ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 467 แผนของหู่เซียว
บทที่ 467 แผนของหู่เซียว
บทที่ 467 แผนของหู่เซียว
“อย่า!”
ฉีเจาแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะโลหิตยังคงไหลออกจากปาก
“ข้าจะวาดให้เจ้าเอง! ข้าจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ แต่อย่าแตะต้องนาง!”
หู่เซียวหัวเราะอย่างเย็นชาขณะสายตาฉายแววดูถูก “เหอะเหอะ เผ่ามนุษย์มักพูดติดปากไม่ใช่หรือว่าคนเก่งสุดท้ายมักตายเพราะเรื่องผู้หญิง? แต่ข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนเก่งหรอก แต่เหมือนหมีดำมากกว่า!”
สิ้นคำ หู่เซียวก็หยิบยันต์ออกมาแล้วโยนไปที่เท้าของอีกฝ่าย “วาดมา หากเจ้ากล้าเล่นตุกติก ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความตายของผู้หญิงคนนั้น!”
ฉีเจาไม่กล้ารอช้า เขาคลานไปข้างหน้า แล้วใช้โลหิตตัวเองสลักแผนที่บนยันต์!
ขณะสลักแผนที่ พลังอันแก่กล้าก็เข้ามารวมตัว
แม้กระทั่งหู่เซียวก็สามารถสัมผัสพลังที่อยู่ภายในนั้นได้!
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ฉีเจาก็รู้สึกไม่สบายใจ หากไม่ใช่เพราะหู่เซียวป้อนยาให้เขาหลายครั้งระหว่างการวาด เกรงว่าด้วยการบ่มเพาะและจิตเทวะของตนเองในตอนนี้ ย่อมไม่สามารถวาดแผนที่สังเวยโลหิตเก้าสวรรค์ได้!
ผ่านไปหลายอึดใจ ฉีเจาก็วาดขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้น ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็มืดลงแล้วหมดสติไป
หู่เซียวยกเท้าเตะฉีเจาแล้วหยิบยันต์ซึ่งอัดแน่นไปด้วยอักขระจำนวนมากขึ้นมา
หู่เซียวไม่เข้าใจอักขระดังกล่าวเท่าไรนัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นจักรพรรดิพยัคฆ์เมฆา ความรู้จึงย่อมไม่ธรรมดา เพียงมองกลิ่นอายที่อยู่ภายในก็สามารถสรุปได้ว่าสิ่งนี้คือแผนที่สังเวยโลหิตเก้าสวรรค์ตามที่ตนเองต้องการ!
แผนภาพนี้เป็นของเผ่ามาร!
หากเขาไม่ใช้อุบายเพื่อสำรวจอดีตของฉีเจา ตนเองก็ไม่มีทางทราบได้ว่าเด็กคนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งที่ทรงพลัง!
สำหรับฉีเจาแล้ว แผนที่นี้เป็นเพียงเศษกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น
ถึงอย่างไร แผนที่สังเวยโลหิตเก้าสวรรค์นี้ก็ต้องใช้เลือดจากเส้นชีพจรโลหิตเดียวกันเพื่อรวบรวมภายในร่างกาย ก่อนที่จะทะลวงขีดจำกัดเดิมของตนเอง!
แผนที่ดังกล่าวเป็นของเผ่ามาร เดิมใช้เพื่อสังเวยมารระดับล่างจำนวนมาก ดังนั้นจึงทำให้มีเพียงหนึ่งถึงสองตนในเผ่ามารเท่านั้นที่จะก้าวกระโดดจนกลายเป็นเผ่ามารระดับสูงได้!
นับตั้งแต่การล่มสลายของเผ่ามาร แผนที่นี้ก็ถูกทำลายไปพร้อมกันด้วย
เมื่อหู่เซียวทราบว่าฉีเจาครอบครองแผนที่นี้ เขาก็ผุดความคิดอันชั่วร้ายขึ้นมา!
