ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 496 โลหิตวิญญาณชั่วร้าย
บทที่ 496 โลหิตวิญญาณชั่วร้าย
บทที่ 496 โลหิตวิญญาณชั่วร้าย
ในตอนนี้ ลู่หยวนผู้นั่งขัดสมาธิและฝึกฝนอยู่ในดินแดนผู้พิทักษ์ก็ลืมตาขึ้น
เทียนเม่ยเอ๋อร์ได้รับการปลูกถ่ายด้วยตราประทับทาส เขาจึงทราบว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญกับอะไร!
ยามนี้ลู่หยวนทราบว่านางกำลังเผชิญหน้ากับจิ้งจอกโลหิต!
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนจิ้งจอกโลหิตกวาดล้างไปทั่วหุบเขาบูรพาได้รับการบันทึกเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทราบเรื่องนี้ดี
“จิ้งจอกโลหิตหุบเขาบูรพา…”
ลู่หยวนพึมพำ ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งขดตัวอยู่ในหน้าอกของเขา แล้วเท้าของชุ่ยฮวาก็โผล่ออกมา
ศีรษะนุ่มฟูของมันเต็มไปด้วยความน่ารักเล็กน้อย
ยามนี้ชุ่ยฮวาไม่เหมือนกับก่อนหน้า มันเพียงยื่นศีรษะออกมาก่อนจะกลับมามีท่าทีเกียจคร้านอีกครั้ง
แต่ดวงตาของมันกลับทอประกายซึ่งหาได้ยาก ขณะอุ้งเท้าหน้าทั้งสองสัมผัสหน้าอกของลู่หยวนอย่างแผ่วเบาราวกับต้องการบางอย่าง
ลู่หยวนพลันครุ่นคิดเมื่อเห็นเช่นนี้
มีข่าวลือว่าเฝยเฝยคล้ายกับกินวิญญาณชั่วร้าย หลังจากวิญญาณที่ถูกกินเข้าสู่ร่างกาย มันจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังให้กับตัวเอง
ยิ่งวิญญาณชั่วร้ายแข็งแกร่งเท่าไหร่ พลังที่จะถูกเปลี่ยนก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น!
หมายความว่า เฝยเฝยตัวนี้สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้จากการกิน!
“เจ้าอยากกินจิ้งจอกโลหิตหรือ?”
ลู่หยวนถาม
เฝยเฝยพยักหน้าทันที
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มสดใสก่อนจะยื่นมือขวาไปลูบศีรษะของมัน
เมื่อรอยยิ้มอ่อนโยนนี้สะท้อนในดวงตาของเฝยเฝย เท่ากับอีกฝ่ายตอบตกลง
เฝยเฝยบังเกิดความยินดี
เดิมทีมันคิดว่าการได้พบกับกู้ชิงหรันอาจเป็นความโชคร้ายที่สุดในชีวิต
ช่วงเวลาที่ได้ใช้กับอีกฝ่ายย่อมไม่สามารถอธิบายด้วยคำว่าโชคร้ายได้!
มันเหมือนกับมีราชาแห่งนรกเป็นเพื่อนบ้านที่มีความตายรอคอยอยู่ตลอดเวลา!
แต่ทันทีที่ลู่หยวนนำเฝยเฝยออกจากอ้อมแขนของกู้ชิงหรัน มันก็รู้สึกว่าชีวิตที่เดิมหมองหม่นเกิดการพลิกผัน!
ในตอนนี้ โอกาสครั้งใหญ่กำลังรอคอยมัน
หลังจากลู่หยวนกวาดล้างวิญญาณชั่วร้ายแล้ว มันก็กลืนกินในอึดใจเดียว แล้วการฝึกยุทธ์ทั้งหมดที่ต้องพัฒนาอันเนื่องจากถูกกู้ชิงหรันผูกมัดเอาไว้เป็นเวลาหลายปี ก่อให้เกิดเป็นความก้าวหน้ามหาศาล!
เฝยเฝยหรี่ตาขณะยินดีกับการสัมผัสของลู่หยวน
เอาเลย สัมผัสมัน หลังจากสัมผัสจนหนำใจแล้วก็ไปทำลายไอ้วิญญาณชั่วร้ายนั่นให้สิ้นซาก!
