ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 486 มารกระบี่
บทที่ 486 มารกระบี่
บทที่ 486 มารกระบี่
ผนึกยังคงโคจรอย่างเชื่องช้าคล้ายกับมีกลิ่นอายทรงพลังบางอย่างกำลังเวียนวนอยู่ภายใน
สิ่งแรกที่ลู่หยวนสัมผัสได้ก็คือพลังของกระบี่มาร แล้วสิ่งที่ตามมาคือเจตจำนงป่าเถื่อนไร้ที่สิ้นสุด
เขาคาดว่ากระบี่มารแปดแดนร้างกับโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งจะต้องอยู่ที่นั่น!
ลู่หยวนถือง้าวมังกรครามแปดแดนร้างเอาไว้ขณะก้าวเข้าสู่ผนึกโดยตรง!
วิ้ง!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนในทันที แล้วผนึกก็แตกออก
ลู่หยวนเพียงสัมผัสได้ว่าหลังจากเกิดแสงสว่างวาบ กลิ่นอายดุร้ายอันแรงกล้าพลันสั่นไหวอยู่ภายใน!
ท้องนภาเบื้องหน้าที่เดิมว่างเปล่าพลันเปลี่ยนไป
ลู่หยวนยืนอยู่บนพื้นผิวแบนราบที่ยืนได้ไม่เกินสามคน ซึ่งรอบข้างของเขามีแท่นดินสีเหลืองหลายขนาดลอยอยู่ทั่วบริเวณ
รอบข้างเงียบสงัดจนไม่ได้ยินเสียงใด ๆ
ร่างกายของลู่หยวนปะทะกับแรงกดดันจนสั่นไหว แต่ไม่ช้าเขาก็สัมผัสได้ว่าหลังจากส่งกลิ่นอายออกไป มันก็หายไปในอากาศ
แรงกดดันนี้ไม่เหมือนกับการถูกกลืนกินเมื่อครู่ แต่มันคล้ายกับมีกฎเกณฑ์แปลกประหลาดอยู่ภายในนี้ จึงเป็นการยากที่กลิ่นอายทั้งหมดจะถูกปล่อยออกมาได้
ลู่หยวนเงยหน้าก่อนจะพบว่าแท่นดินสีเหลืองนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วกระจายไปทุกทิศทาง จนเป็นเหมือนขั้นบันไดที่นำไปสู่ท้องนภาอันไกลลิบซึ่งมีดวงอาทิตย์สีแดงลอยอยู่อย่างองอาจ โดยมีอักขระสีแดงกระจายไปทั่ว!
“นี่มัน…”
ลู่หยวนมองดวงอาทิตย์สีแดงก่อนจะพบว่ามันผิดปกติ เขาหรี่ตาลงพร้อมกับปรากฏเนตรเทวะขึ้น!
ชายหนุ่มมองเห็นเงาเลือนรางของกระบี่ยาวอยู่ภายในดวงอาทิตย์สีแดงนั้น!
ลู่หยวนก้าวไปข้างหน้าแล้วร่างก็ทะยานออกไป แต่ราวกับถูกพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นกำราบเอาไว้ ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้ามาก!
เดิมทีเขาสามารถทะยานตรงสู่ท้องนภาได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งอึดใจ
หลังจากลู่หยวนเคลื่อนลงมา แท่นก็สั่นไหวจนแทบยืนไม่ได้
ลู่หยวนทะยานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เขาต้องใช้เวลาหนึ่งก้านธูปเต็มจึงจะไปถึงแท่นดินสีเหลืองที่อยู่ด้านบนสุดได้
ในตอนนี้ ลู่หยวนอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์สีแดงไม่มากแล้ว
เดิมเขาต้องการให้วั่งไฉพาไปยังจุดหมาย แต่หลังจากเข้าสู่โลกใบนี้ ทั่วร่างกลับเฉยชา ทำให้มังกรน้อยที่ครั้งหนึ่งเคยกระตือรือร้นกลับมีสภาพทรุดโทรมราวกับงูที่ตายแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่พาเขาขึ้นไปเลย แค่พลิกร่างยังเป็นเรื่องยากเสียด้วยซ้ำ!
