ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 478 ความคิดของนาคาทะยาน
บทที่ 478 ความคิดของนาคาทะยาน
บทที่ 478 ความคิดของนาคาทะยาน
นาคาทะยานติดตามลู่หยวนอย่างขยันขันแข็งขณะคอยนำทาง!
ในไม่ช้า พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่ดินแดนผู้พิทักษ์
นาคาทะยานชี้ไปยังทิศทางหนึ่งขณะเอ่ยขึ้นว่า “บุญศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือที่ที่เผ่าพยัคฆ์เมฆาอยู่ เมล็ดพันธุ์มารถูกหู่เซียวขังไว้ที่นั่น!”
“ไปกันเถอะ”
สิ้นคำ ร่างของลู่หยวนก็ทะยานออกไปยังสถานที่ดังกล่าว
นาคาทะยานก็รีบตามไป!
เมื่อลู่หยวนมาถึงนอกเผ่าพยัคฆ์เมฆา เขาก็เห็นโฉวโยวซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มที่ประจำการที่นี่
สมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นพวกเขามาถึง
พวกเขาล้วนได้รับประโยชน์จากลู่หยวน!
โฉวโยวเป็นฝ่ายคารวะอีกฝ่ายก่อน “คารวะฝ่าบาท!”
สมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่เหลือก้มศีรษะขณะคารวะด้วยความเคารพยิ่ง
ลู่หยวนพยักหน้า “ไม่ต้องมากพิธี”
โฉวโยวลุกขึ้นก่อนนำคนอื่นถอยออกมา พวกเขาตรวจสอบที่นี่แล้ว ของมีค่าทั้งหมดจึงถูกเก็บกวาดออกไปจนสิ้น
เขาทราบเช่นกันว่าลู่หยวนต้องการอะไรบางอย่างจากเผ่าพยัคฆ์เมฆา
โฉวโยวลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ของทั้งหมดที่พบในเผ่าพยัคฆ์เมฆาล้วนถูกเก็บรวบรวมไว้แล้ว ไม่ทราบว่าท่านต้องการสิ่งใด? ข้าจะนำมาให้ท่านเอง!”
ลู่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉยชา “ไม่ต้อง พวกเจ้าคุ้มกันที่นี่ หากข้าไม่เรียกเป็นการส่วนตัว อย่าเข้ามาเป็นอันขาด ห้ามให้ใครเข้ามาด้วย!”
“ขอรับ!”
พวกโฉวโยวตอบรับด้วยความเคารพ!
นาคาทะยานไม่กล้าบิดพลิ้วแต่อย่างใด เขาจึงพาลู่หยวนตรงเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ที่หู่เซียวมักอยู่อาศัย
นี่คือบริเวณที่หู่เซียวมักจัดการเรื่องราวทั้งหลาย ซึ่งเมล็ดพันธุ์มารถูกจองจำที่นี่เช่นกัน!
เมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ จักรพรรดินาคาทะยานก็หมุนโคมไฟทองแดงทั้งสามอัน แล้ววงแสงก็ก่อตัวขึ้นมา
ไม่ช้า ค่ายกลก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน
ลู่หยวนเหลือบมองนาคาทะยานพลางยกยิ้ม “เจ้าเองก็ร้ายกาจไม่เบา”
หู่เซียวต้องระมัดระวังเรื่องการจองจำเมล็ดพันธุ์มาร ค่ายกลจึงได้รับการออกแบบอย่างละเอียด ต่อให้ลู่หยวนก้าวเข้าสู่ที่นี่แล้วกวาดมองรอบข้าง เขาก็ไม่มีทางหาเบาะแสเจอได้หากไม่ใช้ระบบ
แต่จักรพรรดินาคาทะยานถึงกับพบค่ายกลลับนั่นได้!
ลู่หยวนจึงสงสัยเกี่ยวกับอุบายอันแยบยลนี้
จักรพรรดินาคาทะยานมองตาของอีกฝ่ายก่อนจะรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ในตอนนี้ เขาทราบดีว่าคุณค่าเพียงหนึ่งเดียวที่มีต่อลู่หยวนคือการพาไปพบเมล็ดพันธุ์มาร ทันทีที่เป้าหมายปรากฏ ตนเองจะอยู่หรือตายก็มีค่าไม่ต่างกัน!
หากถึงตอนนั้นแล้วยังไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายมองเห็นคุณค่าใหม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาก็ยังเป็นความตาย!
“สิ่งเหล่านี้ข้องเกี่ยวกับสายเลือดของข้า ทำให้สามารถสังเกตเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น แม้จะเป็นทักษะที่กินแรงไม่น้อย แต่ถ้ามีกำลังมากพอก็สามารถใช้ได้อย่างแน่นอน!”
นาคาทะยานบอกความจริงขณะร่องรอยความปรารถนาก่อเกิดขึ้นในดวงตา “หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการ ฉันก็สามารถสร้างกลุ่มสำหรับท่านได้เช่นกัน!”
“แม้เผ่านาคาทะยานทั้งหมดจะตายแล้ว แต่คนในเผ่าที่มีร่องรอยของมรดกกลิ่นอายของนาคาทะยานก็ยังสามารถเรียนรู้มันได้!”
นับว่าเขาฉลาดไม่เบา
ทันทีที่มาที่นี่ เขาก็นึกถึงเงื่อนไขที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับลู่หยวนเอาไว้แล้ว!
แม้จะไม่ได้ติดต่อกันมากนัก แต่เขายังสัมผัสได้ว่าผลประโยชน์ของอีกฝ่ายต้องมาก่อน ซึ่งผลประโยชน์จำนวนน้อยย่อมไม่เป็นที่เหลียวแล!
