ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 463 ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่า
บทที่ 463 ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่า
บทที่ 463 ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่า
ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าเป็นค่ายกลต้องห้ามและชั่วร้าย!
หากต้องการอัญเชิญค่ายกลนี้จะต้องสังเวยสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน! ราคาที่ต้องจ่ายนับว่าไม่น้อย!
ทันทีที่ค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นสถานที่อันตรายยิ่ง!
หากไม่ได้ดื่มโลหิตมากพอ ค่ายกลนั้นก็จะไม่หายไป!
ในบันทึกจากทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่านี้ถูกใช้เพียงหนึ่งครั้ง กล่าวกันว่าใช้เพื่อสังหารผู้ทรยศเผ่ามังกรเจินหลง แต่อีกฝ่ายกลับทรงพลังยิ่งนัก!
แม้แต่จักรพรรดิแห่งเผ่ามังกรเจินหลงในตอนนั้นก็ไม่สามารถกำราบได้!
ทันทีที่ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าถูกสังเวย ผู้ทรยศก็ถูกกวาดล้างในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปและไม่เหลือแม้แต่เลือดเนื้อ!
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้รูปแบบค่ายกลดังกล่าวถูกจัดอยู่ในค่ายกลต้องห้ามและชั่วร้าย หากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ห้ามใช้เป็นอันขาด!
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดหู่เซียวก็เอ่ยว่า “หากต้องการให้ค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตที่ต้องสังเวย…”
หู่เซียวคือจักรพรรดิเผ่าพยัคฆ์เมฆา จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่อยากให้ค่ายกลโลหิตดังกล่าวต้องมาสังเวยเผ่าของตน!
เกรงว่าจักรพรรดิอีกสองคนก็ไม่เต็มใจที่จะเสียสละเช่นกัน!
หากไปจับเผ่าอื่นในตอนนี้ เกรงว่ามันจะสายเกินไป!
ค่ายกลโลหิตนี้ต้องการอย่างน้อยหนึ่งหมื่นชีวิต!
ทว่าจักรพรรดินาคาทะยานกลับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆ ใช้เผ่ามังกรเกล็ดเป็นเครื่องสังเวยดีหรือไม่!”
“ส่งคนไปตรวจสอบก่อน หากพบว่าหลงเฉียนอวิ๋นไม่ได้จริงใจที่จะยอมจำนนก็ให้เขาหลอกลู่หยวนเข้ามาในดินแดนของมังกรเกล็ด ถึงตอนนั้น ค่ายกลก็จะถูกปลูกถ่ายลงไปเพื่อสังเวยพวกมัน รวมทั้งสังหารลู่หยวนในคราวเดียว!”
“แต่ถ้าหลงเฉียนอวิ๋นยอมจำนนจากใจจริงก็… เหอะ…”
ดวงตาแนวตั้งสีเขียวของนาคาทะยานยิ่งเต็มไปด้วยความเลือดเย็น ซึ่งลิ้นของมันแลบออกมาราวกับแส้ขนาดเล็ก บรรยากาศรอบข้างก็แลดูอึดอัดทันตา
“ถ้ายอมจำนนต่อเผ่ามนุษย์จริงก็สมควรตาย จะมาโทษพวกเราว่าโหดเหี้ยมไม่ได้!”
จักรพรรดิจูอั้นซึ่งอยู่ข้างกายสั่นสะท้านขณะสีหน้าจับจ้องจักรพรรดินาคาทะยานด้วยความไม่มั่นใจ ดูท่าว่าอีกฝ่ายที่ลงเรือลำเดียวกับเขาก่อนหน้านี้จะมีนิสัยเปลี่ยนไปเสียแล้ว!
เมื่อก่อนอีกฝ่ายไม่เลือดเย็นเฉกเช่นทุกวันนี้!
เพียงเอ่ยวาจา ย่อมหมายถึงความเป็นความตายของเผ่าอันยิ่งใหญ่!
จักรพรรดิจูอั้นกลืนน้ำลายแล้วหลบสายตาจากจักรพรรดินาคาทะยาน!
“ทำตามที่เจ้าว่าได้เลย!”
หู่เซียวตัดสินใจครั้งสุดท้าย จนได้ข้อสรุปของเรื่องดังกล่าว!