ลู่หยวนทำได้เพียงหาทางอื่น
เพียงแต่ลู่หยวนไม่ทราบว่าหลังจากก้าวเข้าสู่โลกใบนี้ได้ไม่นาน สิ่งมีชีวิตคล้ายกับเสือขนาดมหึมาก็เข้ามาเช่นกัน
สัตว์ร้ายตัวนี้มีโครงกระดูกจำนวนมากโดยมีจุดสีแดงประหนึ่งเปลวเพลิงอยู่ในเบ้าตา มันใช้อุบายบางอย่างเพื่อปกปิดกลิ่นอายทั้งหมดเอาไว้ ทำให้แม้แต่ลู่หยวนก็ไม่สังเกตเห็น!
ลู่หยวนยืนอยู่บนแท่นดินสีเหลืองด้านบนสุดขณะคิดหาหนทาง ส่วนสัตว์ร้ายขนาดมหึมาก็เคลื่อนตัวจากด้านล่างขณะตรงมาทางที่ชายหนุ่มอยู่
ยิ่งสัตว์ร้ายเข้าใกล้ ดวงอาทิตย์สีแดงเหนือศีรษะของลู่หยวนก็ส่องแสงอันน่าตกตะลึงออกมา!
แสงสีแดงโลหิตสาดส่องขณะคลื่นสีแดงไร้ที่สิ้นสุดสั่นสะเทือนไปทุกทิศทาง
ทั่วท้องนภาคล้ายกับสั่นสะเทือนเพราะสีแดงดังกล่าว
ขณะที่เนตรเทวะของลู่หยวนยังไม่สำแดงพลังเต็มที่ แต่เขาพบว่ากระบี่ยาวในดวงอาทิตย์สีแดงคล้ายกับได้รับผลบางอย่างจนเริ่มสั่นไหว
ในตอนนี้!
สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาได้ปีนมาอยู่ด้านหลังลู่หยวนแล้ว ส่วนฝ่ายหลังยังคงจดจ้องไปที่อื่น
ปากขนาดใหญ่ของโครงกระดูกสีขาวอ้าออก มันมีแสงสว่างขนาดเล็กอยู่ภายในส่วนลึก!
ร่างของสัตว์ร้ายพลันพุ่งออกไปราวกับลูกศรแหลมคมขณะกลืนกินแท่นทั้งหมดที่ลู่หยวนอยู่!
แสงสว่างขนาดเล็กนี้สว่างวาบขณะปกคลุมทุกสิ่งที่ถูกกลืนกินเข้าไป!
“หึหึ…”
สัตว์ร้ายพลันหัวเราะอย่างเย็นชาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองยิ่ง
แสงสว่างหมองหม่นในร่างกายหยุดเคลื่อนไหว
“มารกระบี่ เป็นไงบ้าง?”
สัตว์ร้ายเปี่ยมด้วยความภาคภูมิขณะเอ่ยขึ้น “แม้เด็กคนนี้จะแข็งแกร่งจนสามารถทะลวงผ่านดินแดนของข้ามาได้ แต่มันกลับไม่สามารถทนต่อความละโมบของตัวเองได้”
“หึ ๆ ๆ หากเจ้าตกลงจะช่วยข้าสร้างร่างขึ้นมาใหม่ ข้าจะยอมแบ่งวิญญาณของเด็กคนนี้ให้ครึ่งหนึ่งก็ได้”
แม้สัตว์ร้ายตัวนี้จะพูดอยู่พักใหญ่ แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
มันสับสนมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงอาทิตย์สีแดงในท้องนภายังคงเจิดจ้าขณะแสงสว่างสั่นไหว ซึ่งกระบี่ยาวที่อยู่ภายในนั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการแปรเปลี่ยน
“มารกระบี่ ข้าจับเด็กคนนั้นให้แล้ว เจ้าจะไม่สนใจจริงหรือ?!”
