ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 448 แผนที่เกาะสังหารเซียน
บทที่ 448 แผนที่เกาะสังหารเซียน
บทที่ 448 แผนที่เกาะสังหารเซียน
ลู่หยวนกลับมาถึงลานบ้านตระกูลชิว ทุกคนต่างก็โล่งอกเมื่อเห็นอีกฝ่าย
เขามอบหมายให้ชิวชิงหลีรับผิดชอบสิ่งที่ตระกูลชิวทำ ตอนนี้ตระกูลดังกล่าวถูกทำลายสิ้นแล้ว แผนเดิมซึ่งให้สัตว์ประหลาดประจำการที่นี่จึงต้องพับไปก่อน!
ให้ชิวชิงหลีนำตระกูลชิวเพื่อฟื้นฟูทุกอย่างขึ้นมาใหม่ จากนั้นค่อยเตรียมการในภายหลัง
ใช่ว่าทุกคนในตระกูลชิวจะถูกตัดขาดจากพลังแห่งวิถีคุณธรรม!
ชิวชิงหลีไม่อยู่ภายใต้การจับกุมของค่ายกลก่อนหน้า นางจึงยังมีวิถีคุณธรรมอยู่!
ตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมยังไม่ถูกทำลายจนสิ้น!
ชิวชิงหลีย่อมเห็นด้วยกับคำสั่งของลู่หยวน นางคือร่างอวตารของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนเซียน นางจึงไม่ได้รักใคร่ตระกูลชิวมากนัก
หากเอ่ยถึงความรู้สึกที่มีให้ย่อมสื่อถึงวิญญาณอีกดวงที่อยู่ในร่างเดียวกับนางก่อนหน้านี้!
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ชิวชิงหลีอดไม่ได้ที่จะถามลู่หยวนว่าจะทำอย่างไรกับวิญญาณอีกดวงดี
เดิมทีลู่หยวนเก็บวิญญาณเอาไว้ในหอคอยอสูรสวรรค์ บัดนี้มันถูกปิดสนิทแล้ว หากต้องการลงโทษอีกฝ่ายก็ต้องรอให้มันเปิดอีกครั้ง!
เขาจึงบอกว่าตนจะจัดการเอง
ชิวชิงหลีไม่กล้าถามอะไรอีก
ลู่หยวนถ่ายทอดคำสั่งอื่นขณะตระเตรียมทุกสิ่งให้เรียบร้อย
หลังจากปรายตามองอย่างรวดเร็ว เขาก็พบสายตาคมปลาบของกู่อี้เจี้ยนผู้ยืนอยู่ข้างกายฮ่วนซิงไป๋ นางถือกระบี่ด้วยมือสองข้างก่อนจะหลับตาอย่างเงียบงัน
ทั้งสองสวมชุดสีขาว มุมเสื้อปักด้วยสัญลักษณ์กองทหารแดนมัชฌิม ดูเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ
ดวงตาของฮ่วนซิงไป๋พลันทอประกายเมื่อเห็นลู่หยวนมาหา เขาวิ่งมาอย่างร่าเริงก่อนจะเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์ มีอะไรอยากให้ข้าทำหรือไม่?”
ลู่หยวนเงียบไปสักพักขณะครุ่นคิด จากนั้นยกมือแล้วโอบแขนรอบคอของอีกฝ่ายก่อนจะดึงเข้ามา
“ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเจ้าเสียหน่อย”
“นี่นี่นี่? มันเกิดอะไรขึ้น?!”
