ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 491 กำราบอู๋เต้า
บทที่ 491 กำราบอู๋เต้า
บทที่ 491 กำราบอู๋เต้า
อู๋เต้าเอ่ย “ข้าไม่มีอะไรให้ไล่ตามอีกแล้ว ข้าเพียงอยากมีชีวิตเท่านั้น!”
“เจ้าจะปลูกถ่ายวิญญาณอย่างไรก็ไม่สำคัญ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าย่อมอยากอยู่เคียงข้างเจ้าเพื่อคอยเป็นนักรบให้ได้ หากรู้สึกว่าการฝึกยุทธ์ของข้าไม่ดีพอก็สามารถส่งไปที่อื่นได้ตามต้องการ จะให้ไปเป็นผู้ดูแลบ้านเพื่อคอยปัดกวาดเช็ดถูก็ไม่ว่า!”
อู๋เต้ามองลู่หยวน “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าไม่มีประโยชน์ ความเป็นความตายของข้าก็ย่อมอยู่ในมือของเจ้า”
เขายอมรับว่ามันคือการเดิมพัน
ถ้าเลือกได้ ใครเล่าจะอยากตาย?
ถึงอย่างไร เศษเสี้ยววิญญาณของเขาก็มีชีวิตมาสามแสนปีแล้ว มันก็แค่การดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตรอดไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้เขามีชีวิตมาสามแสนปีแล้ว การกลัวตายจึงเป็นเรื่องธรรมดา!
แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเงื่อนไขที่ถูกกุมไว้ในมือยังพอรับได้สำหรับลู่หยวน
สุดท้าย เขาก็แตกต่างจากมารกระบี่ค่อนข้างมาก
อีกฝ่ายยอมจำนนต่อลู่หยวนเพราะมีแผนอยู่ในใจ
มันอยากใช้ลู่หยวนเป็นขั้นบันไดเพื่อประโยชน์ส่วนตน
หากทุกอย่างเป็นไปตามที่มารกระบี่คาดไว้ ลู่หยวนอาจไม่สามารถมีชีวิตถึงตอนท้ายได้
แต่สิ่งที่เขาอยากทำก็คือการแลกเปลี่ยนกับลู่หยวน
หาทางเอาตัวรอดแล้วให้ลู่หยวนตัดสินใจทุกอย่าง
ภายภาคหน้า เขาผู้เคยเป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์จะต้องก้มศีรษะให้ชายหนุ่มผู้มีอายุไม่เกินสิบปี!
แต่ทว่า… ทุกอย่างก็เพื่อมีชีวิตรอดโดยไร้ซึ่งความอับอาย!
ลู่หยวนเห็นจุดแสงสีทองอยู่ไม่ไกลจากตรงหน้า แล้วเสียงของระบบก็ดังขึ้นในใจ
[แจ้งเตือนจากระบบ : วัตถุชิ้นนี้คืออำนาจจักรพรรดิหมื่นทวี! หากท่านดูดกลืนมัน มันจะกลายเป็นอำนาจจักรพรรดิของตัวเอง เมื่อทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ต่อให้ท่านไม่มีเส้นชีพจรจักรพรรดิก็สามารถกลายเป็นจักรพรรดิ กลายเป็นหนึ่งคนผู้กุมชะตาหนึ่งแคว้นได้!]
วัตถุชิ้นนี้เป็นของที่ล้ำค่ามาก
“ระบบ หากอู๋เต้าสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่ เขาสามารถไปถึงระดับพละกำลังไหนได้?”
[เศษเสี้ยววิญญาณของอู๋เต้าแข็งแกร่งและกัดกร่อนวัตถุในโลกนี้อย่างต่อเนื่อง บัดนี้วิญญาณไม่อยู่ในสถานะที่อ่อนแอ เมื่อสร้างร่างกายขึ้นใหม่ พละกำลังขั้นต่ำจะอยู่ที่อมตยุทธ์ครึ่งก้าว!]
นักรบขั้นอมตยุทธ์ครึ่งก้าว…
ตอนนี้อู๋เต้าเอ่ยขึ้นเช่นกัน “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ เชิญบอกมาได้เลยว่าอยากให้ข้าอยู่หรือตาย”
ลู่หยวนยิ้มเล็กน้อยขณะมือซ้ายที่ว่างเปล่าชี้ไปทางจุดแสงสีทอง
ทันทีที่จุดแสงสว่างสัมผัสกับลู่หยวน มันก็เคลื่อนเข้าหาก่อนจะจมเข้าสู่ปลายนิ้วแล้วหายไป!
