ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 449 ท่านไท่เออ
บทที่ 449 ท่านไท่เออ
บทที่ 449 ท่านไท่เออ
ในตอนนี้ ทุกสิ่งในลานบ้านถูกตระเตรียมเสร็จสรรพ ส่วนหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวหาได้มีประโยชน์อันใดไม่
พวกนางจะถูกส่งตัวกลับในไม่ช้า แต่หนึ่งในนั้นกลับไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้
นั่นก็คือเยวี่ยอู๋ฉือ ประมุขสำนักกระบี่สวรรค์
ลู่หยวนเดินมาหาเยวี่ยอู๋ฉือโดยไม่เอ่ยคำใด เขาเพียงอยากปลูกถ่ายยันต์เท่านั้น
เยวี่ยหนีซางตกตะลึงเมื่อเห็นลู่หยวนกำลังหยิบยันต์ออกมา นางคิดว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเยวี่ยอู๋ฉือ จึงไปยืนขวางด้วยสีหน้าเดือดดาล “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”
ลู่หยวนยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่ไม่มีค่าชะตาแต่ยังพรวดพราดออกมาอีก ช่างรนหาที่ตาย!
เขายกฝ่ามือหมายจะผลักเยวี่ยหนีซางออกไป
แต่เยวี่ยอู๋ฉือลุกขึ้นด้วยสีหน้าสงบผิดปกติแล้วเอ่ยว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์แค่ต้องการข้า ไม่จำเป็นต้องระบายโทสะไปหรอก”
“เชื้อสายจากสำนักกระบี่สวรรค์บอบบางนัก ข้าเพียงหวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะยอมยกมืออันสูงส่งเพื่อปล่อยเยวี่ยหนีซางไป ข้าพร้อมยอมจำนนเพื่อบุกน้ำลุยไฟให้ท่าน!”
สิ้นคำ เยวี่ยอู๋ฉือคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ดวงตาหลุบต่ำแสดงท่าทียอมจำนน จิตเทวะเปิดออกเพื่อยอมให้ลู่หยวนปลูกฝังเครื่องหมายได้
ลู่หยวนขมวดคิ้ว ยามนี้นางเปลี่ยนไปมาก!
เยวี่ยหนีซางส่ายหน้าขณะพยายามรั้งตัวเยวี่ยอู๋ฉือเอาไว้ แต่นางถูกอีกฝ่ายกำราบจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น
เยวี่ยอู๋ฉือหลับตาก่อนจะเปิดปาก “เชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์ลงมือ!”
ลู่หยวนเก็บยันต์ในทันที โชคยังดีที่ของไร้ประโยชน์ยังสามารถกลับคืนสู่ร้านค้าระบบได้
จากนั้น ลู่หยวนใช้ปลายนิ้วเพื่อปลูกถ่ายจิตเทวะเข้าไป
‘วิ้ง!’
เสียงอันแผ่วเบาดังขึ้น แล้วกลิ่นอายซึ่งเป็นของลู่หยวนก็เข้าสู่จิตเทวะของเยวี่ยอู๋ฉือ แล้วแพร่กระจายออกไป สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน!
ผ่านไปสักพัก ลู่หยวนดึงมือกลับ ร่างของเยวี่ยอู๋ฉือโซเซแทบจะล้มลงกับพื้น สีหน้าของนางซีดเผือด ริมฝีปากสั่นเทา ดวงตาเหม่อลอย แล้วกลิ่นของอีกฝ่ายก็ปกคลุมทั่วจิตเทวะ ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้
ยิ่งเวลาผ่านไป เส้นสีขาวซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยแสงสีทองค่อยปรากฏบนหน้าผาก นี่คือเครื่องหมายของลู่หยวน!
เครื่องหมายนี้จะคงอยู่ตลอดไป เยวี่ยอู๋ฉือจะเป็นทาสของลู่หยวนตราบชั่วชีวิต!
“นับจากวันนี้ เจ้าคือข้ารับใช้กระบี่ของข้า!”
“น้อมรับ!”
