ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 516 ฉินอี่หานครองบัลลังก์
บทที่ 516 ฉินอี่หานครองบัลลังก์
บทที่ 516 ฉินอี่หานครองบัลลังก์
ฉินอี่หานถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความผันผวน!
อำนาจจักรพรรดิของลู่หยวนจองจำฉินเซียวเอาไว้!
แม้อีกฝ่ายอยากขัดขืน แต่เขาก็ทำไม่ได้!
ขุนนางเหล่านั้นที่เดิมจะช่วยฉินเซียวกลับถูกอำนาจจักรพรรดิของลู่หยวนกำราบจนไม่สามารถขยับได้
ลู่หยวนคิ้วขมวดขณะก้มมองฉินเซียว ภูตผีน้อยเหล่านั้นที่ถูกโยนออกไปกำลังรีบรุดกลับมา!
กระบี่หักของกู้ชิงหรันฟาดฟันโลหิตครึ่งหยดที่ลู่หยวนทิ้งเอาไว้ อำนาจหนึ่งก็พลันพลุ่งพล่านออกมา กระบี่ของนางมีเจตจำนงมหาวิถีซึ่งเทียบเคียงกับวิถีสวรรค์กระจายออกไป
ร่างของกู้ชิงหรันวูบไหว ยามสัมผัสกับพื้นด้วยเท้าสีขาวราวกับหยก นางก็มาอยู่ตรงหน้าพวกลู่หยวนขณะขวางทางภูตผีน้อยเหล่านั้น
ภูตผีเหล่านี้ไม่สนว่าใครกำลังขวางทาง พวกมันต่างพยายามสังหารลู่หยวนด้วยกรงเล็บและฟัน!
เคล็ดกระบี่ในมือของกู้ชิงหรัน ปราณกระบี่นับพันพลันเคลื่อนลงมา แล้วมหาวิถีที่เปิดโดยลู่หยวนก็ปกคลุมทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวงในพริบตา!
ภายใต้การเสริมพลังจากชะตาของกู้ชิงหรัน นางถึงกับยกระดับมหาวิถีที่เปิดโดยลู่หยวนไปสู่ระดับใหม่!
ในโลกใบนี้ วิถีสวรรค์ถึงกับมีความตั้งใจจะล่าถอยออกไป!
ภูตผีน้อยที่ถูกปกคลุมเอาไว้ล้วนถูกพันธนาการในพริบตา กลิ่นอายทรงพลังก็ระเบิดพวกมันและบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
เหนือห้วงอากาศ ลู่หยวนถือดาบสามคมฉิวหลงด้วยสีหน้ามุ่งร้าย
“ฟัน”
คำพูดอันแผ่วเบาของเขาประหนึ่งทวยเทพกำลังประกาศชะตากรรม!
ทั่วราชวงศ์อู๋ซวงได้ยินคำพูดนี้ที่กระจายออกไป แม้จะไม่มีแรงกดดัน แต่ผู้คนภายในนั้นต่างรู้สึกได้ถึงการกดขี่จากผู้ปกครองโลกที่นี่!
ฉินอี่หานเม้มริมฝีปากขณะจิตสังหารปรากฏในดวงตา จากนั้นจึงฟาดฟันกระบี่ออกไป!
“พรวด!”
โลหิตสาดกระเซ็น
ศีรษะของฉินเซียวถูกสะบั้นก่อนจะตกลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขากระตุกสักพักก่อนจะล้มลง
จักรพรรดิผู้เคยปกครองทั่วราชวงศ์อู๋ซวงมานานกว่าสิบปีถูกจบชีวิตที่นี่!
“วิ้ง!”
เส้นชีพจรจักรพรรดิที่มีเอกลักษณ์ของราชวงศ์อู๋ซวงพลันสั่นไหว จากนั้นจึงปรากฏจากร่างของฉินเซียวอีกครั้ง ฉินอี่หานไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนจะกุมมันไว้ในมือ!
เพียงชั่วพริบตา แสงสีทองก็ปกคลุมทั่วร่างฉินอี่หาน!
