ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 520 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน
บทที่ 520 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน
บทที่ 520 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน
หลังจากลู่หยวนกลับไปที่หุบเขาบูรพา เขาก็อยู่ในดินแดนจิ้งจอกสวรรค์ ตอนนี้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในหุบเขาบูรพานับว่าไร้เทียมทาน เผ่าพันธุ์ทั้งหลายต่างยอมก้มหัวให้
ส่วนปัญหากำลังคนไม่พอ ไม่เพียงแต่แดนมัชฌิมจะให้การช่วยเหลือครั้งใหญ่เท่านั้น แต่ตระกูลลู่กับสำนักอักขระสวรรค์แห่งแดนเหนือก็ส่งคนมาคุ้มกันด้วยเช่นกัน
หลายวันผ่านไป ในค่ำคืนหนึ่ง ปฐพีพลันสั่นไหว
ทั่วทั้งพื้นที่แดนมัชฌิมคล้ายกับรู้สึกได้ถึงพลังแปลกประหลาด แล้วดวงอาทิตย์เจิดจ้าที่ครั้งหนึ่งเคยถูกบดบังก็กลับมาส่องแสงอีกครั้ง!
ฉากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนปรากฏขึ้นเหนือท้องนภา!
ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่หุบเขาบูรพาเท่านั้น แม้กระทั่งทั่วแผ่นดินหยวนหงก็สั่นสะเทือน!
ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์คล้อยลงมาทั้งซ้ายขวาขณะส่องแสงเจิดจ้าอยู่เหนือห้วงอากาศ ราวกับทั้งสองกำลังประชันกันโดยไม่มีใครยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน!
ยามนี้สัตว์ประหลาดเฒ่านับไม่ถ้วนผู้เคยเก็บตัวต่างออกมาขณะมองไปยังสถานที่ที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์สาดแสงพร้อมกันอยู่ไกลลิบ!
แดนมัชฌิม
บรรพชนของตระกูลหลิงยืนอยู่กลางอากาศขณะหมุนหอกที่อยู่ใต้เท้า โดยทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังมหาศาล
“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน อีกทั้งยังมีอำนาจมากพอที่จะยึดครองผืนฟ้า หมายความว่าจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในใต้หล้าเป็นแน่!”
หลิงอวิ๋นยืนอยู่ข้างกายด้วยความเคารพโดยมีหอกอยู่ใต้เท้า นางสวมชุดสีแดงประหนึ่งเปลวเพลิงขณะเจตจำนงหอกที่เข้าใกล้วิถีสวรรค์กำลังหมุนวนไปมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงอวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “แม้ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์จะแก่งแย่งกัน แต่ระหว่างพวกมันก็เป็นดวงอาทิตย์ที่แผดเผาได้ร้อนแรงที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ดวงจันทร์จะเจิดจ้าก็ต้องแพ้พ่ายในท้ายที่สุด”
บรรพชนตระกูลหลิงพลันแย้มยิ้ม “ดวงอาทิตย์แผดเผาได้ร้อนแรงที่สุดหรือ? เกรงว่ามันจะไม่ใช่เช่นนั้น…”
หลังจากสิ้นคำ บรรพชนตระกูลหลิงก็หุบยิ้มขณะเงยหน้ามองไปทางที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน “หากดวงอาทิตย์ที่แผดเผานี้คล้อยลงเมื่อใด ดวงจันทร์ก็จะกลายเป็นดวงอาทิตย์ที่แผดเผาเสียเอง!”
“ยามนิมิตเช่นนี้ปรากฏ ข้าก็ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดินนี้ แต่มันจะต้องเป็นความวุ่นวายอย่างแน่นอน…”
หลังจากสิ้นคำ บรรพชนตระกูลหลิงก็พลันครุ่นคิดบางอย่างขณะเหลือบมองหลิงอวิ๋นผู้อยู่ข้างกายด้วยท่าทางคิ้วขมวด จากนั้นจึงหันสายตาไปทางที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน
เมื่อนั้นบรรพชนตระกูลหลิงก็นึกขึ้นได้ว่าสถานที่ดังกล่าวคล้ายกับเป็นบริเวณที่ลู่หยวนกำลังเดินทางไป!
จากการผจญภัยของเด็กคนนั้น นิมิตเหล่านี้อาจจะข้องเกี่ยวกับเขาก็เป็นได้!
