ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 462 สามเผ่า
บทที่ 462 สามเผ่า
บทที่ 462 สามเผ่า
เมื่อเห็นว่าทั้งจักรพรรดินาคาทะยานกับจักรพรรดิจูอั้นต่างก็เงียบ จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆาผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ถอนหายใจอย่างเย็นชา แล้วพลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกจากร่างจนปกคลุมทั่วห้องโถงใหญ่ในทันที!
“ทั้งสองท่านน่าจะทราบดีว่าผู้ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้น หากลุล่วงไปได้ด้วยดี เผ่าจักรพรรดิทั้งสองของพวกเจ้าอาจจะสามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรโลหิตก็เป็นได้!”
“หากไม่พยายามสุดความสามารถก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหรือไม่!”
ทันทีที่สิ้นคำ ทั้งจักรพรรดินาคาทะยานกับจักรพรรดิจูอั้นต่างเงยหน้าขึ้น ก่อนดวงตาจะทอประกาย
ในดินแดนผู้พิทักษ์ เผ่าจักรพรรดิทั้งสามต่างอ้างว่าตนเป็นจักรพรรดิ แต่พวกเขาก็ข่มขวัญซึ่งกันและกัน ส่งผลให้การเผชิญหน้าของทั้งสามกลายเป็นแนวทางปฏิบัติมาช้านาน
แต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน สายเลือดระหว่างจักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานกลับเลือนลางลง!
เผ่าจักรพรรดิพยัคฆ์เมฆาจึงครอบครองตำแหน่งมากขึ้น เพียงไม่กี่ร้อยปีก็กำราบทั้งสองเผ่าลงได้!
ทั้งจักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานทราบดีว่าหากไม่สามารถหาทางฟื้นฟูสายเลือดได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาอาจไม่สามารถกลายเป็นเผ่าจักรพรรดิแห่งดินแดนผู้พิทักษ์ได้!
ความทะเยอทะยานของเผ่าพยัคฆ์เมฆาล้วนเด่นชัด นับตั้งแต่หู่เซียว… จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆาคนปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็กำราบทั้งสองเผ่าได้มากยิ่งขึ้น!
หากไม่ใช่เพราะทั้งสองเผ่าได้ก่อตั้งพันธมิตรเพื่อสนับสนุนกันและกันมาช้านาน เกรงว่าพวกเขาคงถูกทำลายโดยหู่เซียวไปแล้ว!
แต่ถึงกระนั้น การรับมือกับการกำราบของหู่เซียวก็นับเป็นเรื่องยากยิ่ง!
ความเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันของทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีประโยชน์อันใด!
เมื่อจักรพรรดิจูอั้นและจักรพรรดินาคาทะยานคิดว่าเผ่าของพวกเขาจะถูกเผ่าพยัคฆ์เมฆาบดขยี้ หู่เซียวก็ปรากฏตัวแล้วแจ้งว่ามีโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งอยู่ในดินแดน!
เขายังนำหลักฐานที่เผ่าพยัคฆ์เมฆาค้นพบมาให้ดูอีกด้วย!
โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งคือพลังดั้งเดิมเมื่อแผ่นดินปรากฏเป็นครั้งแรก พลังดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนซึ่งเปรียบเสมือนโลหิตที่ซ่อนอยู่ทุกหนแห่งในใต้หล้า
มีข่าวลือว่า หากได้โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งมาครอบครอง โลหิตในร่างกายก็จะบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น!
ข่าวดังกล่าวล่อตาล่อใจจักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งตกอยู่ในมือของพวกเขาจนสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ เช่นนั้นสายเลือดเผ่าก็จะกลับไปสู่จุดสูงสุด!
ถึงตอนนั้น ในดินแดนผู้พิทักษ์ใครจะสามารถเป็นศัตรูกับเผ่าพวกเขาได้?!
อย่าว่าแต่ดินแดนผู้พิทักษ์เลย แม้กระทั่งหุบเขาบูรพาหรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินก็ต้องเคารพพวกเขา!
จักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานต่างลุกขึ้นแล้วประสานมือคำนับหู่เซียวทันที
“แน่นอนว่าพวกข้าจะติดตามจักรพรรดิพยัคฆ์เมฆา!”
หู่เซียวเหลือบมอง เขาสามารถใช้โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งบีบให้จักรพรรดิทั้งสองถึงแก่ความตายได้!
ทว่า หู่เซียวไม่ใช่คนโง่!
เขาเพียงสัญญาว่าจะมอบโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งให้สองหยดเท่านั้น
ทั้งจักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานต่างก็ร่วมมือกับจักรพรรดิพยัคฆ์เมฆาและพร้อมจะทำตามทุกอย่างทันที!
ทั้งสองผู้อยู่ภายใต้การจัดการของหู่เซียวล้วนเข้าร่วมในเหตุการณ์กำราบดินแดน
พวกเขาเป็นผู้ก่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างมังกรเกล็ดและจิ้งจอกสวรรค์ ทั้งยังช่วยมังกรเกล็ดบดขยี้จิ้งจอกสวรรค์ด้วย!
เป็นเพราะการเข้าร่วมของผู้พิทักษ์ทั้งสามเผ่าที่ทำให้ซู่เฟิงผู้มีเชื้อสายของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก่อกบฏ ประกอบกับมีหลงเฉียนอวิ๋นช่วยส่งเสริม ทำให้สามารถสังหารราชวงศ์ทั้งหมดของจิ้งจอกสวรรค์ในดินแดนได้!
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่ลับ แต่เมื่อซู่เฟิงขึ้นครองบัลลังก์ ดินแดนผู้พิทักษ์ก็จะเคลื่อนไหวเพื่อแทรกแซงเรื่องระหว่างหลงเฉียนอวิ๋นกับซู่เฟิงอย่างเปิดเผย ส่งผลให้ทั้งสองเผ่าถูกจัดการในคราวเดียว!
แต่ในช่วงวิกฤติ ชายหนุ่มนามลู่หยวนถึงกับกลับมาพร้อมเทียนเม่ยเอ๋อร์!
ไม่นานนัก เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ยังได้ขึ้นครองบัลลังก์!
เขายังกำราบเผ่ามังกรเกล็ดได้อีกด้วย!
ในส่วนของหู่เซียว เขาย่อมไม่ยอมให้ทุกสิ่งต้องพังพินาศเช่นนี้!
ถึงอย่างไร นอกจากโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งแล้ว เขายังมีสิ่งสำคัญอย่างอื่นที่ต้องได้มาครอบครอง!
สิ่งนั้นกำลังจะปรากฏ หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เขาสามารถพยายามเอามันมาได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่ตอนนี้มีเวลากระชั้นชิดนัก!
เขาอยากยึดครองดินแดนทั้งหมดโดยเร็วที่สุด!
แม้ตอนนี้หู่เซียวไม่มีอะไรติดตัว แต่ก็มีหลายคนเต็มใจสละชีวิตเพื่อเขา!
“ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสองมีอะไรจะเสนอแนะหรือไม่?”
หู่เซียวถามอีกครั้ง
จักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานครุ่นคิดสักพัก
จักรพรรดินาคาทะยานเป็นฝ่ายก้าวออกมาก่อน ดวงตาสีเขียวของเขาลุ่มลึกขณะเอ่ยว่า “จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆา ชายหนุ่มที่ชื่อลู่หยวนสามารถกำราบเผ่ามังกรเกล็ดได้ หากบอกว่าเป็นการกำราบด้วยกำลัง ข้าย่อมไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน!”
“พวกข้าไปตรวจสอบมาแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้อายุเพียงยี่สิบปีและมาจากเผ่ามนุษย์ ต่อให้จะเป็นเซียนจริง แล้วเขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนยุทธ์ด้วยอายุเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?!”
“ตอนนี้หลงเฉียนอวิ๋นอยู่ขอบเขตครึ่งก้าวเซียนยุทธ์ หากลู่หยวนอยากกำราบเผ่ามังกรเกล็ดทั้งหมด เขาย่อมไม่มีทางทำได้หากไม่เข้าสู่ขอบเขตเซียนยุทธ์!”
