ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 497 โฉวโยวพูดแทงใจดำ
บทที่ 497 โฉวโยวพูดแทงใจดำ
บทที่ 497 โฉวโยวพูดแทงใจดำ
หลังจากวิญญาณชั่วร้ายจิ้งจอกโลหิตเดินออกจากประตูยักษ์โบราณ มันก็แยกเขี้ยวพร้อมกับพ่นลมหายใจสีขาวออกมา
บริเวณใดที่กลิ่นอายสีขาวเคลื่อนผ่าน ก็จะเกิดความหนาวเย็นผิดปกติ แล้วปราณวิญญาณรอบข้างจะถูกพันธนาการเล็กน้อย
ร่างมายาของจิ้งจอกสวรรค์ที่เกิดจากอำนาจจักรพรรดิของเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ไม่ยอมแพ้ มันเงยหน้าขึ้นสูงขณะเผชิญหน้ากับจิ้งจอกโลหิตที่อยู่ไกลออกไปโดยเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ร่างขนาดใหญ่ของจิ้งจอกโลหิตก้มศีรษะเล็กน้อยขณะมองเทียนเม่ยเอ๋อร์ มันระบายลมหายใจออกมา “ทายาทเผ่าจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์หรือ? เหอะ ๆๆ…”
จิ้งจอกโลหิตหันมา ศีรษะขนาดใหญ่ของมันก้มลง แล้วฟันจิ้งจอกที่ไม่สม่ำเสมอกันเต็มไปด้วยคราบโลหิต
ความรู้สึกของการกดขี่ที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันกระแทกเข้าใส่เทียนเม่ยเอ๋อร์
“ในตอนนั้น เผ่าจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์ของเจ้าที่พาข้ากลับมาที่นี่เพื่อขัดขวางไม่ให้เห็นความรุ่งโรจน์มานับหมื่นปี แต่วันนี้ ข้าจะตัดขาดกับเผ่าของเจ้าให้สิ้น!”
สิ้นคำ วิญญาณชั่วร้ายจิ้งจอกโลหิตยื่นกรงเล็บที่แหลมคมประหนึ่งดาบแหลมคมออกมา
ทันใดนั้น จิ้งจอกโลหิตก็กวัดแกว่งไปมา แม้กระทั่งเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็มองตามความเร็วดังกล่าวได้ไม่ชัดเจน
บรรยากาศรอบข้างกำลังกดขี่ลงมาอย่างต่อเนื่อง แล้วพื้นที่ทั้งหลายก็ถูกบดขยี้ก่อนจะแยกออกจากกัน
ก่อนที่จะปะทะกับจิ้งจอกโลหิต กลิ่นอายของเทียนเม่ยเอ๋อร์อ่อนกำลังไปกว่าครึ่ง แล้วร่างกายของนางก็ก้มลงภายใต้แรงกดดันดังกล่าว
“ย้าก!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์คำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะถือกระบี่เอาไว้ ตรงหว่างคิ้วของนางมีเส้นแนวตั้งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก็ทอประกาย
“วิ้ง!”
ฟ้าดินเงียบสงัดชั่วขณะ แล้วกรงเล็บของจิ้งจอกโลหิตที่ตบลงมาถึงกับหยุดนิ่งเล็กน้อย!
อำนาจของเทียนเม่ยเอ๋อร์ยังคงเพิ่มพูนขณะหางปรากฏขึ้นจากด้านหลัง แล้วกลิ่นอายทั่วร่างก็ไปถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
“วิญญาณชั่วร้ายจิ้งจอกโลหิต! ตายซะ!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์ทุ่มกำลังทั้งหมดไปที่กระบี่ยาวในมือ!
พลังในร่างกายของนางพลุ่งพล่านประหนึ่งคลื่นคลั่งในทะเลกว้างใหญ่ ซึ่งตอนนี้ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงเข้ม
คมกระบี่ยาวในมือแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับอำนาจและจิตสังหารอันน่ายำเกรง!
ร่างกระบี่สั่นไหวขณะเจตจำนงเลือนรางทะยานสู่ท้องนภา!
จิ้งจอกโลหิตจะยอมได้อย่างไร?
