ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 504 ซู่เฟิงตาย สถานการณ์กลับสู่ความสงบ
บทที่ 504 ซู่เฟิงตาย สถานการณ์กลับสู่ความสงบ
บทที่ 504 ซู่เฟิงตาย สถานการณ์กลับสู่ความสงบ
กลิ่นอายที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงของทั้งสองปะทะกันที่คอของซู่เฟิง โดยปราณอันทรงพลังกวาดผ่านตัวเขาก่อนจะทำการปลิดชีพในไม่ช้า
ทันทีที่โลหิตทะลักออกมา มันก็ถูกพลังรอบข้างทำให้ระเหย!
ขณะร่างของซู่เฟิงล้มลง ลู่หยวนก็ถือง้าวไว้ในมือขวาแล้วยกขึ้นอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนจะเชื่อมกับกระบี่หักของกู้ชิงหรัน
พวกเขาทั้งสองเงยหน้าขึ้นสบตากัน แล้วความรู้สึกแห่งโชคชะตาที่ยากจะอธิบายค่อยปรากฏขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
ตอนนี้พวกเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็มาถึง เมื่อเห็นทั้งสองเผชิญหน้ากันพร้อมอาวุธในมือ พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรขณะมองหน้ากันด้วยดวงตาเล็กบ้างใหญ่บ้าง
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ลู่หยวนจึงเอ่ยว่า “เสมอ”
กู้ชิงหรันย่อมเห็นด้วย ทั้งสองก็ถอนมือพร้อมกัน
พลังมหาศาลทั้งหลายจึงถูกสะกดเอาไว้
เทียนเม่ยเอ๋อร์ก้าวมาข้างหน้าแล้วเอ่ย “นายท่าน”
ลู่หยวนเพียงตอบอืม
ตอนนี้เรื่องจิ้งจอกสวรรค์ได้ข้อยุติแล้ว
ตระกูลจักรพรรดิทั้งห้าแห่งหุบเขาบูรพากับเผ่าพยัคฆ์เมฆาถูกกวาดล้างแล้ว ทำให้เหลือเพียงแม่ทัพเผ่าจูอั้น นาคาทะยานกับมังกรเกล็ด
มีเพียงเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาตระกูลจักรพรรดิทั้งห้า ทั้งพวกเขายังมีจำนวนมหาศาล
ภายในสามดินแดนแห่งหุบเขาบูรพา มีเพียงเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่สามารถยืนหยัดได้
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลังขณะดวงตาจับจ้องไปที่อื่น “หลงเฉียนอวิ๋น หากเจ้ายังเอาแต่ซ่อนตัว ข้าจะดึงเส้นเอ็นและถลกหนังของเจ้า!”
ทันทีที่สิ้นคำ สายลมก็พัดมาแต่ไกลอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียง “พรึ่บ”
หลงเฉียนอวิ๋นคุกเข่าตรงหน้าลู่หยวนอย่างรุนแรง “นายท่าน ข้ามาแล้ว!”
ลู่หยวนหลุบตาขณะมองอีกฝ่าย
หลงเฉียนอวิ๋นกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกสำนึกผิดยิ่ง “นายท่าน คือว่า ข้าแอบดูว่ายังมีหัวขโมยคนอื่นหลงเหลืออยู่หรือไม่! ความจงรักภักดีของข้าที่มีต่อท่านปรากฏชัดทั่วฟ้าดิน! หาได้นั่งบนภูดูเสือกัดกันไม่!”
ลู่หยวนยิ้มหยันขณะจิตสังหารปรากฏในดวงตา “นั่งบนภูดูเสือกัดกันหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้าไม่อาจกล้า!”
หลงเฉียนอวิ๋นโบกมือซ้ำไปมาขณะขาสั่นเทา
ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันเพิ่งทำการต่อสู้อย่างหนักมา เขาเห็นชัดว่าการต่อสู้นั้นทั้งรวดเร็วและทรงพลังแค่ไหน!
หลงเฉียนอวิ๋นถามกับตัวเองว่าหากตนเองคือซู่เฟิงก็อาจจะไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีดังกล่าวได้ จนถึงแก่ความตายในทันที!
