ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 461 เพื่อกระบี่มารแปดแดนร้างหรือ
บทที่ 461 เพื่อกระบี่มารแปดแดนร้างหรือ?
บทที่ 461 เพื่อกระบี่มารแปดแดนร้างหรือ?
ลู่หยวนไม่เชื่อนาง สำหรับเขา ใครก็ตามที่เปิดเผยเรื่องเมล็ดพันธุ์มารจะต้องตาย!
หากกู้ชิงหรันบอกว่าจะไม่พูด แล้วนางจะไม่พูดเลยจริงหรือ?
ถ้าเป็นลู่หยวน ให้พูดว่าแผ่นดินหยวนหงจะระเบิดในวันพรุ่งนี้ก็ยังได้!
คนผู้นี้เชื่อใจไม่ได้!
กู้ชิงหรันเอ่ยต่อ “อีกอย่าง แม้เจ้าจะมีพลังของเมล็ดพันธุ์มาร แต่จิตใจหาได้ถูกมันรบกวนไม่ หากเป็นเช่นนั้น ที่พูดมาจะมีความหมายอะไร?”
ลู่หยวนไม่สนใจนางขณะสื่อสารกับระบบ “มีวิธีใดที่จะควบคุมหรือฆ่านางหรือไม่?”
ลำพังแค่เขาคนเดียวย่อมไม่สามารถกำราบอีกฝ่ายได้!
[กู้ชิงหรันไม่สามารถฆ่าได้ในตอนนี้!]
[เนื่องจากร่างกายของกู้ชิงหรันมีชะตามากเกินไป ทำให้ยันต์ สัญญา หรือค่ายกลย่อมไม่เป็นผลต่อนาง! ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ การถ่ายทอดกลิ่นอายมารเข้าไปย่อมไม่เกิดผลกับกู้ชิงหรัน!]
ลู่หยวนลอบสบถ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?!
นี่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดของโลกใช่หรือไม่?!
“แล้วข้าสามารถปลูกถ่ายกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์มารปีศาจในจิตเทวะของนางได้หรือไม่?”
[ทำได้!]
ลู่หยวนยกยิ้ม แบบนี้ก็ยังดี!
เพียงแค่ปลูกถ่ายกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์มารย่อมไม่เป็นที่รังเกียจหรือรบกวนจิตใจอื่นเหมือนอย่างการปลูกถ่ายกลิ่นอายมาร! ตัวตนของมันมีแค่นั้น!
ผลที่ตามมาก็คือเมื่อกลิ่นอายมารแผ่ซ่านออกมาจากร่างของลู่หยวน มันก็จะเล็ดลอดออกจากร่างของกู้ชิงหรันเช่นกัน!
ทันทีที่กลิ่นอายประเภทนี้ถูกปลูกถ่ายเข้าสู่จิตเทวะของกู้ชิงหรันก็ยากจะที่จะลบเลือนได้!
ต่อให้เขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับกู้ชิงหรันก็ไม่คิดที่จะลองกำราบด้วยกำลัง!
หากกู้ชิงหรันคิดจะพูด ลู่หยวนก็จะสามารถควบคุมกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์มารให้ออกจากร่างกายได้ก่อนคนอื่นจะมาตามสืบสาวถึงตัวเขา
ถึงตอนนั้น กู้ชิงหรันก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้
“เปิดจิตเทวะ!”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
กู้ชิงหรันพอจะเข้าใจว่าลู่หยวนต้องการทำบางอย่าง หาไม่แล้วเขาคงไม่รู้สึกโล่งอกเช่นนี้
กู้ชิงหรันทำตามคำพูดของลู่หยวนขณะเปิดจิตเทวะ แล้วปล่อยให้เขาปลูกถ่ายกลิ่นอายมารเข้าไป!
“ทีนี้เจ้าโล่งอกแล้วหรือยัง?”
ลู่หยวนคิ้วขมวดแล้วไม่เอ่ยคำใด
กู้ชิงหรันกวาดสายตามองผู้คนรอบข้างก่อนจะควบคุมชะตาลง
ผู้ที่ถูกกดดันได้รับการปลดปล่อย
ในที่สุดเฝยเฝยซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชิงหรันก็หายใจได้ทั่วท้อง หลังจากรวบรวมเรี่ยวแรง มันพยายามที่จะหลุดพ้นจากมือของนางอย่างสุดกำลัง
แต่การกักขังของกู้ชิงหรันแน่นหนามากจนหางของเฝยเฝยห้อยลงมา ไม่สามารถเป็นอิสระได้ด้วยซ้ำ!