ทันใดนั้น การกอดรัดของลู่หยวนก็หยุดนิ่ง จากนั้นจึงกลายเป็นการบีบอย่างแรงก่อนจะกดเฝยเฝยกลับเข้าไปในอ้อมแขนดังเดิม
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน หากเจ้าปรารถนาจิ้งจอกโลหิต ข้าเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะแบ่งให้เจ้าหากมีของเหลือ แล้วเจ้าต้องรักษามันไว้ให้ดี”
เสียงของลู่หยวนยังคงอ่อนโยน
แต่เมื่อลอยเข้าหูของเฝยเฝย มันกลับหยาบกระด้างยิ่ง
ของเหลือหรือ?!
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ลู่หยวนทิ้งของเหลือเอาไว้?!
อีกฝ่ายกำลังบอกมันว่าอย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้!
เฝยเฝยอยากสั่งสอนสักสองสามครั้ง แต่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของลู่หยวน มันจึงไม่สามารถขยับได้
ลู่หยวนย่อมไม่รีบร้อน ถึงอย่างไรเขาก็อยากดูว่าศักยภาพในวันนี้ของเทียนเม่ยเอ๋อร์เป็นเช่นไร
บางครั้งก็มีเพียงช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเท่านั้นที่จะสามารถทะลวงขีดจำกัดได้!
ยิ่งกว่านั้น เมื่อครู่นี้อู๋เต้าบอกลู่หยวนเกี่ยวกับความยอดเยี่ยมในการใช้วิญญาณชั่วร้าย
แม้จะเป็นวิญญาณชั่วร้าย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทับซ้อนกับเผ่ามาร
โลหิตวิญญาณชั่วร้ายมักถูกเผ่ามารนำไปใช้เป็นยาเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย!
นับตั้งแต่ที่ลู่หยวนเข้าสู่ขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าว เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไป
มองเพียงปราดเดียว อู๋เต้าก็ทราบว่าร่างกายของลู่หยวนค่อนข้างซับซ้อน
ยามผู้อื่นก้าวเข้าสู่ขอบเขตทีละขั้น พวกเขาส่วนใหญ่จะอาศัยร่างกายแบบเดียวกัน หากเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่หายากในอดีตกาลก็จะแบ่งร่างกายออกเป็นสองประเภท
อย่างลู่หยวนก็มีเมล็ดพันธุ์มาร เส้นชีพจรสวรรค์คุณธรรม เนตรเทวะ เป็นต้น
เมื่อร่างกายเหล่านี้ถูกปลดปล่อยออกมา ทุกคนก็พร้อมที่จะแก่งแย่งเพื่อพวกมัน
เป็นความจริงว่าร่างกายเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่ง หากรวมเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยความสามารถที่ลู่หยวนควบคุมเอาไว้ได้ดี นอกจากจะทำให้พลังทั้งหลายไม่ขัดแย้งกันแล้ว ยังถึงขั้นสามารถใช้ผสมผสานกันได้
แต่โดยพื้นฐานแล้ว ร่างกายพวกนี้มีความต้องการรากฐานที่ไม่ธรรมดา!
ลู่หยวนคล้ายกับสัมผัสบางสิ่งที่ผิดปกติเพราะรากฐานตนเองไม่เกิดความก้าวหน้าตามร่างกายทั้งหมดของเขา
ซึ่งวิญญาณชั่วร้ายนี้ก็มาได้ถูกจังหวะ!
หากมีมันเป็นตัวชี้นำสำหรับยากับมีสมุนไพรวิญญาณบางส่วน ร่างของลู่หยวนจะตกยกระดับสูงขึ้นอย่างแน่นอน!
ถึงตอนนั้น พละกำลังกายภาพในร่างกายแต่ละส่วนของรากฐานก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน!
