ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 456 กำราบ
บทที่ 456 กำราบ
บทที่ 456 กำราบ
หมอกเลือดปกคลุมท้องนภา ขณะพลังพุ่งออกจากร่างของลู่หยวน เพียงพริบตามันก็ทะยานสู่ผืนฟ้า ทำให้โลหิตของมังกรเกล็ดทั้งหลายกลายเป็นไอ!
แม้แต่ร่างที่ฉีกขาดของมังกรเกล็ดก็ถูกพลังดังกล่าวบดขยี้ในบัดดล!
มังกรเกล็ดที่เหลือต่างตกตะลึง ในตอนนี้พวกมันรู้สึกถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
ทันใดนั้น!
ร่างจำนวนมากพุ่งออกจากทะเลสาบสีดำขนาดใหญ่ พวกมันระเบิดพลังอันแก่กล้าออกมาจนเทียบเคียงกับลู่หยวนได้อย่างสูสี!
ร่างเหล่านั้นถูกตรึงอยู่ในอากาศโดยมีชายชราคิ้วสีขาวไว้หนวดหนาเป็นผู้นำ
เขาสวมชุดคลุมมังกรล้ำค่าดูทรงพลัง ทั้งยังมีกลิ่นอายสงบน่าเกรงขามอยู่ทั่วร่าง
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ แม้ชายชราจะมีหน้าคล้ายกับมนุษย์ แต่หนวดทั้งสองที่มุมปากกลับยาวบางไปจนถึงบริเวณหัวเข่า
ส่วนด้านหลังมีหางมังกรลากไปตามทาง
ผู้คนบางส่วนที่ตามชายชรามาต่างมีรูปลักษณ์คล้ายกัน ซึ่งกลิ่นอายในร่างกายของพวกเขาคือสิ่งที่ไม่อาจดูแคลนได้!
ชายชราหลุบตามองลู่หยวนอย่างสงบราวกับสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งฆ่าไปเมื่อครู่หาใช่สมาชิกเผ่ามังกรเกล็ดไม่!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่หรือ?”
ชายชราม้วนหนวดพลางแย้มยิ้ม “เผ่ามังกรเกล็ดอาศัยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด จึงไม่คุ้นเคยกับตระกูลในดินแดนอื่นมากนัก หวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะไม่โกรธเคืองหากคนระดับล่างไปทำให้ขุ่นเคืองเข้า!”
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง “เจ้าคือจักรพรรดิแห่งเผ่ามังกรเกล็ดใช่หรือไม่?”
ชายชราพยักหน้า “ข้ามีนามว่าหลงเฉียนอวิ๋น”
ก่อนลู่หยวนจะทันได้กล่าวอะไร หลงเฉียนอวิ๋นก็เอ่ยต่อ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าเข้าใจดีว่าท่านมีเป้าหมายอะไรในการมาครั้งนี้ ข้าขอบอกตามตรงว่าราชวงศ์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ถูกสังหารในพริบตาก็เพราะซู่เฟิงร่วมมือกับทางนี้!”
ลู่หยวนคิ้วขมวด ส่วนไป๋ชิวเอ๋อร์ซึ่งอยู่ข้างกายก็มีสีหน้าประหลาดใจ
ถึงอย่างไร ลู่หยวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์ก็ทราบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซู่เฟิง เพราะตั้งแต่เข้าดินแดนจิ้งจอกสวรรค์ พวกเขาก็พบเรื่องประหลาดเป็นจำนวนมาก!
เดิมทีพวกเขาคิดว่าเผ่ามังกรเกล็ดจะปกปิดเรื่องนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าหลงเฉียนอวิ๋นจะยอมอธิบายจนหมดเปลือกทันทีที่เจอหน้ากัน
หลงเฉียนอวิ๋นชี้ไปที่ทะเลสาบสีดำขนาดใหญ่ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เรื่องระหว่างท่านกับจิ้งจอกสวรรค์ย่อมแปรเปลี่ยนได้ เหตุใดไม่มานั่งคุยกันแต่โดยดีเล่า?”
ริมฝีปากสีชาดของไป๋ชิวเอ๋อร์อ้าขึ้นขณะเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ท่านจักรพรรดิมังกรเกล็ด ข้าสงสัยนักว่าจะเหมือนกับตอนที่ซู่เฟิงร่วมมือกับท่านหรือเปล่า?”