คราวนี้กู่อี้เจี้ยนลืมตามองทั้งสองที่กำลังจะจากไปด้วยสายตาสงบ หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ นางก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
เมื่อกำลังจะหลับตา นางก็ได้ยินเสียงหยอกล้อของกู่จินเจา
“ลู่หยวนกับฮ่วนซิงไป๋มีความสัมพันธ์ชิดใกล้กันดี เขาไม่ทำอะไรหรอก อย่าห่วงไปเลย”
กู่อี้เจี้ยนยังคงเงียบ สีหน้าของกู่จินเจาจึงเปลี่ยนเป็นขึงขังก่อนจะส่งกระแสจิต “อี้เจี้ยน ฮ่วนซิงไป๋ปลุกสายเลือดของทวยเทพผู้ถูกเนรเทศได้แล้ว เขาจะต้องออกจากแผ่นดินหยวนหงในไม่ช้า วิถีกระบี่ของเจ้าพัฒนาขึ้นมาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถทะลวงเขตอาคมแห่งสวรรค์ได้”
ชั่วพริบตา กู่อี้เจี้ยนก็กุมกระบี่ในมือไว้มั่น คิ้วของนางขมวดแน่นคล้ายกับไม่พอใจ
“ฮ่วนซิงไป๋สามารถทะลวงผ่านห้วงอากาศด้วยเส้นชีพจรโลหิตได้ แต่วิถีกระบี่กว้างใหญ่ดั่งทะเลหมอกและผืนฟ้าไร้ที่สิ้นสุด เจ้าจะทะลวงได้อย่างไร?”
“หากไม่ปลุกสายเลือดขึ้นมา เขาก็จะกลายเป็นราชบุตรเขยของแดนมัชฌิมไปชั่วชีวิต ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นประมุขน้อยแห่งตระกูลฮ่วน!”
หลังจากกู่จินเจาเอ่ยเช่นนี้ นางก็เดินจากไป
กู่อี้เจี้ยนยืนอยู่เพียงลำพัง ขมวดคิ้ว แล้วหลับตาลง ปราณกระบี่รอบข้างซวนเซไปมา จากนั้นจึงสงบอีกครั้งหลังผ่านไปหลายอึดใจ นางดูสงบยิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้!
ลู่หยวนกับฮ่วนซิงไป๋เดินรอบตระกูลชิวอย่างสบายอารมณ์
ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยถามด้วยความสงสัย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านอยากถามอะไรหรือ?”
ลู่หยวนนิ่งงันด้วยสายตาหมองหม่น นางประสานสองนิ้วข้างขวาแล้วแตะไปบริเวณหน้าผากของอีกฝ่าย!
ฮ่วนซิงไป๋ตกตะลึง แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อน ก่อนจะปล่อยให้นิ้วของลู่หยวนสัมผัสกับหน้าผาก!
ลู่หยวนพลันหยุดนิ่ง พลังมารปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วกระทั่งสั่นสะเทือนไปยังหน้าผากของอีกฝ่าย
‘วิ้ง!’
เส้นสีทองบริเวณหว่างคิ้วของฮ่วนซิงไป๋วับวาบอย่างรวดเร็วและสั่นไหวไปมาก่อนจะปกคลุมดวงตาของเขา ทำให้พลังมารของลู่หยวนไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้
ลู่หยวนดึงมือขวากลับ “เจ้ารับรู้ถึงมันหลังจากปลุกสายเลือดของทวยเทพผู้ถูกเนรเทศขึ้นมาใช่หรือไม่?”
ฮ่วนซิงไป๋เข้าใจเช่นกันว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
สายเลือดของทวยเทพผู้ถูกเนรเทศคือสิ่งที่ต่างออกไป นับตั้งแต่ปลุกมันขึ้นมา เขาก็สามารถมองเห็นในสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น
ตัวอย่างเช่น กลิ่นอายมารที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างของลู่หยวน!
เมื่อฮ่วนซิงไป๋เห็นมัน เขาประหลาดใจชั่วขณะ แต่ไม่ช้าก็ตกอยู่ในความสงบก่อนจะรู้ว่าตนควรทำอะไร!
ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้าขณะตอบคำถามของลู่หยวน “ใช่ ข้าเห็นมัน!”