เยวี่ยอู๋ฉือตอบรับอย่างสงบ จากนั้นลุกขึ้นยืนประจำตำแหน่งด้านหลังลู่หยวน นางขมวดคิ้วโดยไม่มีทีท่าสั่นคลอน
ตอนนี้เยวี่ยหนีซางหลุดจากการจองจำขณะมองอาจารย์ด้วยความไม่อยากเชื่อ!
ถึงแม้สำนักกระบี่สวรรค์จะไม่ใหญ่โต แต่ก็นับว่าโด่งดังในโลกใบนี้!
เยวี่ยอู๋ฉือผู้มีฐานะเป็นถึงประมุขสำนักถึงกับยอมจำนนต่อผู้ชายเพียงคนเดียว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าหลายคนคงหัวเราะเยาะเป็นแน่!
ความจริงเยวี่ยหนีซางกังวลมากเกินไป เพราะไม่นานหลังจบเรื่องนี้ มันจะแพร่งพรายไปทั่วทั้งแผ่นดิน!
แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะสำนักกระบี่สวรรค์ ที่จริง… พวกเขาอิจฉาเสียด้วยซ้ำ!
กลายเป็นข้ารับใช้กระบี่ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!
นี่มันของขวัญที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ!
ในบรรดาสำนักทั้งหลายผู้มีพละกำลังใกล้เคียงกับสำนักกระบี่สวรรค์ ผู้อาวุโสหรือประมุขสำนักหญิงต่างมองตัวเองในกระจกก่อนจะลอบถอนหายใจ
พวกนางต่างจากเยวี่ยอู๋ฉือตรงไหน?!
เรื่องหน้าตา!
พวกนาง… ด้อยกว่าเล็กน้อยจริง
แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ย่อมไม่ใช่คนที่มองอะไรผิวเผินเช่นนั้น มันต้องตัดสินที่พละกำลังไม่ผิดแน่!
เรื่องพละกำลัง!
ดูเหมือนจะมีไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จด้านวิถีกระบี่ แต่ว่า…
พวกนางฝึกฝนสายอื่นเสียมากกว่า!
ถ้าเป็นค้อนใหญ่ ขวาน และโล่ใหญ่ พวกนางก็ใช้ได้อย่างง่ายดาย!
บางคนถึงขั้นฝึกฝนร่างกายจนบึกบึน! บางคนสามารถต่อยสัตว์ประหลาดด้วยหนึ่งหมัดได้!
แบบนี้ไม่เท่ากับว่าดีกว่าเยวี่ยอู๋ฉือหรอกหรือ?!
ผู้อาวุโสหรือประมุขสำนักชายบางส่วนก็ติดอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าโศกและเดือดดาลเช่นกัน!
เหอะ…
ยัยเยวี่ยอู๋ฉือไปเอาพละกำลังมาจากไหน?
ถึงแม้นางจะดูงามสะพรั่งประหนึ่งเซียน แต่อายุก็หาได้น้อยไม่!
ไม่เหมือนกับพวกเขาที่เพิ่งจะราว ๆ สองร้อยปีเท่านั้น!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่ใช่คนที่มองอะไรผิวเผินอย่างการสนเพียงผู้หญิงหรือผู้ชายไม่!
ขอเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เต็มใจ อย่าว่าแต่ฐานะข้ารับใช้กระบี่เลย ต่อให้ต้องประเคนอาหารให้สามมื้อ ซักเสื้อผ้า พับผ้าห่ม พวกเขาก็เต็มใจทำเช่นกัน!
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวหลังจากนั้น
ตอนนี้เยวี่ยหนีซางทราบว่ากลิ่นอายของลู่หยวนถูกปลูกถ่ายไปแล้ว มันเกินกว่าจะหันหลังกลับไปได้!
เยวี่ยอู๋ฉือจะเป็นคนของลู่หยวนตราบชั่วชีวิตที่เหลือ!