มันจะมองไม่เห็นกลิ่นอายบนร่างของเทียนเม่ยเอ๋อร์ได้อย่างไร อีกทั้งมันเข้าใจว่ากระบี่ของอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย
ดวงตาของจิ้งจอกโลหิตหรี่ลง แล้วฝ่ามือที่กดลงมาก็เร็วยิ่งขึ้น
เพียงชั่วพริบตา มันก็กดทับลงมาที่ใบหน้าของเทียนเม่ยเอ๋อร์
ในขณะนี้!
เทียนเม่ยเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นขณะดวงตาสีแดงโลหิตเต็มไปด้วยจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุด!
“จิ้งจอกสวรรค์! หนึ่งกระบี่!”
ขณะเทียนเม่ยเอ๋อร์ตะโกนออกมา กระบี่ในมือพลันทะยานออกไปขณะปะทะกับฝ่ามือของจิ้งจอกโลหิตอย่างรุนแรง!
“ตูม! ตูม! ตูม!”
พลังที่แตกต่างกันของทั้งสองระเบิดเข้าด้วยกัน แล้วคลื่นอากาศก็กระจายไปทุกทิศทางอย่างคลุ้มคลั่ง
พลังทั้งสองห้ำหั่นกันโดยไม่มีใครยอมใคร!
จิ้งจอกโลหิตสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของเทียนเม่ยเอ๋อร์ก่อนจะประหลาดใจเล็กน้อย
ในช่วงเวลาที่มันถูกขัง พละกำลังก็ไม่ลดลง มีแต่จะเพิ่มพูน!
เมื่อฝ่ามือนี้ถูกฟาดออกไป หากยึดตามระดับการฝึกยุทธ์ของเทียนเม่ยเอ๋อร์ในตอนนี้ นางไม่น่าจะสามารถขัดขืนได้!
ไม่เพียงแต่นางขัดขืนได้เท่านั้น แต่ยังถึงขั้นมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับอีกฝ่ายด้วย!
เทียนเม่ยเอ๋อร์ถือกระบี่ไว้ด้วยมือทั้งสองพร้อมกับแผ่จิตสังหาร แม้ตอนนี้จะกำลังต่อสู้กับจิ้งจอกโลหิต แต่นางก็ไม่ย่อท้อแต่อย่างใด
นางรู้อยู่แก่ใจว่ามือที่จับกระบี่เอาไว้กำลังสั่นเล็กน้อย
ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป นางคงได้ถึงคราวจบสิ้นเป็นแน่!
แต่ขณะนี้พละกำลังทั้งหมดในร่างถูกใช้เพื่อโจมตีจิ้งจอกโลหิต ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะย้อนกลับได้อีก
ทั้งสองเผชิญหน้ากันเช่นนี้เป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาเต็ม
กลิ่นอายไร้ที่สิ้นสุดยังคงแผ่ซ่านจากบริเวณที่ปะทะกัน สายลมแรงกล้าสั่นสะเทือนราวกับพยายามจะให้ทุกคนที่อยู่รอบข้างมาเกี่ยวข้อง!
ตอนนี้ ภายในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ พวกโฉวโยวได้มาถึงจุดหมายแล้ว ทันทีที่สงบสติลง พวกเขาเห็นซู่เฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ที่จักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์นั่งอยู่เพียงลำพัง
บัลลังก์ดังกล่าวหรูหรายิ่งนัก ใบหน้าเคร่งขรึมของอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งเบื้องล่างของมันคือแอ่งโลหิตกับศพที่กองอยู่บนพื้น
เมื่อคนของจิ้งจอกสวรรค์ผู้มาที่นี่เห็นเช่นนี้ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยโทสะ
พวกเขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของซู่เฟิง?!
สมาชิกเผ่าที่เคยกินอยู่ด้วยกัน บัดนี้กลับกลายเป็นศพไร้ชีวิต!
โฉวโยวยื่นมือออกไปเพื่อระงับโทสะของทุกคนที่อยู่ด้านหลัง “อย่าลืมคำสั่งของจักรพรรดินี!”
ทันทีที่สิ้นคำ ฝูงชนผู้กระวนกระวายต่างตกอยู่ภายในความเงียบ แต่สายตาที่จับจ้องซู่เฟิงยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังราวกับอยากกลืนกินเลือดเนื้อเข้าไป!
ซู่เฟิงไม่เก็บมาคิดใส่ใจขณะเหลือบมองพวกโฉวโยวเล็กน้อย
“ไง แม่ทัพโฉวโยว ไม่ได้เจอกันเสียนาน!”