ในเวลาเดียวกัน พลังอันน่ายำเกรงค่อย ๆ ปรากฏจากร่างของลู่หยวนจนกระทั่งเข้าสู่จิตเทวะ!
ยามนี้กลิ่นอายทั้งหมดมาบรรจบกัน
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพบแสงสีทองวาบ แล้วคลื่นอันคลุ้มคลั่งก็ปะทุขึ้นมาก่อนจะทะยานออกไปนับพันลี้!
“วิ้ง!”
พลังอำนาจหล่อเลี้ยงโดยกำเนิดแผ่ซ่านออกมาจากลู่หยวน!
ชุดคลุมของลู่หยวนเคลื่อนไหวแม้ปราศจากสายลม ชายผ้ากระพือไปมา คิ้วอันคมคายกับดวงตาประหนึ่งดวงดาวราวกับเทพเจ้า
มันคืออำนาจของจักรพรรดิ! ที่คอยดูแคลนโลก! ตะวันจันทรากลับตาลปัตร! ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ!
เมื่อเห็นแรงกดดันมหาศาลมาจากลู่หยวน อู๋เต้าก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์บางอย่างจากภายใน
ประการแรก ลู่หยวนอาจจะไม่ฆ่าเขาในตอนนี้
ประการที่สอง อำนาจของลู่หยวนช่างคุ้นเคยยิ่งนัก ครั้งหนึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาเคยมี
ครั้งหนึ่งที่สิ่งนี้เคยเกิดขึ้น เผ่ามนุษย์ต่างยอมก้มหัวให้!
ตอนนี้นอกจากร่างของเขาจะแตกสลาย อำนาจจักรพรรดิหมื่นทวีก็ถูกมอบให้อีกฝ่าย
บัดนี้อำนาจจักรพรรดิดังกล่าวถูกสำแดงต่อหน้าอู๋เต้าแล้ว ทำให้เขามีความต้องการที่จะสักการะจากก้นบึ้งของหัวใจ!
อำนาจจักรพรรดิสำแดงเดชสักพัก ก่อนเบาบางแล้วค่อย ๆ หายไป
คราวนี้อู๋เต้ายอมจำนนต่อลู่หยวนในทันที “บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ลู่หยวนสะกดกลิ่นอายทั้งหมดเอาไว้ เพียงพริบตาเขาเริ่มสลักอักขระบนมือจนกระทั่งก่อตัวขึ้น ไม่ช้ามันก็กลายเป็นผนึกคำสาป
เศษเสี้ยววิญญาณของอู๋เต้าทราบว่านี่คือการปลูกถ่ายรอยประทับ
เขาไม่ขัดขืนขณะเปิดวิญญาณที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อรับมันเข้ามาข้างใน!
“วิ้ง!”
ทันทีที่แสงวาบ อักขระสีแดงก็ปรากฏบนเศษเสี้ยววิญญาณของอู๋เต้า จากนั้นพวกมันก็สลายไป
“ขอบคุณบุตรศักดิ์สิทธิ์!” อู๋เต้าเอ่ย
จากนั้นเศษเสี้ยววิญญาณของเขาก็เข้าสู่จิตเทวะของลู่หยวน
เมื่อชีวิตรอดปลอดภัยแล้ว ขั้นต่อไปก็คือรอลู่หยวนอย่างเงียบงันเพื่อฟื้นฟูกายเนื้อกลับมา!
หลังจากเข้าสู่จิตเทวะของลู่หยวน อู๋เต้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มีหลายสิ่งอยู่ภายในจิตเทวะแห่งนี้!
เมื่อมองไปทางหอคอยอสูรสวรรค์ก็จะพบสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่ถูกสังหารในการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อสามแสนปีก่อน!
อู๋เต้าเหลือบมองก่อนจะเห็นกลิ่นอายเลือนรางอยู่ไม่ไกลจากหอคอยดังกล่าว
เขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้
“เจิ้งชิงเทียนหรือ?!”
อู๋เต้าไม่คาดคิดว่าเศษเสี้ยววิญญาณของเจ้าแห่งวิถีคุณธรรมจะมาอยู่ภายใต้เงื้อมมือของลู่หยวนเช่นกัน!
