห่งวิถีคุณธรรม แม้นางจะกลายเป็นมารไปแล้ว แต่เนื่องจากมีร่องรอยของพลังแห่งวิถีคุณธรรมหลงเหลืออยู่ในร่างกาย นางจึงสามารถควบคุมพวกมันมาให้ลู่หยวนหลอมเส้นชีพจรสวรรค์คุณธรรมขึ้นมา!
หลังจากรออยู่สักพัก พลังแห่งวิถีคุณธรรมทั้งหมดของตระกูลชิวก็ถูกดึงออกมา แล้วค่ายกลในท้องนภาก็รวมตัวกัน!
เจิ้งชิงเทียนสร้างผนึกนับร้อยแห่งขึ้นในเวลาเพียงแค่หนึ่งถ้วยชา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น เพียงชั่วพริบตา นางก็ทะยานเข้าสู่ค่ายกลที่เพิ่งรวมตัวกันประหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ!
ก๊อง!
เสียงของระฆังมังกรกระจายไปทั่วฟ้าดิน!
พวกมันเหมือนกับเสียงเคาะในวิญญาณของผู้คน ซึ่งสั่นสะเทือนแผ่นดินไปกว่าครึ่งในบัดดล!
สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่นี่!
พวกเขาพบหมู่เมฆรวมตัวกันเหนืออาณาเขตของตระกูลชิวก่อนจะก่อตัวเป็นรูปลักษณ์เซียนท่านหนึ่ง
เซียนนั่งขัดสมาธิขณะยื่นมือขวาออกไป โดยสองนิ้วประสานเข้าด้วยกันก่อนจะค่อยชี้ลงมา
ซ่งชิงผู้ออกจากอาณาเขตของตระกูลชิวหันกลับมาในยามนี้ จ้าวเยี่ยนผู้ยืนอยู่ข้างกายมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านประมุขน้อย นี่นับว่าเป็นมหาโชคชะตา ท่านอยากกลับไปหรือไม่?”
ซ่งชิงส่ายหน้า “พวกเราไม่สามารถพิชิตโชคชะตานี้ได้ มันถูกกำหนดให้เป็นของลู่หยวนแล้ว”
“แต่ว่าต่อให้ลู่หยวนได้ไปก็ไม่สำคัญ หากภายภาคหน้าสามารถจัดการกับเขาได้ มันจะถูกส่งต่อมาหาข้าเช่นเดียวกัน”
แม้จ้าวเยี่ยนจะไม่เข้าใจประโยคครึ่งหลัง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามอีก เขาเพียงก้าวถอยหลังแล้วหันสายตาตามคนอื่น
ผ่านไปหลายอึดใจ ซ่งชิงก็ถอนสายตากลับก่อนจะเอ่ยกับผู้คนทั้งหลายที่อยู่ข้างกาย “พวกเจ้ากลับไปบอกจ้าวศักดิ์สิทธิ์ก่อนว่าข้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอกสักพัก แล้วจะกลับไป ระหว่างนั้นขอให้ตระเตรียมคนไปเกาะสังหารเซียนไว้”
“ขอรับ!”
ผู้คนทั้งหลายตกปากรับคำ จากนั้นจึงหายไปไกลลิบ
ซ่งชิงเหลือบมองตระกูลชิวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “เส้นชีพจรสวรรค์คุณธรรมกับร่างของเมล็ดพันธุ์มาร ลู่หยวนหนอลู่หยวน เจ้านับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา! หากพบกันบนเกาะสังหารเซียน ข้าอยากรู้นักว่าภูมิหลังของเจ้าเป็นเช่นไร! อย่าทำให้ผิดหวังเสียละ!”
สิ้นคำ เขาเพียงใช้ความคิดก็มีมังกรสามตาทะยานออกมาจากแขนเสื้อ!
จากนั้นมังกรก็ขยายขนาดยามลอยอยู่กลางอากาศพร้อมแผดเสียงคำรามต่ำ
มังกรสามตานี้มีสีแดงทั่วร่าง โดยมีลูกเปลวเพลิงขนาดเล็กกำลังแผดเผาอย่างต่อเนื่องอยู่ระหว่างเกล็ดของมัน แม้กระทั่งส่วนหางก็มีเปลวเพลิงขดรอบ
ซ่งชิงเพียงขยับปลายเท้าก็ทะยานไปอยู่บนร่างของมังกร
เมื่อเขาเคลื่อนลง เปลวเพลิงก็อันตรธานไปพร้อมกับเกล็ดมังกรที่ตั้งขึ้นจนเกิดเป็นรูปทรงประหนึ่งเก้าอี้
ซ่งชิงนั่งลงก่อนเอ่ยอย่างสงบ “ชื่อฮุย ไปกันเถอะ!”