หู่เซียวพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนี้ “เช่นนั้น ตามความเห็นของเจ้า ลู่หยวนกำราบเผ่ามังกรเกล็ดทั้งหมดได้อย่างไร?”
จักรพรรดินาคาทะยานเอ่ยออกมาด้วยสายตามั่นใจ “ต้องเป็นเพราะเด็กคนนี้มีโชคชะตาแปลกประหลาด จึงกำราบเผ่ามังกรเกล็ดทั้งหมดผ่านสายเลือดได้!”
“จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆา แม้ข้อมูลที่เราส่งไปยังแดนมัชฌิมกับแดนเหนือจะยังไม่กลับมา แต่ข้าก็มั่นใจว่าหากชายหนุ่มผู้นี้ไม่อยู่ขอบเขตเซียนยุทธ์ เขาจะต้องมีโชคชะตาเผ่ามังกรหรืออาจถึงขั้นมังกรเจินหลงอย่างแน่นอน!”
หู่เซียวเงียบไปชั่วขณะพลางครุ่นคิดอยู่ภายใน เขารู้สึกว่าสิ่งที่จักรพรรดินาคาทะยานพูดมามีเหตุผล
จักรพรรดินาคาทะยานเหลือบมองหู่เซียวแล้วเอ่ยว่า “หากต้องการความแน่ใจก็รออีกสักสองสามวันได้ ถ้าลู่หยวนมีโชคชะตะมังกรเจินหลง ไม่ว่าสิ่งนี้จะถูกเปิดเผยอย่างไรก็ต้องมีข่าวคราวเป็นแน่”
หู่เซียวค่อย ๆ เงยหน้าก่อนจะก้มมอง
เนื่องจากเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว จึงได้เรียกให้จักรพรรดิทั้งสองมาที่นี่เพื่อหารือกัน หากสามารถรอจนกว่าจะยืนยันได้จริง พวกเขายังจำเป็นต้องสนทนากันที่นี่อีกหรือ?!
จักรพรรดินาคาทะยานทราบดีว่าหู่เซียวไม่อาจรอได้อีกแล้ว เขาจึงเตรียมจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่ทันใดนั้นก็นิ่งไป
หู่เซียวเข้าใจความหมายที่จักรพรรดินาคาทะยานจะสื่อเช่นกัน
ตอนนี้เผ่าจักรพรรดิจูอั้นกับจักรพรรดินาคาทะยานล้วนร่วมมือกับพยัคฆ์เมฆา ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะได้รับทรัพยากรที่มากขึ้น
คราวนี้หู่เซียวบังคับให้น้ำเสียงตนเองเป็นปกติ “แน่นอนว่าผลประโยชน์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เชิญว่าต่อได้เลย”
จากนั้นจักรพรรดินาคาทะยานก็เงยหน้าก่อนจะเอ่ยต่อ “ตามความเข้าใจของข้า หลงเฉียนอวิ๋นอาจแกล้งยอมจำนน พวกเราควรส่งใครบางคนไปติดต่อกับเขาก่อน ข้อแรก เพราะเขาสามารถล่วงรู้ความแข็งแกร่งของลู่หยวนได้ ข้อสอง หากการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น เขาสามารถลอบสังหารลู่หยวนทั้งที่แจ้งและที่ลับได้!”
คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่หู่เซียวต้องการ
สีหน้าของนาคาทะยานเปี่ยมด้วยความมั่นใจ “หากพิสูจน์ได้ว่าลู่หยวนทรงพลังหรือมีอุบายมากมาย พวกเราก็ต้องต่อสู้เพื่อตัดสินให้รู้ผลโดยไว! ข้าขอแนะนำให้ใช้ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าเพื่อสังหารอีกฝ่าย!”
ทันทีที่สิ้นคำ ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ
แม้กระทั่งหู่เซียวก็ไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาหลุบต่ำราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
จักรพรรดิจูอั้นผู้กำลังฟังทั้งสองสนทนากลับตกตะลึง