ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 469 อสนีสวรรค์อันแม่นยำ
บทที่ 469 อสนีสวรรค์อันแม่นยำ
บทที่ 469 อสนีสวรรค์อันแม่นยำ
สิ้นความคิดของลู่หยวน เขาก็เห็นอักขระสีแดงเคลื่อนลงมาจากท้องนภาประหนึ่งหอกด้วยความเร็วที่น่าประหลาด!
‘พรวด!’
เส้นอักขระพลันพุ่งเข้าไปในคอของสมาชิกเผ่าจูอั้น ทำเอาทุกคนตกตะลึง พวกเขาพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ส่งเสียงขณะสีหน้าราบเรียบราวกับไม่รับรู้อะไร
ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
ทันใดนั้น อักขระสีแดงก็คล้ายกับมีชีวิต พวกมันบิดตัวเล็กน้อยก่อนส่วนที่พุ่งเข้าไปในสมาชิกเผ่าจูอั้นจะขยายใหญ่ขึ้นจนหนาราวกับถัง!
ส่วนที่ขยายออกมาพลันขยับ แล้วเคลื่อนย้อนกลับสู่ค่ายกลในท้องนภา!
ดวงตาของสมาชิกเผ่าจูอั้นพลันไร้แวว โลหิตสูญสิ้น ทั่วร่างเริ่มหดตัว ร่างกายที่เดิมสูงสามหมี่ก็ลดเหลือเพียงครึ่งหมี่จนผอมติดกระดูก!
ตอนนี้จักรพรรดิจูอั้นตอบสนองด้วยความเดือดดาลเช่นกัน “ไอ้บัดซบ! หู่เซียว! เจ้าบอกว่าจะไม่ทำร้ายสมาชิกเผ่า ข้าก็เลยพาพวกเขามาที่นี่!”
หู่เซียวเมินเฉย
มีเพียงเสียง ‘พรวด! พรวด! พรวด!’ ดังขึ้นขณะเส้นอักขระนับไม่ถ้วนพลันเคลื่อนลงมาจากค่ายกล ก่อนจะมุ่งสู่ร่างของเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย!
หลังจากผ่านไปเพียงสามอึดใจ นอกจากหลงเฉียนอวิ๋น หู่เซียว จักรพรรดิจูอั้น ลู่หยวน และกู้ชิงหรัน ก็ไม่มีใครรอดชีวิตในบริเวณนี้!
ทั่วอาณาบริเวณมีศพที่ปราศจากเลือดเนื้อ ใบหน้าขาวซีดราวกระดาษ โลหิตในร่างถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น!
แต่ค่ายกลในท้องนภายังดูดกลืนไม่มากพอ แล้วเส้นอักขระนับไม่ถ้วนก็จมลงสู่ทะเลสาบยักษ์สีดำเพื่อพรากชีวิตของมังกรเกล็ดเป็นจำนวนมาก!
หลงเฉียนอวิ๋นเดือดดาล แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย!
เพียงห้าอึดใจ อักขระในท้องนภาก็เริ่มถูกเติมเต็มราวกับได้รับพลังมากพอ ทำให้แรงกดดันต่อทุกคนยิ่งหนักขึ้น!
“เหอะเหอะ มาแล้ว”
หู่เซียวยิ้มหยันขณะเอ่ยขึ้น!
หลังจากสิ้นคำ อักขระของค่ายกลจากสวรรค์ชั้นเก้าก็เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แล้วมือโลหิตขนาดใหญ่ก็ปรากฏจากค่ายกล!
ทั่วทั้งค่ายกลจับจ้องไปที่ลู่หยวนทันที แล้วแรงกดดันอันร้ายกาจก็กดทับลงบนบ่าประหนึ่งฟ้าถล่ม!
‘ตู้ม!’
ห้วงอากาศพังทลายในบัดดล แล้วหลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏ!