มังกรสามตาคล้ายกับเข้าใจคำพูดของเขาก่อนจะแผดเสียงคำรามรับ จากนั้นจึงขดร่างแล้วทะยานออกไปไกล!
ในบริเวณที่ลู่หยวนอยู่ตอนนี้ เจิ้งชิงเทียนได้นำร่างตัวเองเข้าไปในค่ายกล แล้วพลังแห่งวิถีคุณธรรมทั้งหมดซึ่งเป็นของนางก็ถูกกวาดล้าง
ค่ายกลที่เกิดจากพลังแห่งวิถีคุณธรรมหลอมรวมเข้ากับค่ายกลอีกสองแห่งที่เหลือในทันที จากนั้นจึงกระจายออกไป เพียงชั่วพริบตามันกลายเป็นค่ายกลเก้าแห่งเรียงต่อกัน!
ลู่หยวนได้ลืมตาขึ้นในยามนี้ มองไปทางท้องนภา ขณะสร้างผนึกด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นร่างเซียนก็ชี้นิ้วไปที่ค่ายกลแห่งแรก!
ค่ายกลพลันเคลื่อนเข้าหาเขา!
ฟุ่บ!
ค่ายกลกวาดลงมา เมื่อสัมผัสกับลู่หยวน มันคล้ายกับเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงก่อนความเร็วจะเริ่มลดลง
หลังจากพลังแห่งวิถีคุณธรรมเผชิญหน้ากับพลังมารบนร่างของลู่หยวน พวกมันต่างก็พากันหลบหนี!
แต่พลังซึ่งเป็นของเจิ้งชิงเทียนคอยปราบพวกมันไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการหลบหนี!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลังแห่งวิถีคุณธรรมเริ่มปะทะเข้ากับร่างของลู่หยวน!
ลู่หยวนสะกดพลังมารทั้งหมดในร่างเอาไว้เพื่อยอมให้พลังแห่งวิถีคุณธรรมเหล่านี้เข้าโจมตี!
ความเจ็บปวดสุดแสนแผ่ซ่านไปทุกรูขุมขนประหนึ่งมีดแหลมคมนับไม่ถ้วนทิ่มแทงผิวหนังทุกส่วน ก่อนจะเกิดความปั่นป่วนขึ้น
เพียงไม่กี่อึดใจ แม้กระทั่งลู่หยวนก็ยังมีคราบเหงื่อบนหน้าผากพร้อมกับเผยใบหน้าซีดเซียว
การรับมือกับค่ายกลแห่งที่หนึ่งผ่านไปได้ด้วยความยากลำบากยิ่ง!
ก่อนลู่หยวนจะได้สงบสติชั่วขณะ ค่ายกลแห่งที่สองและสามก็เคลื่อนตามมาทันที!
ความเจ็บปวดที่ยากจะทานทนยังคงกระแทกใส่ร่างของเขาราวกับจะบดขยี้ให้สิ้นซาก!
ตระกูลชิวกับคนที่เดิมถูกลักพาตัวต่างรวมตัวกันในลานบ้าน ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่ยังปลอดภัยอยู่
แม้คนอื่นจะปลอดภัยดี แต่กู่จินเจา ฉินอี่หานและเสวียนเทียนชวนกลับดูแทบไม่ได้
พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่ได้รับการปลูกถ่ายยันต์จากลู่หยวน ดังนั้นจึงสามารถสัมผัสสภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้ได้
ถึงแม้จะไม่ทราบว่าลู่หยวนกำลังทำอะไร แต่ตอนนี้ชีวิตของอีกฝ่ายอ่อนกำลังมากราวกับจะตายได้ทุกเมื่อ!
ใบหน้าของเสวียนเทียนชวนลึกล้ำประหนึ่งห้วงน้ำขณะทำนายด้วยเหรียญทองแดงสามเหรียญในมือหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็ม เจ็ดรูทวารต่างเต็มไปด้วยโลหิต ริมฝีปากเป็นสีขาวซีด สภาพดูย่ำแย่ยิ่งกว่าลู่หยวน ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอันใด
พวกเขาทราบว่าเสวียนเทียนชวนกำลังทำนายให้ลู่หยวน!
——————————-