ฉินอี่หานนั่งขัดสมาธิ แล้วคลื่นอากาศสีทองก็เคลื่อนเข้าหานางจากทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวง!
การกดขี่ของลู่หยวนและกู้ชิงหรันค่อย ๆ หายไป เจตจำนงของมหาวิถีก็จางหายเช่นกัน!
พวกอู่กังไม่ถูกกดขี่อีกต่อไปขณะหลุดพ้นจากการจองจำทีละคน พวกเขามองพวกลู่หยวนด้วยสายตาหวาดกลัวเล็กน้อย
พวกเขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าตอนนี้ลู่หยวนเป็นผู้ไร้เทียมทาน!
ขนาดฉินเซียวยังต้องลงมืออย่างละเอียดรอบคอบ
พูดตามตรง สิ่งที่พวกเขาคิดได้และคิดไม่ได้ ฉินเซียวล้วนกลั่นกรองมาหมดแล้ว
เมื่อรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน ผู้ที่บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบจึงจะสามารถคงอยู่ได้
แต่แล้วตอนนี้เล่า?
ลู่หยวนถึงกับรวมพลังที่เทียบเคียงกับวิถีสวรรค์ได้ แล้วพวกเขายังจะทำอะไรได้อีก!
หากพวกเขาทราบว่าลู่หยวนเป็นแบบนี้ เหตุใดถึงยังต้องไปข้องเกี่ยวกับฉินเซียวด้วยเล่า?
พวกเขาผลักไสฉินเซียวออกไปทีละคนขณะคุกเข่าอยู่ข้างนอกเพื่อรอให้พวกลู่หยวนเข้ามา
อู่กังชั่งน้ำหนักสถานการณ์ก่อนจะตระหนักได้ว่าขัดขืนตอนนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าไปทางลู่หยวนทันที “บุตรศักดิ์สิทธิ์ไว้ชีวิตด้วย!”
คนที่เหลือล้วนคุกเข่าทีละคนขณะสักการะลู่หยวน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ไว้ชีวิตด้วย!”
เสียงของคนเหล่านี้ดังกว่าทุกเสียงราวกับกลัวว่าลู่หยวนจะไม่ได้ยิน
ลู่หยวนไม่คิดใส่ใจกับคนเหล่านี้ เขาเพียงรอให้ฉินอี่หานกำราบเส้นชีพจรจักรพรรดิ
คนเหล่านี้ไม่กล้าเอ่ยอะไรขณะทำการคุกเข่า
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินอี่หานพลันลืมตาขณะกลุ่มอำนาจจักรพรรดิกระจายออกไป แล้วพวกมันก็ครอบคลุมทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวง!
ตอนนี้ผู้คนทั้งหลายของราชวงศ์อู๋ซวงคุกเข่าสักการะอีกครั้ง พวกเขาทราบดีว่าวันนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง จักรพรรดิได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกหน!
และสตรีผู้นี้ซึ่งคล้ายกับอดีตจักรพรรดิได้คว้าเส้นชีพจรจักรพรรดิก่อนจะขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้ง
ยามนี้ขุนนางบาปหนาที่กำลังคุกเข่ากลายเป็นคนฉลาดขึ้นมา
พวกเขาสักการะฉินอี่หานทีละคน “ฝ่าบาทได้รับเส้นชีพจรจักรพรรดิแล้ว! ท่านคือผู้ปกครองโลก!”
“ยามฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ ท่านจะได้รับการสืบทอดเจตจำนงของจักรพรรดิคนเก่าเพื่อนำราชวงศ์อู๋ซวงไปสู่จุดสูงสุดของแผ่นดินอีกครั้ง!”
“ฝ่าบาทยังเยาว์วัยและมีความสามารถ นับเป็นพรสำหรับราชวงศ์อู๋ซวงอย่างแท้จริง!”
คำพูดประจบประแจงไหลหลั่งมาทีละคน
ไกลออกไป คลื่นฝูงชนต่างไหลหลั่งเข้ามา “ฝ่าบาทครองบัลลังก์ ราชวงศ์อู๋ซวงกลับคืนสู่แผ่นดิน!”
