ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 507 ดวงตาของค่ายกล
บทที่ 507 ดวงตาของค่ายกล
บทที่ 507 ดวงตาของค่ายกล
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่หยวน กู้ชิงหรันก็คิ้วขมวดเล็กน้อย คนอื่นอาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่นางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
โครงสร้างของวังแห่งนี้ค่อนข้างซับซ้อน ด้วยกลิ่นอายอันแรงกล้าของค่ายกล ทำให้ดวงตาของค่ายกลนี้กลายเป็นแกนกลางของมันทั้งหมด
กระดานปราณวิญญาณเจ็ดดารานี้คือปราณวิญญาณที่มีความเข้มข้นมากที่สุดในห้องโถง ที่สามารถรักษาการหมุนของค่ายกลทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
มันจะต้องเป็นดวงตาของค่ายกลไม่ผิดแน่!
ขอเพียงสามารถทำลายมันได้ ค่ายกลนี้ก็นับว่าไร้ประโยชน์!
ลู่หยวนเดินมาอยู่ข้างกายกู้ชิงหรันขณะกุมมือเรียวเล็กของอีกฝ่ายไว้ด้วยมือขนาดใหญ่
สีหน้าของกู้ชิงหรันแข็งทื่อ แม้จะขัดขืนเล็กน้อยก็ไม่อาจสลัดหลุดไปได้ ดังนั้นนางจึงปล่อยให้ลู่หยวนกุมมือเอาไว้
ลู่หยวนกุมมือของกู้ชิงหรันขณะวางบนกระดานปราณวิญญาณเจ็ดดารา แล้วอำนาจมังกรก็กระจายออกจากร่างของเขาในทันทีพร้อมกับที่เนตรเทวะปรากฏ
ไม่ว่าอำนาจมังกรผ่านไปที่ใด สรรพสิ่งก็จะต่างออกไปในเนตรเทวะของลู่หยวน!
ส่วนกู้ชิงหรันสามารถมองเห็นสิ่งที่ลู่หยวนประสบในครั้งนี้ได้ เนื่องจากการแบ่งปันของเขา
สรรพสิ่งในวังแห่งนี้จางหาย อิฐและหินทุกก้อนกลายเป็นควันธุลีในบัดดล สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างใต้คือชั้นปราณวิญญาณที่กำลังแผ่ขยายออกมา!
ท่ามกลางกระดานปราณวิญญาณเจ็ดดารามีปราณวิญญาณหมุนวนมากที่สุด!
แต่ในส่วนที่เหลือ รวมถึงทุกหนแห่งภายในวัง ไม่เว้นแม้กระทั่งหินและอิฐที่นี่ถึงกับมีปราณวิญญาณซุ่มซ่อนอยู่
เพียงแต่ปราณวิญญาณเหล่านี้เป็นเพียงร่องรอยที่ไม่เด่นชัดเท่านั้น
หากเศษเสี้ยวเหล่านี้รวมตัวกัน มันก็จะกลายเป็นปราณวิญญาณที่มีจำนวนมากกว่าในกระดานปราณวิญญาณเจ็ดดารา!
“วังแห่งนี้คือค่ายกลขนาดใหญ่ ทั่วทุกหนแห่งของที่นี่คือดวงตาของค่ายกล!”
หลังจากสิ้นคำของลู่หยวน กู้ชิงหรันก็คิ้วขมวด ผ่านไปหลายอึดใจ เขาจึงค่อยคลายมือ
“แค่โจมตีมันก็พอเพื่อดูว่าพลังต่อสู้มีมากแค่ไหน แล้วเจ้ากับข้าค่อยกวาดล้างไปด้วยกัน”
กู้ชิงหรันพลันเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา
ลู่หยวนเห็นด้วย
ลู่หยวนสามารถลงมือตอนนี้เลยก็ได้ หากเขากับกู้ชิงหรันผนึกกำลังกันเพื่อปลดปล่อยพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดออกมา ต่อให้เป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ฉินเซียวหรือราชวงศ์อู๋ซวงก็ไม่รอด
แต่ลู่หยวนต้องห้ามใจเอาไว้ นั่นเพราะเขาอยากเห็นว่ามีคนที่สาบานว่าจะจงรักภักดีไปจนวันตายต่อฉินเซียวมีกี่คน
ยิ่งไปกว่านั้น การค้นหาและฆ่าพวกเขาทีละคนมันออกจะยุ่งยากเกินไป สู้ให้มาอยู่รวมกันไม่ดีกว่าหรือ!