หลงเฉียนอวิ๋นถึงกับไม่มีความคิดกบฏอยู่ในหัว ถึงอย่างไรลู่หยวนก็ปลูกถ่ายยันต์เอาไว้ แม้จะไม่ได้สัมผัสเส้นตายของมัน แต่เขาทราบดีว่าไม่มีทางหลบหนีได้
เพียงแต่หลังออกห่างจากลู่หยวนมา เขาก็กลับไปยังดินแดนผู้พิทักษ์
ไม่นานนัก พวกเหลิ่งเหยียนก็กลับมา ตนเองจึงตามพวกเขาเข้าไปในดินแดนจิ้งจอกสวรรค์
เขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น
จนกระทั่งประตูของคฤหาสน์จิ้งจอกโลหิตเปิดออกและลู่หยวนยังไม่กลับมา หลงเฉียนอวิ๋นก็เริ่มมีความคิดอื่นเพิ่มเข้ามา
เขาอยากทราบว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะไปจบลงที่ใด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เข้าไปก้าวก่าย และลู่หยวนก็กลับมาแล้ว ตนเองจึงยิ่งไม่จำเป็นต้องสอดมือเข้าไปยุ่ง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เกิดลังเลเล็กน้อยด้วยไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จึงสมควรที่จะปรากฏตัวออกไป
คาดไม่ถึงว่าลู่หยวนจะพลันตะโกนออกมา ทำเอาเขาตกตะลึงไม่น้อย
ลู่หยวนชำเลืองมองหลงเฉียนอวิ๋นด้วยสายตาเหยียดหยันแล้วเอ่ยว่า “นับจากนี้ไป เจ้าต้องอยู่ใต้อาณัติของจิ้งจอกสวรรค์และกลายเป็นผู้นำ หากภายภาคหน้ามีลูกหลาน พวกเขาทั้งหมดจะต้องรับใช้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์เช่นกัน”
ทันทีที่ได้ยินลู่หยวนมอบหมายหน้าที่ให้ หลงเฉียนอวิ๋นก็ทราบทันทีว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดจะฆ่าอีกแล้ว เขาจึงรีบพยักหน้าทันที
แม้จะเป็นหนึ่งในอดีตจักรพรรดิของตระกูลจักรพรรดิทั้งห้า แต่ตอนนี้กลับต้องยอมจำนนต่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ คนอื่นอาจคิดว่าหลงเฉียนอวิ๋นจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน
แต่ในความจริง เขากลับยอมแต่โดยดี!
มันคือการรับใช้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ซึ่งพวกเขาต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับลู่หยวนไม่ใช่หรือ?
ถึงอย่างไรเขาก็รับใช้ลู่หยวนอยู่แล้ว!
นานวันเข้า พละกำลังของลู่หยวนยิ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อหลงเฉียนอวิ๋น!
ราชาจิ้งจอกโลหิตถูกอีกฝ่ายสังหารด้วยง้าว!
ด้วยพละกำลังเช่นนั้น เขาจึงกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในแผ่นดินหยวนหง!
แบบนี้จะไม่ให้เกาะต้นขาได้อย่างไร?!
เพียงแต่หลังจากนี้เขาเป็นเพียงแม่ทัพที่ต้องอยู่ใต้อาณัติเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จากรุ่นสู่รุ่น
แต่ถ้าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของลู่หยวนในอนาคตเป็นผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียว พวกเขาจะต้องจัดระเบียบหุบเขาบูรพาเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมา!
ถ้าอย่างนั้นในฐานะสุนัขรับใช้ เขาก็น่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชาข้าราชบริพารใช่หรือไม่?!
ถึงตอนนั้น ในบรรดาตระกูลทั้งหลายในหุบเขาบูรพา เขาก็จะถูกมองว่าด้อยกว่าหนึ่งคนแต่เหนือกว่านับหมื่นคน!
การเป็นจักรพรรดิในหมู่เผ่ามังกรเกล็ดย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ?!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลงเฉียนอวิ๋นก็รู้สึกว่าสถานการณ์กำลังเป็นใจ!