หลังจากฟังคำของอู๋เต้า ลู่หยวนย่อมพยักหน้า
ในตอนนี้ เขาเพียงต้องรอสักพักเพื่อดูว่าการฝึกยุทธ์ของเทียนเม่ยเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง
เพียงสิ้นความคิด ลู่หยวนก็รู้สึกถึงร่างอันคุ้นเคยเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้า
ลู่หยวนเงยหน้าก่อนจะพบว่าผู้มาเยือนคือกู้ชิงหรัน
มงกุฎสีทองและปิ่นปักผมหยกของนางดูหมองหม่นขณะปราณกระบี่รอบข้างยิ่งแข็งแกร่ง โชคชะตาของนางลดลงเล็กน้อยเช่นกัน
พละกำลังในมือของลู่หยวนอ่อนลงจนเฝยเฝยหลุดออกจากอ้อมแขนมาได้ ทันทีที่ยื่นศีรษะออกมาก็เผชิญหน้ากับกู้ชิงหรัน
โลกตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
กู้ชิงหรันหลุบตา พรสวรรค์ของเทพธิดามากพอที่จะทำให้สรรพสิ่งตกหลุมรักได้
แต่ทันทีที่เฝยเฝยเห็นใบหน้าของนางก็ทรุดตัวลงราวกับเห็นผี ร่างของมันพลันสั่นสะท้านขณะมุดเข้าไปในอ้อมแขนของลู่หยวนโดยไม่ยอมออกมา
“การฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่หยวนถาม
กู้ชิงหรันตอบอย่างสงบ “วิถีกระบี่มีการพัฒนาเล็กน้อย”
หลังจากพูดจบ นางก็เอ่ย “ข้าสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของวิญญาณชั่วร้าย ดูเหมือนพวกมันจะอยู่ไกลออกไป”
“ใช่ เทียนเม่ยเอ๋อร์กำลังต่อสู้ร่วมกับจิ้งจอกสวรรค์ในดินแดนน่ะ”
“จะไม่ช่วยหรือ?”
“ไม่จำเป็น ข้าอยากทราบว่าเทียนเม่ยเอ๋อร์จะสามารถต่อสู้ได้มากแค่ไหน!”
กู้ชิงหรันพยักหน้าขณะเหลือบมองท้องนภาอันไกลลิบและเงียบงัน หลังจากผ่านไปสักพักนางก็ถอนหายใจออกมา
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีปัญหามากมายเกิดขึ้นในแผ่นดินหลัก สิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายแสนปีก่อนกำลังเกิดขึ้นที่นี่ปีละหลายครั้ง”
“บางทีมหาสงครามเมื่อสามแสนปีก่อนอาจจะอุบัติขึ้นอีกครั้งก็ได้”
ลู่หยวนคิ้วขมวด “ใครเล่าจะสามารถเริ่มสงครามอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้?”
“มีไม่มาก เจ้าคือหนึ่งในนั้น”
กู้ชิงหรันหันสายตามามองลู่หยวนด้วยสีหน้าลุ่มลึก “ในแผ่นดินหลักแห่งนี้ หากพูดถึงด้านความแข็งแกร่งก็จะมีเพียงสองตระกูลที่สามารถทัดเทียมกันได้”
“หนึ่งคือตระกูลลู่แห่งแดนเหนือ สองคือตระกูลซ่งแห่งตำหนักประตูสวรรค์”
กู้ชิงหรันเคยเดินทางในแผ่นดินหลักมาเป็นเวลานาน ทำให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย
ตอนลู่หยวนมาอยู่ที่หุบเขาบูรพา เบื้องหลังของเขามีสามกองกำลังทรงพลังที่คอยสนับสนุน ประกอบด้วยแดนมัชฌิม หุบเขาบูรพาและแดนเหนือ!
ในแผ่นดินหลัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับการสนับสนุนเช่นนี้
แต่ตำหนักประตูสวรรค์ยังมีกองกำลังจำนวนมากที่คอยลงมือในที่ลับ!
พวกเขากระจายไปตามแดนเหนือ หุบเขาบูรพา แดนมัชฌิม ทะเลใต้และอาณาจักรประจิม
ในหมู่พวกเขา ทะเลใต้และอาณาจักรประจิมแทบจะตกอยู่ภายใต้ตำหนักประตูสวรรค์!
บางครั้งกู้ชิงหรันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหากลู่หยวนเผชิญหน้ากับซ่งชิงผู้อยู่ใต้อาณัติตำหนักประตูสวรรค์ขึ้นมา สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ?
ทว่าความคิดของนางก็ได้รับการยืนยันในไม่ช้า
เพราะทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ลู่หยวนหัวเราะเล็กน้อยหลังจากได้ยินเช่นนี้ “ข้าไม่คิดเช่นนั้น หากมีสงครามขึ้นมาก็มีความเป็นไปได้ที่ความเห็นแก่ตัวของคนผู้หนึ่งจะก่อตัวขึ้น แต่ถ้าแดนเซียนเปิดออกอีกครั้ง ความเห็นแก่ตัวของผู้คนนับหมื่นก็จะทำลายทั่วทั้งแผ่นดิน!”
————————————-