ผู้แข็งแกร่งมากมายในโลกนี้มีมากเทียบเท่ากับปลาไนในน้ำ ต่อให้ทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวงถูกกวาดล้างโดยลู่หยวน เขาก็ยังมีวิธีที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายอพยพมาอยู่ที่นี่ได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่หยวนก็พลันนึกขึ้นได้ว่าหากพลังต่อสู้โดยรวมของราชวงศ์อู๋ซวงแห่งนี้เพิ่มขึ้น ค่าโชคชะตาก็เหมือนจะเพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน
นี่เป็นสถานที่ที่ดีต่อการเลี้ยงขนแกะ!
ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันสนทนากันสักพัก ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปของเรื่องราว
อีกด้าน ฉินอี่หานกลับมามีสติอีกครั้ง นางสับสนกับสิ่งที่ลู่หยวนและกู้ชิงหรันพูด ทำให้ไม่มีทางเลือกนอกจากรอคอยอย่างเงียบงัน
เมื่อมองดูร่างของลู่หยวนกับกู้ชิงหรัน ฉินอี่หานก็ประหลาดใจเล็กน้อย
ตอนลู่หยวนไปสำนักอักขระสวรรค์เพื่อต่อสู้ชิงตำแหน่งเจ้าสำนักน้อย ฉินอี่หานยังรู้สึกว่าแม้เขาจะมีพรสวรรค์มากแต่ก็ใช่ว่าจะไกลเกินเอื้อม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสำเร็จของอีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ยอดฝีมือรอบข้างก็ยิ่งเพิ่มตามมากเท่านั้น!
ฉินอี่หานพลันรู้สึกว่าตนเองผู้ยังคงยืนหยัดอยู่ข้างลู่หยวนได้ในตอนแรกกลับมองไม่เห็นย่างก้าวของอีกฝ่ายอีกแล้ว
“ฉินอี่หาน”
ลู่หยวนพลันเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติของนางกลับมา
“เข้ามา!”
ฉินอี่หานก้าวไปข้างหน้าทันที
ลู่หยวนหันหลังแล้วเดินออกมา จากนั้นหยิบกระบี่ยาวมาวางไว้ในมือของฉินอี่หาน “กระบี่เล่มนี้เอาไว้ฆ่าฉินเซียว!”
หัวใจของฉินอี่หานพลันรู้สึกร้อนผ่าว แล้วความขุ่นเคืองทั้งหลายที่สั่งสมมาหลายปีก็ปะทุออกมาในตอนนี้!
นางกุมกระบี่ไว้มั่นขณะเหลือบมองไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกร้อนรุ่ม “ทราบแล้ว!”
หลังจากลู่หยวนกับกู้ชิงหรันจัดระเบียบสักพัก พวกเขาก็หาที่นั่งรอให้ฉินเซียวมาถึง
ฉินอี่หานก็หาที่รอคอยอย่างเงียบงันเช่นกัน
…
ในวังที่งดงามมากที่สุดของราชวงศ์อู๋ซวง ฉินเซียวกำลังดื่มสุราอย่างมีความสุข
เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างต่างก้มศีรษะด้วยสีหน้าเป็นกังวล
พวกเขาล้วนเป็นคนที่เลือกยืนอยู่ข้างฉินเซียวในช่วงสงครามกลางเมือง ทำให้ตอนนี้สามารถดำรงตำแหน่งทางการในเมืองและเพลิดเพลินกับทรัพยากรได้
หากฉินเซียวถูกผลักออกจากบัลลังก์ ชีวิตในตอนนี้ของพวกเขาย่อมไร้ค่า!
ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วในที่สุดก็มีคนหนึ่งก้าวออกมาแล้วเอ่ย “ฝ่าบาท… ท่านจะยอมสละบัลลังก์จริงหรือ?”
ฉินเซียวกลืนสุราในปากเข้าไปขณะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ “ใช่แล้ว ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าฉินอี่หานได้รับการปกป้องจากลู่หยวน ไม่มีใครในราชวงศ์นี้ที่สามารถเทียบเคียงพลังต่อสู้ของเขาได้หรอก!”
ขุนนางผู้นั้นเงยหน้าทันที “ฝ่าบาท หากท่านสละบัลลังก์ ฉินอี่หานไม่มีทางปล่อยไปแน่!”