“ข้าจะส่งคนออกไปทันที ให้ฉีเจ๋อจากเผ่ามนุษย์จัดการเรื่องนี้! เขาเคยติดต่อกับหลงเฉียนอวิ๋นมาก่อน จึงน่าจะสะดวกกว่า”
จักรพรรดินาคาทะยานไม่เอ่ยคำใดอีก
หลังจากพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว หู่เซียวก็ปล่อยทั้งสองไป
แล้วจักรพรรดินาคาทะยานกับจักรพรรดิจูอั้นลุกขึ้นเพื่อกล่าวลา
หลังออกจากดินแดนของเผ่าจักรพรรดิพยัคฆ์เมฆา จักรพรรดิจูอั้นก็รักษาระยะห่างจากจักรพรรดินาคาทะยานครึ่งก้าวขณะมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ามีเลศนัย
ทันใดนั้น จักรพรรดินาคาทะยานก็หันกลับมา ดวงตาแนวตั้งของเขาเบิกกว้าง ทำให้เห็นสีหน้าของจักรพรรดิจูอั้นชัดเจน
จักรพรรดินาคาทะยานถอนหายใจก่อนจะแย้มยิ้มออกมา “พี่จูอั้นเป็นอะไรหรือ?”
นับตั้งแต่ไปห้องโถงใหญ่ในวันนี้ จักรพรรดิจูอั้นกลับรู้สึกว่าจักรพรรดินาคาทะยานผู้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขจนเรียกว่าพี่ใหญ่ บัดนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
เลือดเย็นไร้หัวใจ! ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตราวกับต้นไม้ใบหญ้า!
เมื่อมองหน้าจักรพรรดินาคาทะยานในตอนนี้ จักรพรรดิจูอั้นก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
เขามักจะรู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าในวันนี้คือจักรพรรดินาคาทะยานตัวจริง!
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเผ่าของพวกเรา หากไม่ฟื้นฟูโดยไว เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วคงได้ถูกพยัคฆ์เมฆากลืนกินเป็นแน่!”
“บัดนี้เจ้าได้เป็นสักขีพยานกับตาแล้วว่าค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าอยู่ในดินแดนนี้ แต่เจ้ากับข้าไม่สามารถยึดครองได้อย่างแน่นอน พวกเราทำได้เพียงพึ่งหู่เซียวเท่านั้น หากไม่พยายามสุดความสามารถในตอนนี้ แล้วเขาจะทำตามสัญญาในภายภาคหน้าได้อย่างไร?”
จักรพรรดินาคาทะยานเอ่ยขึ้นเพื่อโน้มน้าวจักรพรรดิจูอั้น
อีกฝ่ายหลุบตาด้วยความสงสัยว่าจะเชื่อดีหรือไม่
ผ่านไปพักใหญ่ จักรพรรดิจูอั้นก็ขอตัวกลับ
จักรพรรดินาคาทะยานมองแผ่นหลังของจักรพรรดิจูอั้น แล้วลิ้นงูก็แลบออกมาอีกครั้งขณะหรี่ตา เขาได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้ในใจเรียบร้อย
ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่านี้ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากสายเลือดทรงพลังจำนวนมาก
เพื่อให้ค่ายกลโลหิตนี้สมบูรณ์ เขา จูอั้น และพยัคฆ์เมฆา จำเป็นต้องเสียสละแก่นโลหิตของตน!
เผ่าพยัคฆ์เมฆา…
จักรพรรดินาคาทะยานไม่กล้านำความคิดนี้มาใช้กับหู่เซียว แต่ถ้าเป็นเผ่าจูอั้น…
หากสามารถเก็บแก่นโลหิตของจูอั้นและใช้อุบายบางอย่างเพื่อหลอมรวมกับสายเลือดของตนเองจนอยู่ร่วมกับแก่นโลหิตของนาคาทะยานได้!
หากเป็นยามปกติ แก่นโลหิตนี้ก็คงไม่มีประโยชน์หากปล่อยทิ้งไว้ในร่างกาย
แก่นโลหิตเพียงหยดเดียวไม่สามารถระดมพลังของจูอั้นได้มากนัก!
แต่ถ้าใช้ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าเพื่อชำระล้าง เช่นนั้นสายเลือดของจูอั้นและพยัคฆ์เมฆาก็จะได้รับการเลื่อนขั้นไปสู่สภาพอันบริสุทธิ์ที่สุด!
เมื่อสายเลือดบริสุทธิ์ทั้งสองหลอมรวมกัน จึงเป็นไปได้ที่เขา จักรพรรดินาคาทะยาน จะกลายพันธุ์!