เยวี่ยหนีซางลุกขึ้นปาดน้ำตา แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเยวี่ยอู๋ฉือ พร้อมคุกเข่ากับพื้นดัง ‘ตุบ!’ เพื่อคารวะอีกฝ่ายสามครั้ง
“ท่านอาจารย์! ในเมื่อท่านทอดทิ้งสำนักกระบี่สวรรค์ เช่นนั้นท่านก็ไม่ข้องเกี่ยวกับสำนักอีก ส่วนข้า…”
ขณะเยวี่ยหนีซางพล่ามไม่หยุด ลู่หยวนกลับมองด้วยสายตารังเกียจ “ขืนเจ้ายังพูดมากอีก ข้าจะฆ่าทิ้งเสียตรงนี้!”
เยวี่ยหนีซางสำลักคำพูดจนไม่กล้าเอ่ยคำใดอีกแม้จะรู้สึกเดือดดาลอยู่ก็ตาม
เมื่อยื่นมือขวาออกไป กระบี่ยาว 10 ชุ่นก็ปรากฏ เยวี่ยหนีซางหันมือแล้วปักกระบี่ลงกับพื้น
“ข้าขอคืนให้ท่าน ข้ารับมันไว้ไม่ได้แล้ว!”
สิ้นคำ เยวี่ยหนีซางลุกขึ้นก่อนจะเดินจากไปทันที
เยวี่ยอู๋ฉือขมวดคิ้วฉงน ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั่วพื้นที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ลู่หยวนเพียงขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด
คนอื่นก็ไม่กล้าเอ่ยคำใดเช่นกัน หลายอึดใจผ่านไป ลู่หยวนก็ยื่นมือขวาพร้อมกับลมหมุนที่ก่อตัวขึ้น ในมือก็ปรากฏกระบี่ยาว 10 ชุ่นในทันที
ทันทีที่ครอบครองกระบี่เล่มนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ทรงพลังซึ่งคลุ้มคลั่งอยู่ภายใน แต่ไม่ว่าจะพยายามคว้าจับแค่ไหน พวกมันก็หลบเลี่ยงได้อย่างชำนาญ!
“ระบบ ตรวจสอบกระบี่เล่มนี้!”
[ระบบกำลังตรวจสอบ โปรดรอสักครู่…]
[ตรวจสอบเสร็จสิ้น! กระบี่เล่มนี้คือเศษเสี้ยวของกระบี่ที่อยู่ติดกับเยวี่ยอู๋ฉือตอนเป็นวิญญาณกระบี่! มันคือการกลับชาติมาเกิด! ตอนนี้มีเพียงนางที่สามารถควบคุมพลังภายในนั้นได้ หากตื่นขึ้นยังสมบูรณ์ ท่านก็จะสามารถควบคุมกระบี่เล่มนี้ได้เช่นกัน!]
[ระดับของกระบี่เล่มนี้คือ… ครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์! (ยังไม่ตื่นขึ้น!)]
ลู่หยวนขมวดคิ้วขณะยกยิ้ม จากนั้นเขาโยนกระบี่ไปทางเยวี่ยอู๋ฉืออย่างไม่ใส่ใจ!
“เอาไป”
เยวี่ยอู๋ฉือรับมันไว้ด้วยสองมือ
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวใกล้คลี่คลาย ลู่หยวนจึงทิ้งผู้คนไว้บางส่วนเพื่อช่วยชิวชิงหลีกำราบกลุ่มตระกูลชิว แล้วจากไปพร้อมคนที่เหลือ
ทันทีที่ก้าวออกจากตระกูลชิว เขาเห็นผู้คนนับหมื่นห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ!
สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความละโมบ ในมือถืออาวุธ!
เมื่อเห็นกลุ่มลู่หยวนออกมา พวกเขาประหลาดใจ เมื่อสัมผัสพลังของอีกฝ่ายจึงรับรู้ว่าคนเหล่านี้อยู่ขั้นเซียนยุทธ์เป็นอย่างต่ำ!
หลังจากเงียบไปสักพัก ชายร่างกำยำผมสีแดงก็เดินออกมาคารวะลู่หยวน “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใคร?”
ลู่หยวนชำเลืองมองอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยเพียงว่า “หลบ!”
ทันทีที่สิ้นคำ ผู้คนนับหมื่นต่างไม่พอใจ!
——————————-