แรงกดดันของค่ายกลสวรรค์มากเกินไป ทำให้ปราณวิญญาณรอบข้างไม่สามารถไหลเข้าสู่หลุมดำเพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้ได้!
การพังทลายอย่างต่อเนื่องของห้วงอากาศทำให้หลุมดำไม่แผ่ขยาย แล้วแรงกดดันก็ลดลงจนหลุมดำถูกบีบอัด!
ลู่หยวนผู้อยู่ใจกลางแรงกดดันก็ย่อกายลง โดยง้าวมังกรครามแปดแดนร้างแผดเสียงคำรามก่อนจะขยับ แล้ววิญญาณหอกก็ออกมาพร้อมแผ่พลังมหาศาลเพื่อขัดขืนแรงกดดันที่เข้ามา!
แต่ทุกอย่างล้วนเปล่าประโยชน์!
ไม่ว่าวั่งไฉกับเถี่ยนิวจะทรงพลังมากเพียงใด แต่ก็ไร้ทางขัดขืนแรงกดดันทั้งหลายขณะกดทับลงมาที่ลู่หยวนอย่างไม่ลดละ!
ลู่หยวนผู้อยู่กลางอากาศถูกกดให้ลงมาที่พื้นนานแล้ว!
ทว่าพื้นพังทลายไปเพราะแรงกดดันดังกล่าวจนเกิดเป็นหลุมไร้ก้นขนาดใหญ่ หากลู่หยวนเคลื่อนลงไปอีกก็อาจจะตกลงไปในหลุมก็เป็นได้!
ตอนนี้มือโลหิตขนาดใหญ่เข้าปกคลุมลู่หยวนราวกับจะพาอีกฝ่ายลงสู่หุบเหว!
“เหอะ…”
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็แย้มยิ้มภายใต้แรงกดดัน เขาเมินเฉยต่อพวกมันขณะเงยหน้ามองหู่เซียว
ถึงกระนั้น ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยแววเหยียดหยันไร้ที่สิ้นสุดราวกับไม่ได้รับแรงกดดันของค่ายกลใดเลย!
ตอนนี้จักรพรรดินาคาทะยานกลับมาอยู่ข้างกายหู่เซียว ทันทีที่สงบสติลงได้ เขาก็เห็นสายตาหยิ่งผยองของลู่หยวน
“อย่าประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไป”
เขาติดตั้งค่ายกลนี้กับมือ จึงทราบพลังของมันเป็นอย่างดี!
บัดนี้ลู่หยวนถูกขังเอาไว้ ซึ่งจักรพรรดินาคาทะยานก็สัมผัสได้เช่นกันว่าพลังแก่กล้าทั้งหลายในตัวที่อีกฝ่ายพยายามขัดขืน แต่พวกมันล้วนถูกกำราบอย่างรวดเร็ว!
ไม่ว่าลู่หยวนจะทรงพลังเพียงใด ก็ต้องจบชีวิตในวันนี้!
เพราะพลังของค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่านี้กำลังถาโถมเข้าใส่ลู่หยวนเพียงผู้เดียว!
ทว่าลู่หยวนกลับไม่ร้อนรน เพราะเขายังมีข้อบกพร่องของโลกอยู่ข้างกาย!
เมื่อจักรพรรดินาคาทะยานกำลังจะเอ่ยบางอย่างกับหู่เซียว อีกฝ่ายก็หันกลับมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
หัวใจของจักรพรรดินาคาทะยานแทบหยุดเต้นขณะเหงื่อผุดขึ้นบนแผ่นหลังแล้วลอบครุ่นคิด ‘หรือครั้งนี้หู่เซียวมีเจตนาฆ่า?!’
แต่ก่อนหู่เซียวจะทันได้ลงมือ นาคาทะยานก็สัมผัสได้ถึงมือสีขาวราวกับหยกมาแตะบนบ่า
นาคาทะยานย่อมรู้จักกลิ่นอายนี้ มันเป็นของหญิงสาวผู้ติดตามลู่หยวนมาด้วย!