แม้วิธีนี้จะเสี่ยงและการกลายพันธุ์ก็อาจไม่สามารถควบคุมได้!
แต่ถ้าพวกเขาวิวัฒนาการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดทรงพลังมากขึ้น เช่นนั้นเผ่าของเขาก็จะไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังอยู่ใต้กลิ่นอายของพยัคฆ์เมฆาอีกต่อไป!
ไม่จำเป็นต้องทำตัวว่านอนสอนง่าย เขาสามารถยืมอำนาจของจูอั้นเพื่อรักษาบัลลังก์เอาไว้ได้!
จักรพรรดินาคาทะยานดึงลิ้นที่เพิ่งแลบออกมากลับไป แล้วดวงตาแนวตั้งสีเขียวก็มีจิตสังหารก่อตัวขึ้นรอบข้าง!
ทันใดนั้น ดวงตาของจักรพรรดินาคาทะยานก็เปลี่ยนไป แล้วกลิ่นอายรอบข้างก็เบาบางในทันที!
ร่างหนึ่งที่ปกคลุมด้วยชุดคลุมสีดำก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของจักรพรรดินาคาทะยาน
จักรพรรดินาคาทะยานย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายรุนแรงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามนุษย์ได้ในทันที บัดนี้เขาทราบแล้วว่าอีกฝ่ายคือใคร!
เขาหันไปหามนุษย์ตรงหน้า อีกฝ่ายอยู่ในชุดคลุมสีดำ ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า
‘ฟ่อ…’
จักรพรรดินาคาทะยานเอ่ยว่า “ฉีเจ๋อ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่? จักรพรรดิพยัคฆ์เมฆาไม่ได้บอกให้เจ้าไปตรวจสอบสถานการณ์ของเผ่ามังกรเกล็ดหรือ?”
“จักรพรรดินาคาทะยาน!”
ฉีเจ๋อประสานมือทำความเคารพขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ทราบได้ว่าเป็นชายหรือหญิง “ท่านจักรพรรดิขอให้ท่านเตรียมค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่า!”
“โห?”
จักรพรรดินาคาทะยานประหลาดใจเช่นกัน
หู่เซียวเชื่อใจเขาจนถึงขั้นมอบค่ายกลแสนสำคัญให้ตนงั้นหรือ?!
เขาทำตัวระแวดระวังและตัดสินใจไม่ตอบกลับ
ฉีเจ๋อคล้ายกับมองความคิดของจักรพรรดินาคาทะยานออกก่อนจะเอ่ยตามตรง “ท่าจักรพรรดินาคาทะยาน ทั้งสามฝ่ายในดินแดนผู้พิทักษ์ยืนหยัดกันมาหลายแสนปี ทั่วหล้าต้องแตกแยกหากรวมเป็นหนึ่งมาช้านาน กลับกันทั่วหล้าต้องรวมเป็นหนึ่งหากแตกแยกนานเกินไป สิ่งเหล่านี้เป็นแนวโน้มที่ถูกกำหนดไว้ มีเพียงไปสามกลับสองเท่านั้นถึงจะรวมเป็นหนึ่งได้”
ทันทีที่สิ้นคำ ดวงตาแนวตั้งของจักรพรรดินาคาทะยานก็หดลง แล้วดวงตาสีเขียวก็เย็นชาถึงขีดสุด!
“ท่านจักรพรรดินาคาทะยาน ข้าได้บอกคำพูดของท่านจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
สิ้นคำ ฉีเจ๋อก็วูบไหวก่อนจะทะยานออกไปไกล!
จักรพรรดินาคาทะยานแน่นิ่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าหมองหม่นและคลุมเครือ
เขามั่นใจยิ่งว่าสิ่งที่ฉีเจ๋อบอกเมื่อครู่เป็นคำพูดของหู่เซียว!
หู่เซียวสนับสนุนให้เขากลืนกินจูอั้น!
ซึ่งเขาและหู่เซียว ต่างกำลังใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้!
จักรพรรดินาคาทะยานมองไปทางเผ่าพยัคฆ์เมฆาขณะจิตสังหารก่อตัวขึ้นในดวงตา
หู่เซียวเป็นคนเช่นนี้ เขาไม่เคยปกปิดสิ่งที่ต้องการและมักเปิดเผยสิ่งที่คิดออกมาเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าขัดขืน!
จักรพรรดินาคาทะยานแน่นิ่งสักพักก่อนจะจากไป