สัตว์ร้ายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ
มันคล้ายกับวิตกกังวลขณะพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา “ข้าสามารถสร้างโชคชะตาได้ด้วยการหลอมวิญญาณของเด็กคนนี้! พลังแค่นั้นมากพอที่จะทำให้ข้าหลุดพ้นจากการคุมขังของโลกใบนี้!”
“ส่วนเจ้าก็เชิญอยู่ที่นี่เหมือนสุนัขที่ตายไปแล้วเถอะ!”
ทันทีที่สิ้นคำ กลิ่นอายของมันก็เริ่มลึกล้ำเพื่อเตรียมจะให้แสงสว่างขัดเกลาลู่หยวนผู้ถูกกลืนกินเข้าไป
แต่แสงสว่างดังกล่าวค้นหาไปรอบด้านก็ไม่พบตัวอีกฝ่าย!
ภายในแสงสว่างมีเพียงแท่นดินสีเหลือง หาได้มีอย่างอื่นไม่
สัตว์ร้ายพลันตกตะลึงขณะสบถอยู่ภายใน
มันขดตัวเพื่อเตรียมจะพุ่งออกจากผนึก
แต่ทันทีที่ขยับตัว สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมานี้ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายยิ่งถูกกำราบมากขึ้น!
มันขยับร่างกายอย่างยากลำบากราวกับมีเชือกนับไม่ถ้วนพันเอาไว้อย่างแน่นหนา!
แต่ต่อให้สัตว์ร้ายจะระดมพละกำลังทั้งหมด มันก็ไม่สามารถหลบหนีจากสถานการณ์นี้ไปได้
ในตอนนี้!
เบื้องหน้าของสัตว์ร้ายเกิดผันผวนเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าร่างของลู่หยวนจะเดินออกมาจากตรงนั้น
มือของชายหนุ่มยังคงสร้างผนึกขณะค่ายกลกระจายออกไปเบื้องหน้า
นับตั้งแต่ค่ายกลเหล่านั้นกระจายออกมา เส้นด้ายสีแดงนับไม่ถ้วนก็ปรากฏบนร่างของสัตว์ร้ายขณะพันธนาการและห่อเอาไว้จนไม่ต่างกับโดนจองจำ!
ลู่หยวนลดมือลงขณะยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขบขัน
“อุบายปกปิดตัวตนของเจ้านับว่าไม่เลว! เพียงแต่มันยังมีความต่างชั้นอยู่บ้าง”
เป็นความจริงที่ลู่หยวนไม่ทราบว่าสัตว์ร้ายขนาดมหึมานั่นมาที่นี่ แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เด่นชัดก็เกิดขึ้นกับพื้นที่รอบข้าง
คนอื่นอาจไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับลู่หยวน!
ระหว่างนั้นเองที่กลิ่นอายซึ่งไม่เคยมีมาก่อนก็เข้ามา
ลู่หยวนไม่เคยเผชิญกับกลิ่นอายเช่นนี้มาก่อน!
มันเป็นกลิ่นอายของพื้นที่ที่ปกคลุมเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้!
ลู่หยวนตัดสินใจได้ทันที ดังนั้นตอนที่สัตว์ร้ายรุกคืบเข้ามา เขาก็คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าขณะหลบเลี่ยงก่อนจะไปซ่อนตัวอยู่ในห้วงอากาศ!
ลู่หยวนจับจ้องไปที่สัตว์ร้าย เป้าหมายของเขาไม่ใช่โครงกระดูกตรงหน้า แต่เป็นเศษเสี้ยววิญญาณที่อยู่ภายในนั้น
มันคือ ‘มารกระบี่’ ที่สัตว์ร้ายพูดถึงก่อนหน้านี้!
——————————-