โฉวโยวมองท่าทีราวกับกุมชัยชนะไว้แล้วของซู่เฟิงขณะเส้นโลหิตปูดโปนบนหน้าผาก
แต่โทสะที่ปกคลุมอยู่ภายในก็ถูกสะกดในทันที
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้สมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ออกมา ไม่ใช่การต่อสู้กับซู่เฟิง!
โฉวโยวถ่ายทอดคำสั่งให้ลูกน้องทั้งหลายทันที
หลังจากได้รับคำสั่ง คนเหล่านี้น้อมรับคำสั่งขณะมุ่งไปที่ที่สมาชิกเผ่ายังมีชีวิตอยู่ จากนั้นก็นำคนเหล่านี้ออกไปนอกเผ่า!
ซู่เฟิงกับคนของเขาไม่ได้ห้ามปราม พวกเขาต่างทราบดีว่าเหตุใดโฉวโยวถึงทำเช่นนี้
การที่จิ้งจองโลหิตยังมาไม่ถึง เป็นไปได้ว่าเทียนเม่ยเอ๋อร์เป็นผู้หยุดมันไว้!
แต่หญิงสาวเช่นนางจะต้านไว้ได้นานสักแค่ไหน?
เหอะ… เกรงว่าเพียงหนึ่งก้านธูปก็คงตกอยู่ในเงื้อมมือของจิ้งจอกโลหิตแล้ว!
ช่วงเวลาที่จิ้งจอกโลหิตสร้างปัญหาไปทั่วโลก ทั่วทั้งแผ่นดินเกิดความปั่นป่วน
แล้วพวกเขาจะปรากฏตัวในฐานะพระผู้ช่วย!
แผนการของซู่เฟิงเป็นไปอย่างราบรื่น!
ขณะมองเผ่าสมาชิกจิ้งจอกสวรรค์ที่ยุ่งวุ่นวาย ซู่เฟิงยิ้มหยันขณะหันมามองโฉวโยวแล้วเอ่ย “โฉวโยว หากเจ้ายอมอพยพมาอยู่กับข้า ข้าจะทำให้เจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่เสียตอนนี้และมีอำนาจเหนือกว่าตระกูลอื่นในภายภาคหน้า รวมถึงได้ยินดีกับความรุ่งโรจน์ทั้งหลาย เจ้าว่าอย่างไร?”
ผู้คนบางส่วนที่อยู่กับซู่เฟิงไม่โกรธกับคำพูดดังกล่าว
ในความเห็นของพวกเขา ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่นี้เป็นเครื่องย้ำเตือนแห่งโชคชะตา!
เหลิ่งเหยียนอยากดำรงตำแหน่งดังกล่าว แต่ตอนนี้เขาอาจจะอยู่ในปากของจิ้งจอกโลหิตแล้วก็ได้
ถ้าตอนนี้โฉวโยวอยากดำรงตำแหน่งขึ้นมา เหอะ… คงไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นเหมือนกัน!
แม่ทัพทั้งหลายผู้อพยพมาอยู่กับซู่เฟิงมองโฉวโยวด้วยสายตาหยอกล้อเล็กน้อย
ในอดีต โฉวโยวมักเหนือกว่าพวกเขา แต่ตอนนี้พวกตนเองได้มีโอกาสมองอีกฝ่ายตายต่อหน้าต่อตา!
“รุ่งโรจน์หรือ?”
โฉวโยวมองไปทางซู่เฟิง “เจ้าจะให้ความรุ่งโรจน์แบบไหนได้?”
“หมายถึงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่จอมปลอมที่เจ้าพูดถึงหรือ?”
โฉวโยวเหลือบมองแม่ทัพที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม “ข้าอยู่ใต้อาณัติของจักรพรรดินี ข้ายังได้รับวาสนาบางส่วน การฝึกยุทธ์ก็มีแต่จะก้าวหน้า แล้วพวกเจ้าได้อะไรบ้าง? ส่วนแบ่งเล็กน้อยที่ซู่เฟิงมอบให้หรือ?”
ทันทีที่สิ้นคำ แม่ทัพทั้งหลายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโฉวโยวก็นิ่งเงียบ สีหน้าของพวกเคร่งขรึม
สิ่งที่โฉวโยวพูดมามีเหตุผล!
ตั้งแต่ติดตามซู่เฟิงจนถึงตอนนี้ นอกจากชื่อเสียงจอมปลอมแล้ว พวกเขาคล้ายกับไม่ได้ผลประโยชน์อะไร!