นี่คือการบอกเป็นนัยว่าทุกสิ่งที่หลงเฉียนอวิ๋นพูดเหลวไหลไม่พอ แถมยังทรยศต่ออดีตสหายอีก นิสัยนกสองหัวเช่นนี้ เกรงว่าตอนร่วมมือกับลู่หยวนก็คงไม่ต่างกัน!
หลงเฉียนอวิ๋นย่อมรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงเสียดสีดังกล่าว แต่ก็หาได้รำคาญไม่ เขาเพียงมองลู่หยวนด้วยท่าทางสุภาพยิ่ง
ผ่านไปสักพัก รอยยิ้มของลู่หยวนก็หายไป “หลงเฉียนอวิ๋น เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงมาที่นี่ในวันนี้?”
หลงเฉียนอวิ๋นตอบ “แน่นอนว่าก็เพื่อปูทางให้เทียนเม่ยเอ๋อร์ขึ้นสู่บัลลังก์ของจักรพรรดิ! ทันทีที่ครองอำนาจ เขาก็จะไม่สามารถบังคับนางได้ รวมถึงไม่สามารถฆ่าทุกคนที่ขวางทางได้ ถึงอย่างไร บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็หวังว่านางจะเป็นที่ต้อนรับจากทุกคนใช่หรือไม่!”
“ถ้าเช่นนี้ ผู้ที่ขวางทางย่อมถือเป็นการกระทำผิดที่มิอาจให้อภัยได้ หากเผ่าของพวกนางทราบเรื่องเข้าก็จะถูกดูแคลน แบบนี้เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็จะมีความชอบธรรมและปราศจากการต่อต้านอีกต่อไป!”
“จากสถานการณ์ตอนนี้ เชื้อสายของซู่เฟิงจะต้องถูกกำจัด! หากทุกคนทราบว่าวีรชนที่ได้รับการยกย่องอย่างซู่เฟิง ซึ่งเป็นผู้นำเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ไปต่อสู้กับเผ่ามังกรเกล็ดนั้น ยอมไปร่วมมือกับศัตรูต่างแดนเพื่อกวาดล้างราชวงศ์จิ้งจอกสวรรค์จนสิ้นจะเป็นอย่างไร หากพวกเขาทราบว่าสัญญาของมังกรเกล็ดที่หยุดการต่อสู้เป็นเพราะได้ผลประโยชน์มากพอแล้ว เมื่อนั้นเขาก็คงจบสิ้นเป็นแน่!”
ดวงตาของหลงเฉียนอวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องกังวล สิ่งเหล่านี้ต่อรองกันได้ หากท่านรู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หากเขาเข้าสู่ดินแดนมังกรเกล็ด พวกเราก็สามารถพูดคุยกันที่นี่ได้!”
แม้ใบหน้าของหลงเฉียนอวิ๋นจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่มองลึกลงไปก็จะพบกับความคมประหนึ่งกระบี่
การกลืนกินเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เพื่อทำให้เผ่ามังกรเกล็ดกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดเพียงหนึ่งเดียว คือแผนที่พวกเขาวางเอาไว้เป็นเวลาหลายพันปี!
ทั้งที่วันนี้มันกำลังจะกลายเป็นความจริงอยู่แล้ว แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนเหนือกลับปรากฏตัวขึ้น
เจ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์สารเลวคนนี้พาเทียนเม่ยเอ๋อร์กลับมา แผนจึงเป็นอันต้องพับไป เนื่องจากอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารเผ่ามังกรเกล็ดได้!
แม้มังกรเกล็ดที่ลู่หยวนต่อสู้เมื่อครู่จะไม่นับว่าเก่งกาจที่สุดในหมู่พวกเขา แต่ก็นับว่าแข็งแกร่งไม่เบา
ในบรรดาเผ่ามังกรเกล็ด มีไม่กี่คนที่แข็งแกร่งพอจะฉีกทึ้งมังกรตัวนั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้!
แต่ลู่หยวนกลับทำได้!
หลงเฉียนอวิ๋นมั่นใจว่าแม้เด็กคนนี้จะอายุไม่มาก แต่กลับทรงพลังยิ่งนัก!