ไม่ใช่ว่าอู๋เต้าเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะหากเป็นเมื่อสามแสนปีก่อน พวกเขาเหล่านี้ล้วนมีความสามารถเรียกลมเรียกฝนได้!
ลู่หยวนเกียจคร้านเกินกว่าจะมาสนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกประหลาดใจมากแค่ไหน
สถานการณ์ที่นี่ถูกเขาควบคุมแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป!
หลังออกจากดินแดนที่ถูกผนึก แผนที่ก็ปรากฏข้างกายลู่หยวนอีกครั้ง แล้วจุดแสงที่เดิมมีสองอันก็หายไปสิ้น
เขาสังหารฉีเจาด้วยมือตัวเอง ส่วนฉีเจ๋อเสียชีวิตตอนไหนไม่ทราบ
ลู่หยวนเหลือบมองก่อนจะสะบัดมือ เพียงพริบตาแผนที่ก็หายไปสิ้น
เขาก้าวไปข้างหน้าก่อนจะทะยานออกไปเพื่อกลับสู่เส้นทางก่อนหน้านี้ ไม่ช้าตนเองก็ออกจากดินแดนลับดังกล่าว!
หลังออกจากที่นี่ ลู่หยวนก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยบนพื้นดิน
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเพียงแสงสีขาวที่เชื่อมโยงระหว่างฟ้ากับดินอยู่ไกลลิบ!
หมู่เมฆแยกออกจากกันขณะกลิ่นอายนับไม่ถ้วนกระจายไปทุกทิศทาง!
เสียงของฉินอี่หานดังขึ้นภายในส่วนลึกของจิตใจเขา
“นายท่าน! ดูเหมือนว่ากู้ชิงหรันจะคุมไม่อยู่แล้ว! รีบกลับมาเร็ว!”
เมื่อสัมผัสได้ดังนั้น ลู่หยวนก็ตกตะลึง
คุมไม่อยู่หรือ?!
ก่อนลู่หยวนจะทันได้ทำอะไร เสียงของอู๋เต้าก็ดังขึ้น
“เหอะ ๆ นายท่านนี่ช่างโชคดีเหลือเกิน”
ลู่หยวนคิ้วขมวด “หมายความว่าอย่างไร?”
เศษเสี้ยววิญญาณของอู๋เต้าพุ่งออกมาอยู่ข้างกายลู่หยวนขณะมองไปยังแสงสว่างอันไกลลิบ “ข้าคุ้นเคยกับอำนาจแบบนี้มากที่สุด มันคือแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากกระบี่ที่เทพธิดาเคยใช้!”
“เพียงแต่แรงกดดันในตอนนี้มีเพียงหนึ่งในพันของเทพธิดาในตอนนั้น ช่างอ่อนแอยิ่งนัก!”
“นายท่าน เทพธิดามาที่นี่แล้ว หากท่านสามารถชิงกระบี่เล่มนี้แล้วกลืนกินวาสนาที่อยู่ข้างในมาได้ ท่านจะได้รับวาสนาที่ไม่ได้เป็นของโลกใบนี้อย่างแน่นอน! ”
ลู่หยวนเข้าใจว่าอู๋เต้าหมายถึงอะไร
แผ่นดินหยวนหงและแดนเซียนมีการเชื่อมโยงมากเกินไป ทุกวันนี้มีหลายคนที่ต้องการก้าวออกจากแผ่นดินหยวนหงเพื่อเข้าสู่แดนเซียน
ทว่านอกเหนือจากขั้นของการฝึกยุทธ์ที่จำเป็นต้องไปถึงซึ่งบอกกันปากต่อปากแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถกำหนดกำเกณฑ์อย่างแท้จริงได้
แม้กระทั่งสมาชิกตระกูลชั้นสูงบนเกาะสังหารเซียนก็พบเพียงวิธีที่เป็นไปได้ แต่ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าเกาะแห่งนี้จะสามารถพาไปสู่แดนเซียนได้อีกครั้งหรือไม่!
หากลู่หยวนได้รับวาสนาที่ไม่ใช่ของโลกในแผ่นดินหยวนหงจริง เขาก็จะก้าวนำคนอื่นไปอีกขั้น!
————————————-