หากไม่ใช่เงื่อนไขที่สามารถสร้างผลประโยชน์มากมายได้ คำที่รอคอยเขาอยู่ก็ยังเป็นคำว่าตาย!
จักรพรรดินาคาทะยานจึงคิดออกเพียงทางเดียวเท่านั้น!
ยิ่งกว่านั้น จากสิ่งที่นาคาทะยานเห็นก่อนหน้านี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าจักรพรรดิทั้งหลายที่ถูกจองจำโดยค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าต่างสูญสิ้นพลังของตนเองอย่างต่อเนื่อง หมายความว่าพวกเขาถูกบางสิ่งดูดกลืน!
ตอนพบพวกโฉวโยว นาคาทะยานก็ยิ่งมั่นใจ
สมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้แบกรับพลังของพวกเขาเอาไว้!
คนเหล่านี้หลอมรวมกับพลังของเผ่านาคาทะยาน!
พลังเหล่านี้มีมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายไปถึงจุดที่สามารถสำรวจบางสิ่งที่คนอื่นไม่อาจมองเห็นได้เหมือนกับตนเอง
เช่นเดียวกับตอนที่เขาพบหู่เซียวซ่อนเมล็ดพันธุ์มารครั้งแรก!
ทว่า การจะทำให้สำเร็จได้สักร้อยละสิบก็ยังต้องพึ่งพละกำลังอันแข็งแกร่ง!
หลังจากได้ฟังคำของนาคาทะยาน ลู่หยวนก็ไม่เอ่ยคำใด แสงบนตะเกียงทองแดงทั้งสามยังคงริบหรี่ขณะค่ายกลเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง
ในห้องโถงใหญ่เงียบสงัด นาคาทะยานรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบข้างเงียบงันจนน่าขนลุก เขาถึงขั้นได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง
หากลู่หยวนไม่ตอบตกลงหรือไม่สนใจพลังดังกล่าว เช่นนั้นความตายก็เป็นสิ่งเดียวที่รอคอยเขา!
ในตอนนี้ แม้กระทั่งนาคาทะยานก็ไม่มีพละกำลังพอจะไปขัดขืนอีกฝ่าย!
พลังที่ใช้ก็มาจากความช่วยเหลือของค่ายกลกักขังที่ลู่หยวนมอบให้ แล้วเขาจะหลบหนีได้อย่างไร?!
เขากลายเป็นปลาบนเขียงไปนานแล้ว!
แม้ลู่หยวนจะไม่เอ่ยคำใดอยู่พักใหญ่ แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมา
เมื่อเห็นนาคาทะยานมัวหมอง เขาก็ทราบความหมายของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
อีกฝ่ายกำลังใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อเอาตัวรอด!
แต่ว่า…
ลู่หยวนต้องยอมรับว่าพลังดังกล่าวเหมาะกับการฝึกคนในที่ลับเป็นอย่างยิ่ง
หากทำเช่นนั้นแล้ว เรื่องราวในภายภาคหน้าก็จะง่ายยิ่งขึ้น
“เหอะ…”
ลู่หยวนพลันหัวเราะอย่างแผ่วเบา “เจ้าอยากมีชีวิตหรือไม่?”
ลมหายใจของนาคาทะยานขาดห้วงชั่วขณะ แม้เขาจะฉลาด แต่อีกฝ่ายกลับฉลาดยิ่งกว่า ยิ่งคนฉลาดมากเท่าใดก็ยิ่งชอบคนฉลาดน้อยมากเท่านั้น!
เมื่อครู่ นาคาทะยานได้แสดงอุบายให้เขาได้เห็น!
หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม แม้จะมีประโยชน์มากมายเพียงใด ก็เป็นได้เพียงของนอกรีต!
“ใช่!”
นาคาทะยานตอบตามตรง “ขอเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์ไว้ชีวิต ข้าก็เต็มใจอุทิศชีวิตอยู่ใต้ท่านตราบสิ้นลมหายใจ!”
“หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่สบายใจ ให้ข้าสาบานต่อวิถีสวรรค์หรือปลูกถ่ายผนึกทาสก็ได้!”
ขณะเดียวกันนั้น ค่ายกลซึ่งอยู่ข้างกายก็เสร็จสมบูรณ์
ลู่หยวนกวาดมองค่ายกลก่อนจะแย้มยิ้มออกมา “หากครั้งนี้เจ้ารอดไปได้ ข้าจะไว้ชีวิต!”
สิ้นคำ เขาก็ลากเส้นค่ายกลมาวางบนตัวนาคาทะยาน
นาคาทะยานจึงบังเกิดความยินดีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ขอบคุณบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
เขามองค่ายกลขณะใช้อุบายตรวจจับจนพบว่ามีตัวตนของเมล็ดพันธุ์มารอยู่ข้างใน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าไป!
ไม่น่ามีการคุ้มกันอยู่ในนั้นแล้ว
จักรพรรดินาคาทะยานเงยหน้าขึ้นขณะหัวใจเต้นระรัว จากนั้นจึงก้าวเข้าไป!
สิ้นแสงวาบ ร่างของนาคาทะยานก็หายไปทันที
เมื่อหันกลับมา เขาก็เข้าสู่ค่ายกลก่อนจะพบว่าสถานที่ตรงหน้าเป็นหุบเขาลึก ซึ่งทั้งฝั่งซ้ายและขวาต่างเป็นหุบเหวมืดสนิท
แม้จะน่าขนลุก แต่ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น
นาคาทะยานหันกลับมาเอ่ยว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอันตราย”
ทันทีที่สิ้นคำ เขาก็เห็นร่างของลู่หยวนเข้ามาจากนอกค่ายกลทันที