ต่อให้หลงเฉียนอวิ๋นสู้เพียงลำพังก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะสามารถเอาชนะได้!
การฆ่าเด็กคนนี้มีแต่เสียมากกว่าได้
ตอนนี้สู้ยอมอีกฝ่ายไปก่อนย่อมดีกว่า
คนทางแดนเหนือจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาบูรพาได้นานจริงหรือ?
ขอเพียงเด็กคนนี้จากไป เขาสามารถใช้อุบายบางอย่างเพื่อทำให้จิ้งจอกสวรรค์พ่ายแพ้ เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ แล้วดินแดนของจิ้งจอกสวรรค์ก็จะยังเป็นของเผ่ามังกรเกล็ด!
ก็แค่ยอมก้มหัวไม่ใช่หรือ?
เรื่องนี้เขาถนัดอยู่แล้ว!
ลู่หยวนเพ่งมองหลงเฉียนอวิ๋นผู้แสดงท่าทางราวกับสามารถต่อรองได้ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเนิบช้า “สมกับเป็นจักรพรรดิมังกรเกล็ด ช่างมองความคิดของข้าได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งนัก”
หลงเฉียนอวิ๋นแย้มยิ้มขณะหลุบตา
ลู่หยวนเอ่ยว่า “แต่เรื่องของซู่เฟิงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แม้เจ้าไม่ต้องการ แต่ข้าก็สามารถดึงเผ่ามังกรเกล็ดให้ลงมาได้! ตอนนี้มาคุยเรื่องของเผ่าเจ้ากันดีกว่า!”
หลงเฉียนอวิ๋นตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าลู่หยวนจะต้องการสิ่งอื่นอีก หากซู่เฟิงถูกดึงลงมา คนที่เหลือก็จะเสียศูนย์จนไม่สามารถเผชิญหน้ากับเทียนเม่ยเอ๋อร์ได้อีก แล้วสถานการณ์ของจิ้งจอกสวรรค์ก็จะคลี่คลาย!
ลู่หยวนต้องการให้เผ่ามังกรเกล็ดทำอะไรกันแน่?!
“ข้าไม่ต้องการเสียเวลากับที่นี่มากนัก เพราะอีกไม่นานก็ต้องออกเดินทางต่อแล้ว ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะปกครองหุบเขาบูรพาทั้งหมดได้”
ลู่หยวนยกยิ้มขณะเหลือบมองหลงเฉียนอวิ๋นด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณต่อสู้ “แต่ถ้าควบคุมเจ้าก็ยังพอเป็นไปได้อยู่!”
ทันทีที่สิ้นคำ รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของหลงเฉียนอวิ๋นก็หายไป!
ความหมายของลู่หยวนคือ จะใช้กำลังเพื่อให้เผ่ามังกรเกล็ดยอมจำนนต่อจิ้งจอกสวรรค์!
ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายนัก!
เผ่ามังกรเกล็ดทรงพลังนัก ส่วนจิ้งจอกสวรรค์กำลังตกต่ำ เขาจะยอมจำนนต่ออีกฝ่ายได้อย่างไร?!
นอกจากนี้ หากพวกเขายอมจำนนก็ต้องทำการสาบานต่อวิถีสวรรค์ แล้วคำสาบานกับคำสาปจะถูกสลักไว้ในร่างของพวกเขาสืบไปทุกรุ่น หากภายภาคหน้าทรยศขึ้นมาก็จะถูกวิถีสวรรค์ลงทัณฑ์!
หรือต่อให้ไม่สาบาน ขอเพียงพวกเขาบอกว่ายอมจำนน ทั่วทั้งหุบเขาบูรพาก็จะล่วงรู้เรื่องนี้!
ภายภาคหน้า ไม่ว่าพวกเขาจะปกครองดินแดนตนเองหรือทั่วทั้งหุบเขาบูรพา เหตุการณ์นี้ก็จะเป็นที่จดจำโดยผู้อื่น!
เผ่าราชันย์แห่งหุบเขาบูรพาถึงกับยอมจำนนต่อผู้อื่น!
พวกเขายอมเป็นทาส!
แบบนี้มันไม่น่าอายหรือ?!