ฉินอี่หานเหลือบมองผู้คนซึ่งอยู่ไกลออกไป
นางพลันรู้สึกต่างออกไป ภายในดวงตาไร้ซึ่งความผันผวน เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็มีกลิ่นอายจักรพรรดิแผ่ซ่านออกมา ทำให้ทุกคนตกตะลึงและยำเกรง
ฉินอี่หานถอนสายตากลับขณะเคลื่อนลงมาหาลู่หยวนอย่างเชื่องช้า นางก้าวเดินออกมาก่อนจะลงตรงหน้าเขา จากนั้นจึงโค้งคำนับ
“นายท่าน”
แม้น้ำเสียงของนางจะไม่ดัง แต่ก็แสดงให้เห็นท่าทียอมจำนน
ขุนนางผู้ยังคงเขินอายและเปลี่ยนชีวิตด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำล้วนหุบปากแล้วไม่เอ่ยคำใด
พวกเขาเข้าใจดีว่าฉินอี่หานหมายถึงอะไร
เบื้องหน้าผู้คนนั้น สิ่งแรกที่ฉินอี่หานทำหลังจากพิชิตเส้นชีพจรจักรพรรดิได้ ไม่ใช่ทำการสั่งสอนเสียงดังหรือสังหารผู้คนเพื่อสร้างอำนาจ แต่เป็นการสักการะลู่หยวน!
ความหมายของการยอมจำนนนี้สื่อไปถึงทุกคนในราชวงศ์อู๋ซวง
ต่อให้ฉินอี่หานกลายเป็นจักรพรรดิ แต่ก็ยังมีจักรพรรดิที่สามารถครอบครองทุกสิ่งในราชวงศ์อู๋ซวงแห่งนี้ได้!
นั่นก็คือ… ลู่หยวน!
ขณะนี้ลู่หยวนยกยิ้มเล็กน้อย
เสียงของระบบดังขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
[แจ้งเตือนจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ช่วยฉินอี่หานยึดเส้นชีพจรจักรพรรดิจนขึ้นครองบัลลังก์ราชวงศ์อู๋ซวงได้สำเร็จ!]
[บัดนี้ค่าโชคชะตาเก้าแสนแต้มจะถูกจัดสรรให้กับท่าน ระบบขอเน้นย้ำอีกครั้งว่ายามท่านดึงค่าโชคชะตาของราชวงศ์ออกมาจนถึงระดับหนึ่ง ราชวงศ์จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติหรือเกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น รวมถึงศัตรูจากกองกำลังภายนอก!]
[หากปริมาณที่ถูกดึงออกมามากเกินไป ทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวงจะแตกสลายแล้วเส้นชีพจรจักรพรรดิก็จะหายไป!]
หลังจากลู่หยวนได้ยินเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้คิดจริงจังมากเกินไป
มันก็แค่เส้นชีพจรจักรพรรดิ ถ้าหายก็ปล่อยให้หายไป แค่หาใหม่ก็พอแล้ว
ค่าโชคชะตาเก้าแสนแต้ม!
หึ…
ลู่หยวนพลันคิดว่าความรู้สึกของการร่ำรวยเช่นนี้มันช่างดียิ่งนัก!
“แค่กแค่กแค่ก…”
ไม่ทราบว่ากู้ชิงหรันมายืนอยู่ข้างลู่หยวนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นางไอเล็กน้อยเพื่อเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา
“มาจบเรื่องนี้กันก่อน จากนั้นค่อยกลับไปฝันหวานอีกรอบ”
น้ำเสียงของกู้ชิงหรันสงบ
ลู่หยวนกลับมามีสติก่อนจะยื่นมือไปผยุงฉินอี่หานขึ้นมา
เขาเหลือบมองคนบาปเหล่านั้นที่กำลังคุกเข่ากับพื้นขณะตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนจะยิ้มหยันออกมา “เจ้าจัดการเรื่องที่เหลือต่อตามสมควร หากต้องการอะไรก็ไปหาพวกเสวียนเทียนชวนได้”
“ทราบแล้ว!”
ฉินอี่หานตอบรับด้วยความเคารพ