หลงเฉียนอวิ๋นพยักหน้าอย่างหนักแน่น “น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”
ลู่หยวนไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวที่เหลือมากจนเกินไป เขาเพียงปลูกถ่ายเครื่องหมายทาสให้กับคนรุ่นหลังของเผ่าจูอั้น เผ่านาคาทะยาน และหลงเฉียนอวิ๋น
ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดิทั้งสามล้วนอยู่ใต้อาณัติจิ้งจอกสวรรค์จนกลายเป็นแม่ทัพตัวน้อย
บัดนี้ไม่มีใครที่ไม่พอใจ พวกเขาต่างมองเห็นสถานการณ์ภาพรวมอย่างชัดเจน
หลังจากประสบกับสถานการณ์ดังกล่าว ตระกูลจักรพรรดิทั้งสี่ก็แพ้พ่าย ส่วนตระกูลน้อยใหญ่ที่เหลือก็พร้อมจะเคลื่อนไหว
แม้จิ้งจอกสวรรค์จะยิ่งแข็งแกร่ง แต่จำนวนพวกเขายังน้อยเกินไป
ลู่หยวนเกียจคร้านเกินกว่าจะอยู่ที่นี่นานเกินไป เขาจึงขอให้ไป๋ชิวเอ๋อร์อยู่ที่นี่เพื่อช่วยเทียนเม่ยเอ๋อร์พิชิตดินแดนที่เหลือ
พวกหลงเฉียนอวิ๋นก็ถูกทิ้งไว้เพื่อช่วยป้องกัน
ส่วนจิ้งจอกโลหิตหลายสิบตัวก็ถูกปลูกถ่ายเครื่องหมายทาสก่อนจะยอมอยู่ในดินแดนจิ้งจอกสวรรค์แต่โดยดี
ดังที่จูอั้นว่า… ซากปรักหักพังที่ซ่งชิงพูดถึงยังไม่เปิดออกในตอนนี้
ในระหว่างนี้ เขาบังเอิญไปเยี่ยมราชวงศ์อู๋ซวงของฉินอี่หาน
ค่าโชคชะตาของราชวงศ์ดังกล่าวอยู่ที่เก้าแสน!
หากช่วยฉินอี่หานยึดครองราชวงศ์นี้จะขึ้นครองบัลลังก์ได้ ลู่หยวนก็จะสามารถดึงค่าโชคชะตาเก้าแสนแต้มนี้ได้!
ลู่หยวนตระเตรียมเล็กน้อยขณะมุ่งหน้าไปราชวงศ์อู๋ซวงพร้อมกับฉินอี่หานกับกู้ชิงหรัน
ราชวงศ์อู๋ซวงนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงเมื่อหลายปีก่อน แม้จะไม่โด่งดังเท่าจักรวรรดิแดนมัชฌิม แต่ก็ยังดึงดูดให้ผู้คนทั้งหลายต้องเคารพยำเกรงยามเอ่ยชื่อดังกล่าวขึ้นมา
เพียงแต่สงครามกลางเมืองที่ผ่านมา คือช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งภายในอันแสนวุ่นวาย ทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายถึงแก่ความตายจากการต่อสู้ครั้งนี้
มันยังทำให้อำนาจของราชวงศ์อู๋ซวงเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถฟื้นคืนได้
ทุกวันนี้ราชวงศ์อู๋ซวงยังถือว่าอยู่ในสภาพกึ่งเก็บตัว พวกเขาค่อยปลีกตัวออกจากโลกและเคลื่อนไหวเพียงลำพัง
ทว่าแม้จะอยู่ในสภาวะกึ่งเก็บตัว แต่ตำแหน่งของราชวงศ์อู๋ซวงก็ยังพบเจอได้ง่าย
พวกลู่หยวนมาถึงดินแดนของราชวงศ์อู๋ซวงหลังจากเดินทางมาได้ห้าวัน
กำแพงเหล็กสูงที่นี่ปกป้องเมืองหลายสิบแห่งเอาไว้ด้านหลัง
กำแพงสูงชันดังกล่าวมียามประจำการ พวกเขาล้วนสวมเกราะสีทองกับหมวกเหล็ก ในมือถือหอกยาวเอาไว้ ภายใต้แสงเย็นเยือกจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบกับชุดดังกล่าว มันช่างดูโอ่อ่ายิ่งนัก!
คนเดินเท้าเข้าออกเมืองทุกคนจะต้องได้รับการตรวจสอบ
หลังจากฉินอี่หานเห็นเมืองนี้ ดวงตาของนางก็แดงก่ำขณะมือสีขาวราวกับหยกกุมไว้มั่น แล้วความขุ่นเคืองยังคงรวมตัวอยู่ภายใน
ลู่หยวนตบบ่าเพื่อปลอบประโลมอีกฝ่าย
ฉินอี่หานสูดหายใจเข้าแล้วเอ่ยว่า “นายท่านไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร”
ลู่หยวนส่งเสียงอืมก่อนจะนำผู้หญิงทั้งสองมาถึงกำแพงเมือง
กลุ่มคนที่เพิ่งรวมตัวตรงหน้ายามประจำการเกราะทองเพื่อรอการตรวจสอบก็พากันแข็งทื่อคล้ายกับพูดไม่ออก จากนั้นก็หยิบภาพเหมือนออกมา เมื่อทำการเปรียบเทียบอย่างดีแล้ว ผู้นำคนหนึ่งก็คุกเข่าให้ลู่หยวน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ท่านยังปลอดภัยดี!”