ลู่หยวนส่งเสียง ‘อื้ม’ แล้วไม่ถามอะไรอีก
ฮ่วนซิงไป๋ไม่ใช่ผู้ที่สามารถปกปิดสิ่งใดได้ การเห็นร่างเมล็ดพันธุ์มารของลู่หยวนแต่กลับไม่พูดถึงมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจ
ทั้งสองเงียบสักพัก ฮ่วนซิงไป๋กลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีข้าเป็นสหายกับท่านเพราะเหตุการณ์ของฉู่เชิ่ง แต่จากที่ประสบมา ข้าก็ได้พัฒนามิตรภาพแท้จริงกับท่าน นับตั้งแต่ปลุกสายเลือดขึ้นมาก็เห็นร่างเมล็ดพันธุ์มารของท่านแล้ว แต่ข้าหาได้สนใจไม่”
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจ แต่หลังจากผ่านพ้นเรื่องนี้ก็เข้าใจหลายอย่าง ข้าไม่รู้เลยว่าบนโลกใบนี้ยังมีพลังอีกมากมายเพียงใด ทั้งวิถีคุณธรรม วิถีมาร วิถีกระบี่และวิถีหอก”
“สุดท้ายแล้ว ร่างกายก็เป็นเพียงพลังอย่างหนึ่ง มันอยู่ที่ตัวผู้ใช้ ถึงตระกูลชั้นสูงเหล่านั้นจะพูดจาน่าฟังสักเพียงใด แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่ามีคราบเลือดอยู่ที่มือของพวกเขาหรือไม่”
“เหอะ… มันเกี่ยวกับผู้อ่อนแอกับผู้แข็งแกร่ง ไม่มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ได้”
ฮ่วนซิงไป๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเอ่ยว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีบางอย่างอยากจะบอกท่าน”
“ว่ามา”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างสงบ
ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยว่า “ข้าอยากเดินทางไปพร้อมกับท่านเพื่อทะลวงห้วงอากาศและมุ่งสู่แดนเซียน!”
“เดิมทีตระกูลฮ่วนมาจากแดนเซียน บรรพชนคนแรกคือศิษย์เอกของสำนักที่โดดเด่นที่สุด หลังจากน้อมรับคำสั่งลับ เขาก็ได้มาแผ่นดินหยวนหวงเพื่อตามหาบางอย่าง แต่กลับไม่พบ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอันใดจึงต้องการปักหลักอยู่ที่นี่”
“บรรพชนได้ทิ้งมรดกเอาไว้พร้อมบอกว่าผู้ที่ปลุกสายเลือดได้ก็จะมีสิทธิ์มุ่งหน้าสู่แดนเซียน”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะไปที่นั่นได้อย่างไร?”
บรรพชนของตระกูลฮ่วนมาจากแดนเซียน เขาย่อมมีข้อมูลมากกว่าผู้อื่น ทั้งยังทิ้งมรดกพร้อมบอกว่าอยากให้คนรุ่นหลังกลับบ้านเกิด หมายความว่าอีกฝ่ายต้องมีบางอย่างอยู่กับตัวเป็นแน่!
ฮ่วนซิงไป๋เกาศีรษะแล้วยิ้ม “แหะแหะ ไม่มี”
ลู่หยวนเงียบแล้วยกมือขวาเป็นกำปั้นหมายจะทุบอีกฝ่าย
ฮ่วนซิงไป๋กุมหัวทันทีแล้วเอ่ยว่า “แต่ข้ารู้ทุกอย่างภายในเกาะสังหารเซียน!”
ลู่หยวนหยุดมือ “เชิญว่ามา”
“ในบรรดาโบราณวัตถุที่บรรพชนของข้าหลงเหลือไว้ มีแผนที่โครงสร้างภายในของเกาะสังหารเซียน”
ฮ่วนซิงไป๋หัวเราะ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้ว่าท่านจะไปที่ใด ช่วยพาข้าไปด้วย!”
“ได้”
ลู่หยวนพยักหน้า ในเมื่อฮ่วนซิงไป๋ทราบเกี่ยวกับเกาะสังหารเซียน แสดงว่าตระกูลของอีกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสำรวจ ต่อให้ฮ่วนซิงไป๋ไม่ตามมา ลู่หยวนก็ต้องนำคนไปที่นั่นอยู่ดี
หากมีฮ่วนซิงไป๋อยู่ด้วย อย่างน้อยก็ยังมีแผนที่เกาะสังหารเซียนอยู่ใกล้ตัว!
“แต่ว่า พวกเราต้องรอสักพัก ข้ายังมีบางเรื่องต้องสะสาง”
ฮ่วนซิงไป๋เห็นด้วย “ข้าต้องเตรียมตัวสักพักเช่นกัน”
ทั้งสองเห็นพ้องต้องกันก่อนจะกลับไปที่ลานบ้านของตระกูลชิว
——————————-