วิธีใช้ของเผ่ามารคือการสังเวยพวกเดียวกันเพื่อทำให้สำเร็จเพียงผู้เดียว
ในความเป็นจริง แม้จะบอกว่าเป็นเผ่าเดียวกัน แต่ก็เป็นเพียงร่องรอยของกลิ่นอายมารเท่านั้น!
ด้วยเหตุนี้จึงมีการเชื่อมโยงมากมายอยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์นับพันในหุบเขาบูรพาแห่งนี้!
หากการเชื่อมโยงเป็นไปตามนี้ แผนที่สังเวยโลหิตเก้าสวรรค์ก็จะถูกใช้เพื่อสังเวยสายเลือดจำนวนมาก เช่นนั้นหู่เซียวจะได้รับการเลื่อนขั้นสูงเพียงใด?!
ขณะที่หู่เซียวมองยันต์ที่ถูกวาดด้วยโลหิต ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความละโมบ
เขาพบว่าในแผนที่นี้ปรากฏสถานที่สังเวยอยู่สี่แห่ง!
ซึ่งจุดศูนย์กลางของทั้งแผนที่ คือตำแหน่งของดวงตาแผนที่ อันเป็นจุดที่ผู้ใช้สิ่งนี้ยืนอยู่และได้รับประโยชน์สูงสุด!
โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งเป็นของจริงที่ยังคงอยู่ในดินแดนดังกล่าวและจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า!
หู่เซียวย่อมเติมเต็มสัญญาที่จะแบ่งปันโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งให้กับเผ่าจูอั้น เผ่านาคาทะยาน และเผ่ามังกรเกล็ด!
ไม่เพียงเท่านั้น หู่เซียวอยากส่งส่วนหนึ่งของโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งไปให้จิ้งจอกสวรรค์ด้วย!
หลังจากกลืนกินโลหิตกำเนิดสรรพสิ่ง ทุกเผ่าพันธุ์จะได้รับการเลื่อนขั้น!
ถึงตอนนั้น ในบรรดาเผ่าจักรพรรดิทั้งห้า สายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
สิ่งนี้คือเหยื่อสุดท้ายของหู่เซียว!
หากสังเวยสิ่งเหล่านี้ด้วยแผนที่สังเวยโลหิตเก้าสวรรค์ แล้วปล่อยให้พวกมันทำหน้าที่เป็นขั้นบันไดเพื่อให้หู่เซียวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดทีละขั้น เมื่อนั้นจึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง!
สายเลือดบริสุทธิ์ของพยัคฆ์เมฆากำลังเข้าใกล้ตัวตนของบรรพชน พยัคฆ์ขาวหางมังกร!
หากได้รับการช่วยเหลือจากสายเลือดบริสุทธิ์ทั้งสี่ เขาจะไปถึงที่แห่งใด?!
“เหอะเหอะ…”
นาคาทะยาน มังกรเกล็ด หรือเผ่าอื่น คิดว่าตนเองวางแผนดีพอแล้วหรือ?
แม้ความปรารถนาสุดท้ายของพวกเจ้าจะมีเพียงโลหิตกำเนิดสรรพสิ่ง แต่แผนของข้ายิ่งใหญ่กว่านั้น!
หู่เซียวกุมยันต์ในมือไว้มั่น แล้วค่อย ๆ เก็บอย่างระมัดระวังก่อนจะจากไป!
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งในดินแดนก็ปราศจากการรบกวน
ภายใต้การชี้นำของฉินอี่หาน เทียนเม่ยเอ๋อร์จึงเริ่มทราบวิธีจัดการเรื่องราวในเผ่า
หลงเฉียนอวิ๋นยังคงกังวลว่าพวกซู่เฟิงหายไปไหน
ส่วนไป๋ชิวเอ๋อร์อยู่กับลู่หยวนและกู้ชิงหรัน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋ชิวเอ๋อร์อยู่กับพวกเขา ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ฟ้าดินจับคู่ให้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้กู้ชิงหรันจะหมั้นหมายกับลู่หยวน แต่พวกเขาเพิ่งพบกันเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้น
เพียงไม่กี่วัน ไป๋ชิวเอ๋อร์ก็เริ่มเข้าใจลู่หยวนกับกู้ชิงหรันมากขึ้น!