“จักรพรรดิทั้งสามซึ่งมาจากดินแดนผู้พิทักษ์ล้วนข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ทันใดนั้น กู้ชิงหรันก็เปิดปากขณะบอกข่าวที่ล่วงรู้ออกมา
“ตอนที่เจ้ากลับมาพร้อมกับจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์ ข่าวก็ถูกแพร่งพรายออกไปแล้ว ซึ่งสามจักรพรรดิก็สนทนาถึงวิธีโจมตีในทันที!”
เมื่อเห็นลู่หยวนเหลือบมองมา กู้ชิงหรันก็เอ่ยว่า “ข้ามาจากดินแดนผู้พิทักษ์ก็เลยทราบข่าวเกี่ยวกับเจ้า รวมถึงเรื่องอื่นอีกเล็กน้อย”
ลู่หยวนพยักหน้า “เจ้ารู้อะไรอีกบ้าง?”
กู้ชิงหรันเอ่ยต่อ “หนึ่งในสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่ดูเหมือนจะเป็นเพราะอาวุธมารที่มีชื่อว่า… กระบี่มารแปดแดนร้างหรือเปล่า?”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว
ตอนเขาเข้าไปยังดินแดนลับในตระกูลชิวก็ไม่ได้นำอาวุธมารออกมา เพราะหากพวกมันถูกคลายผนึก ตนเองก็จะต้องแบกรับคำสาปจากวิถีสวรรค์!
เขาจะไม่ยอมให้สุนัขเฒ่าชิวสิงได้ในสิ่งที่ต้องการ!
เขาจงใจทิ้งไว้หนึ่งชิ้นแล้วหาทางปกปิดกลิ่นอายของอาวุธมารก่อนจะผนึกเอาไว้ในส่วนลึก!
ส่วนชิวเสวียนก็ทำแบบเดียวกันด้วยการทิ้งชิ้นหนึ่งเอาไว้!
ด้วยเหตุนี้จึงเหลืออาวุธมารเพียงสองชิ้นที่อยู่ในตระกูลชิว
นอกจากนี้ หลังจากลู่หยวนเก็บเกี่ยวจากชิวเสวียนแล้ว เขาได้รวบรวมอาวุธมารชิ้นอื่นเอาไว้ทั้งหมด
ในบรรดาอาวุธมารของตระกูลชิว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากระบี่มารแปดแดนร้าง !
คาดไม่ถึงว่ากระบี่มารแปดแดนร้างจะอยู่ที่นี่งั้นหรือ?!
“แสดงว่าสามจักรพรรดินั่นทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของกระบี่มารแปดแดนร้างแล้วหรือ?”
ลู่หยวนยกยิ้ม จักรพรรดิเหล่านี้มาที่นี่เพียงเพื่อเป็นหนูล่าสมบัติของเขาเท่านั้น!
เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนให้พวกเขามา!
“มีอย่างอื่นหรือไม่?”
ลู่หยวนยังคงถามต่อไป
กู้ชิงหรันส่ายหน้า “ข้าแอบฟังถึงตรงนี้ก็มาหาเจ้าเลย”
แม้นางจะทราบบางอย่าง แต่ก็ไม่มากนัก
ลู่หยวนยกยิ้ม เขาไม่โทษกู้ชิงหรันแต่อย่างใด ต่อให้ได้ยินเพียงเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว
พวกเขามาที่นี่เพราะต้องทำบางอย่าง ส่วนจะทำอะไรนั้นก็คงได้รู้เมื่ออีกฝ่ายมาถึง!
ลู่หยวนสะกดความคิดเอาไว้ภายใน “เจ้าควรสะกดชะตาเอาไว้เสียบ้าง แล้วก็ควรยกเฝยเฝยให้ข้าเป็นคนเลี้ยงดู”
สิ้นคำ เขาก็ยื่นมือออกไป แม้กู้ชิงหรันจะเม้มริมฝีปาก แต่ก็ส่งเฝยเฝยให้
เฝยเฝยตัวนี้อยู่ในสภาพตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่เมื่อมาอยู่ในมือของลู่หยวน มันก็มีชีวิตชีวาขึ้นทันที พลันมองอีกฝ่ายราวกับเห็นพระผู้ช่วย!