ฉินเซียวยิ้มแล้วเอ่ย “ช่างเถอะ ลู่หยวนตกปากรับคำข้าแล้ว ในเมื่อเขาไม่ฆ่าข้า มันก็ไม่ส่งผลต่อเชื้อสายแม้แต่น้อย เพียงแต่ข้าจะไม่ได้อยู่ในราชวงศ์อู๋ซวงก็เท่านั้น”
ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างมองหน้ากัน
อีกคนก้าวมาข้างหน้าพร้อมประสานมือทำความเคารพ จากนั้นจึงเอ่ย “ข้าขอบังอาจถามฝ่าบาท หากท่านมีข้อตกลงแล้ว และพวกข้าเล่า?”
สุดท้ายแล้ว คนเหล่านี้ถึงกับไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนครองบัลลังก์ พวกเขาสนเพียงว่าผู้นั่งบัลลังก์จะให้ผลประโยชน์สูงสุดได้มากน้อยแค่ไหน!
พวกเขาไม่ได้ถูกเลือกตอนพ่อของฉินอี่หานเป็นจักรพรรดิ อีกฝ่ายทำการแต่งตั้งคนของตนขึ้นมา ทำให้ทรัพยากรสูญหายไปที่อื่น
เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความวิกฤต ซึ่งตอนนั้นเองที่ฉินเซียวมาชักชวนจนเกิดการยอมจำนน ท้ายที่สุดในช่วงสงครามกลางเมือง พวกตนเองก็ต่อสู้เพื่อฉินเซียวและคุ้มกันเขาไปตลอดทางจนขึ้นครองบัลลังก์จักรพรรดิได้สำเร็จ!
หากมีการเปลี่ยนแปลงจักรพรรดิในตอนนี้ นั่นหมายความว่าทรัพยากรจะถูกแจกจ่ายกันใหม่อีกครั้ง
หากทรัพยากรมีจำนวนเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นภายใต้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว พวกเขาย่อมไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน ไม่ว่าฉินอี่หานหรือใครจะเป็นจักรพรรดิก็ช่าง พวกเขาก็พร้อมที่จะก้มศีรษะเพื่อประกาศตนเป็นข้ารับใช้
แต่ถ้าฉินอี่หานกลายเป็นจักรพรรดิ นางจะต้องให้พวกเขาชดใช้ในสิ่งที่เคยทำเอาไว้อย่างแน่นอน!
ถึงตอนนั้น… เหอะ ๆ อย่าโทษพวกเขาที่ผนึกกำลังกันต่อสู้เสียล่ะ!
ฉินเซียวยังคงดื่มสุรา ซึ่งภายใต้ฝาขวดดังกล่าว ไม่มีใครมองเห็นรอยยิ้มบางในแววตาของเขา
ฉินเซียวเข้าใจนิสัยของสุนัขเฒ่าเหล่านี้เป็นอย่างดี
จงรักภักดีอะไรกัน? มันก็แค่เรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น
ทว่าฉินเซียวไม่สนใจที่จะบ่มเพาะความจงรักภักดีอยู่แล้ว
เพราะมีผลประโยชน์จึงไม่มีการทรยศ แม้กระทั่งผู้คนยังยอมสละชีวิตเพื่อจะได้รับใช้ตัวเอง!
ฉินเซียวหลุบตาขณะดื่มสุราจนหมด จากนั้นจึงโยนขวดออกไปพลางลุกขึ้น สายตาของเขาเหลือบมองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เพิ่งให้สัญญาว่าจะไม่ฆ่าข้า ข้าเดาว่าเขาคงไม่ทำการสังหารหมู่หรอก แต่ถ้าไม่สบายใจก็ลองไปถามดู”
ไปถามหรือ?
คนกลุ่มนี้รู้จักลู่หยวนเช่นกัน!
ตั้งแต่ลู่หยวนออกมาจากแดนเหนือ ไม่อาจทราบได้ว่ามีผู้คนล้มตายในแดนมัชฌิมกับหุบเขาบูรพาไปตั้งเท่าไหร่!
ทั่วทั้งแดนมัชฌิมถูกกวาดล้าง จักรพรรดิเกือบต้องลงจากตำแหน่ง ตระกูลเกือบทั้งหมดก็ถูกทำลายจนสิ้น!
ส่วนหุบเขาบูรพาเดิมมีเผ่าจักรพรรดิทั้งห้า ทว่าตอนนี้กลับเหลือเพียงเผ่าเดียว อีกสี่เผ่าถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว!
แบบนี้ยังจะให้ไปถามราชาแห่งนรกอีกหรือ?!
ให้ถามอันใด?
ราวกับให้ถามว่าอยากตายอย่างไรน่ะหรือ?!