ทั้งสองมักสนทนากันบ่อยครั้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันก่อนที่จะทันได้อธิบายอะไรเสียด้วยซ้ำ
แต่ไป๋ชิวเอ๋อร์ยังคงยืนอยู่ด้านข้างอย่างเหม่อลอย และตอบสนองสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างเชื่องช้า
การปรากฏตัวเช่นนี้นับว่าน่าตกตะลึงเช่นกัน
ทั้งสองมีรูปลักษณ์ไม่ธรรมดา คนหนึ่งคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่จุติมาสู่โลก มักมีสีหน้าเกียจคร้านกับสีหน้ายิ้มแย้ม
ส่วนอีกคนเป็นเซียนผู้ถูกเนรเทศ สวมมงกุฎทองคำ สีหน้าเย็นชาไร้ความปรานี
สิ่งที่คล้ายกันระหว่างทั้งสองก็คือยามสีหน้าแปรเปลี่ยน พวกเขาจะเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งไร้ที่สิ้นสุด
ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะพังพินาศด้วยมือของทั้งสอง!
วันนี้
ไป๋ชิวเอ๋อร์ยังคงรออยู่นอกประตูห้องโถงของลู่หยวนในช่วงเช้าตรู่เพื่อทำหน้าที่รับใช้ตามปกติ!
ไม่นานลู่หยวนก็ออกมา ไป๋ชิวเอ๋อร์ขมวดคิ้วขณะพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็ติดตามอีกฝ่ายโดยไม่เอ่ยสิ่งใดมากนัก
ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าลู่หยวน
ลู่หยวนหยุดเดินทันที คนที่ขวางเขาเอาไว้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!
“ทั้งสามเผ่าประจำดินแดนผู้พิทักษ์อยู่ที่นี่แล้ว”
กู้ชิงหรันเอ่ยเพียงเท่านี้
ลู่หยวนยกยิ้ม “ในที่สุดพวกเขาก็มา! ขืนยังไม่มาอีก ข้าคงคิดว่าพวกเขากลายเป็นพวกเต่าหัวหดไปแล้ว!”
“แต่ไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่ลงมือในดินแดนจิ้งจอกสวรรค์หรอก!”
สิ้นคำ ลู่หยวนก็เดินออกนอกห้องโถงใหญ่
กู้ชิงหรันเพียงเดินตามลู่หยวนด้วยความเกียจคร้าน
ไป๋ชิวเอ๋อร์ก็เดินตามทั้งสองพลางลอบถอนหายใจ ท้ายที่สุดนางก็เดินไปที่อื่น
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยสู้”
ลู่หยวนและกู้ชิงหรันเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
พวกเขาใช้เวลาสองสามวันที่ผ่านมาร่วมกัน ทำให้เข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายไม่มากก็น้อย
พวกเขาไม่ใช่คนป่าเถื่อน จึงไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ
กู้ชิงหรันย่อมพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าตกลง “ไม่ต้องห่วง หากพึ่งพาพลังต่อสู้เพียงอย่างเดียว พวกเราไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
“พวกเขาต้องเตรียมพร้อมมาดีเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องมีค่ายกลสังหารอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ข้าก็แค่สงสัยว่าหากพวกเขาก้าวก่ายเหตุการณ์ในดินแดนเพียงเพื่อกระบี่มารแปดแดนร้างกับโลหิตกำเนิดสรรพสิ่ง เช่นนั้นก็ดูจะยุ่งยากเกินไป”
“หากข้าเป็นหู่เซียว เขาจะต้องมีแผนอื่นอีกเป็นแน่ การทำแบบนี้ไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยหรือ?”
“ข้าจึงยิ่งมั่นใจว่าหู่เซียวจะต้องมีแผนอื่นอีกเป็นแน่!”
กู้ชิงหรันพยักหน้า “ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น”