มันยังคงถูแขนของลู่หยวนอย่างแรงราวกับว่ากลัวว่ากู้ชิงหรันจะเปลี่ยนใจดึงกลับไป!
กู้ชิงหรันขมวดคิ้วขณะใบหน้าเย็นชาประหนึ่งน้ำแข็ง มุมปากกดต่ำ ดวงตาหรี่เล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เขาเป็นสามีของข้า”
‘ตู้ม!’
พื้นดินพังทลายอีกครั้งในทันที!
มันบดขยี้เป็นระยะทางหลายลี้!
เฝยเฝยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันหนักอึ้งของกู้ชิงหรันก่อนจะตัวสั่นงันงกทันที
“อดกลั้นหน่อย”
ลู่หยวนมองรอบข้าง โชคยังดีที่พระราชวังที่อยู่ไกลออกไปยังไม่พังทลายก่อนจะเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”
สิ้นคำ ลู่หยวนก็ก้าวเดินไปยังพระราชวังโดยมีกู้ชิงหรันเดินตาม
ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าผู้ที่นอนหมอบอยู่บนพื้นจะผ่อนคลายลงได้
เทียนเม่ยเอ๋อร์ ไป๋ชิวเอ๋อร์ และคนอื่น ต่างทราบข่าวลู่หยวนหลังจากได้สติขึ้นมาก่อนจะมุ่งหน้าสู่พระราชวัง!
ดินแดนผู้พิทักษ์
สามเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดได้ประกาศตนเป็นจักรพรรดินานแล้ว!
พวกเขาคือเผ่าพยัคฆ์เมฆา เผ่านาคาทะยาน และเผ่าจูอั้น!
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือเผ่าพยัคฆ์เมฆา!
นาคาทะยานกับจูอั้นถือได้ว่าเป็นเผ่าโบราณที่ทรงพลัง!
สองเผ่านี้เคยแข่งขันกันเพื่อชิงฉายาสัตว์เทวะ!
แต่เพราะไม่มีใครดีไปกว่ากัน ทำให้จบลงที่ความล้มเหลว
บัดนี้หลายปีผันผ่าน สายเลือดของพวกเขาก็ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ใช่นาคาทะยานกับจูอั้นอีกต่อไป
แต่สุดท้ายแล้ว สายเลือดยังสามารถสืบทอดได้สิบเจ็ดถึงสิบแปดคน จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเผ่าและยังคงเป็นนาคาทะยานกับจูอั้น!
จักรพรรดิทั้งสามเผ่ามารวมตัวกันอยู่ในที่เดียว แต่เมื่อหนึ่งหรือสองวันก่อนพวกเขาก็มารวมตัวกันด้วยเรื่องเกี่ยวกับดินแดน
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าลู่หยวนพาเทียนเม่ยเอ๋อร์กลับมา แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ทำให้นางได้รับการชื่นชมจากทั่วทั้งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก่อนจะได้รับตำแหน่งจักรพรรดิในเวลาเพียงไม่กี่วัน!
แต่ในสายตาของพวกเขา เทียนเม่ยเอ๋อร์เป็นเพียงตุ๊กตา นางจะมาเทียบเคียงได้อย่างไร!
แต่เผ่ามังกรเกล็ดถึงกับยอมจำนนต่อลู่หยวนงั้นหรือ?!
พวกเขาทราบดีว่าความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรเกล็ดมากน้อยแค่ไหน!
แต่พวกเขาถึงกับยอมจำนนต่อลู่หยวนด้วยตัวเองหรือ?!
สามจักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะยกย่องลู่หยวน!
พวกเขารวมตัวในครั้งนี้ก็เพื่อหารือถึงวิธีการยึดครองดินแดน!
กลางห้องโถงโอ่อ่า
จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆาซึ่งเป็นผู้นำนั่งอยู่บนบัลลังก์ ดวงตาพยัคฆ์ของเขาเหลือบมองลงมา “พวกเจ้าทั้งสองคิดเห็นเช่นไร?”
ทั้งจักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานล้วนขมวดคิ้วและไม่สามารถตอบอะไรได้ในทันที