“เหอะ… คิดหรือว่าจะจับข้าได้?!”
จักรพรรดินาคาทะยานยิ้มหยันขณะร่นถอย เขาหลุดจากการควบคุมของกู้ชิงหรันก่อนจะมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย
“แม้ข้าจะไม่ทราบว่าเจ้าปรากฏตัวที่ด้านหลังโดยที่ข้าไม่รู้ตัวได้อย่างไร แต่ด้วยพลังแค่นี้ คิดหรือว่าจะจับใครเขาได้?!”
กู้ชิงหรันมีสีหน้าเฉยชาขณะลดมือสีขาวราวกับหยก นางขมวดคิ้วด้วยสายตาที่ไม่สั่นคลอน
ชั่วขณะนั้นเองที่จักรพรรดิทั้งสามไม่ทราบว่าหญิงสาวผู้นี้ตั้งใจจะทำอะไร!
ทันใดนั้น!
ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าเหนือท้องนภาก็หยุดนิ่ง!
แรงกดดันจากท้องนภาที่กำลังพังทลายก็เบาลง!
ห้วงอากาศที่เท้าของกู้ชิงหรันก็พังทลาย!
มิหนำซ้ำ ห้วงอากาศรอบข้างสามพันลี้ก็ถูกทำลายในพริบตา!
ทันใดนั้น หลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ฉีกกระชากฟ้าดินจนสิ้น!
เมฆดำลอยแน่นิ่งเหนือค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าท่ามกลางฟ้าที่กำลังร้องคำราม สายฟ้ากำลังคลุ้มคลั่งดั่งจะฉีกกระชากท้องนภา!
“อสนีสวรรค์หรือ?!”
จักรพรรดิจูอั้นมองท้องนภาขณะพึมพำ
ทั้งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเหตุใดอสนีสวรรค์จึงได้ปรากฏเล่า?!
จักรพรรดินาคาทะยานมองท้องนภาขณะเปลือกตากระตุก ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้เขารู้สึกเหมือนกับ… โชคไม่ดีชอบกล!
‘ครืน!’
สายฟ้าฟาดเข้าใส่ค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่า มันกระแทกเข้าใส่จุดที่อยู่เหนือค่ายกลจนแยกออกจากกัน!
ชั้นอักขระพังทลาย แล้วมือโลหิตขนาดใหญ่ในห้วงอากาศที่พยายามกดดันลู่หยวนก็สลายกลายเป็นกลุ่มควัน!
‘ครืน!’
ฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาฟ้าดินสั่นสะเทือน
สายฟ้าพลันเคลื่อนลงมากจากหมู่เมฆก่อนจะฟาดไปทางจักรพรรดินาคาทะยานราวกับตาเห็น!
เปลือกตาของจักรพรรดินาคาทะยานกระตุกด้วยรู้สึกไม่สบายใจ เขาเงยหน้าขึ้นไปพบอสนีสวรรค์ก่อนจะหลบเลี่ยงอย่างตกตะลึง สิ่งนั้นคล้ายกับว่าจะสามารถไล่ตามอีกฝ่ายที่กำลังร่นถอยออกไปในพริบตา!
เมื่อเห็นว่าอสนีสวรรค์กำลังจะฟาดเข้าใส่ จักรพรรดินาคาทะยานก็หยุดเคลื่อนไหว จากนั้นจึงระดมกำลังเพื่อซ่อนตัวอยู่ด้านหลังจักรพรรดิจูอั้นในจังหวะที่อสนีสวรรค์นั้นกำลังจะฟาดลงมา!
จักรพรรดินาคาทะยานคิดว่าจะสามารถหลบเลี่ยงอสนีสวรรค์ด้วยวิธีนี้ได้ แต่สายฟ้ากลับเลี้ยวหลบก่อนจะตรงเข้าหาเขาอย่างแม่นยำ!
——————————-