บรรพชนตระกูลหลิงมองไปทางหลิงอวิ๋นอีกครั้งก่อนจะลอบถอนหายใจเล็กน้อย
ในตอนนี้ ความกังวลในดวงตาของหลิงอวิ๋นคล้ายกับเอ่อล้นออกมาขณะเจตจำนงหอกรอบข้างยังคงสั่นไหวไปมา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
หลิงอวิ๋นผู้นี้ได้ก้าวเข้าสู่วิถีไร้ใจแล้ว ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องหัวใจแต่อย่างใด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจดจ่ออยู่ที่ลู่หยวนโดยสมบูรณ์
เขาไม่ทราบว่าเจ้าเด็กที่ชื่อลู่หยวนทำอะไรกับหลิงอวิ๋นบ้าง!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ บรรพชนตระกูลหลิงก็พ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชาด้วยความอับจนปัญญา
เกรงว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้มากนัก
“ข้าแก่แล้วสินะ”
บรรพชนตระกูลหลิงพลันเอ่ยอย่างมีอารมณ์ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ “หากเจ้าต้องการทำอะไรก็ไปเสียเถอะ ตราบที่ข้ายังอยู่ ตระกูลหลิงกับแดนมัชฌิมไม่มีทางเกิดความวุ่นวายได้หรอก”
สิ้นคำ บรรพชนตระกูลหลิงก็จากไปอย่างสง่างาม
หลิงอวิ๋นยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน นางยังคงมองไปยังบริเวณที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ส่องแสงด้วยกันอยู่ไกลลิบ
ผ่านไปหลายอึดใจ นางก็หลุบตาพร้อมยื่นแขนออกไป แล้วหอกที่ตนเองเหยียบอยู่ก็ถูกเหวี่ยงขึ้นมาก่อนจะเคลื่อนลงมาที่มือ
“วิ้ง!”
จากนั้นเจตจำนงหอกที่เข้าใกล้วิถีสวรรค์ก็ระเบิด!
แล้วร่างในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ในห้วงอากาศหายไปเช่นกัน
ในอีกส่วนหนึ่งของแดนมัชฌิม เสวียนเทียนชวนและพวกกู่จินเจากำลังนั่งทำนายอยู่ด้วยกันอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่ทำนายย่อมมาจากความจริงที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกันในวันนี้!
ก่อนที่จะทำนายอะไรได้ เสวียนเทียนชวนก็ขยับมือก่อนจะเก็บวัตถุทำนายทั้งหมดบนโต๊ะทันที
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้ พวกเขาต่างทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น
มีเพียงฮ่วนซิงไป๋ที่ไม่เข้าใจก่อนจะเอ่ย “เหตุใดถึงหยุดทำนายเล่า? คำตอบมันได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เสวียนเทียนชวนพยักหน้า “ท่านหลิงอวิ๋นออกจากแดนมัชฌิมพร้อมกับเจตจำนงหอกไปแล้ว นางกำลังมุ่งหน้าไปทางที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงด้วยกัน”
ตอนนี้เองที่ฮ่วนซิงไป๋เริ่มตระหนักได้เช่นกัน
บัดนี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้หลิงอวิ๋นออกจากแดนมัชฌิมได้
นั่นก็คือลู่หยวน!
ดูท่าว่าปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้อาจจะข้องเกี่ยวกับเขา
ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ไม่ว่าลู่หยวนไปที่ใดก็เป็นผู้ไร้เทียมทานเสมอ!
ทุกคนต่างสงบสติก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดการเรื่องของตัวเอง!
…
ในตอนนี้ รูหนอนขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นในตำหนักประตูสวรรค์!
ซ่งชิงกับผู้ติดตามจำนวนมากกำลังยืนอยู่นอกรูหนอน ส่วนด้านหลังของเขาก็ยังมีผู้ติดตามยืนเรียวแถวด้วยความเคารพ
ซ่งชิงเหลือบมองพวกเขาก่อนจะถ่ายทอดคำสั่ง
หลายคนตอบรับ
ซ่งชิงสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของแผ่นหยกในมืออย่างต่อเนื่อง เขาทราบดีว่าเวลามาถึงแล้ว!
เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อมุ่งสู่รูหนอน แล้วคนอื่นก็ตามติดอย่างใกล้ชิด!
หลังจากซ่งชิงข้ามรูหนอนไปแล้ว เขาก็มาถึงหุบเขาบูรพาก่อนจะเห็นดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกันในท้องนภา ฉากดังกล่าวแตกต่างจากนิมิตของการเปิดซากปรักหักพังที่ตนเองทราบก่อนหน้านี้
แต่มันไม่สำคัญ นิมิตเช่นนั้นอาจจะบ่งบอกว่ามีสมบัติที่ต่างออกไปเช่นกัน
ฉือเซ่าผู้อยู่ข้างกายก้าวมาข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณชาย พวกข้าตรวจสอบจนพบว่าตอนนี้ลู่หยวนอยู่ที่หุบเขาบูรพา ตอนนี้คนในนั้นแทบทั้งหมดต่างยอมจำนนต่อจิ้งจอกสวรรค์! ”
“หากลู่หยวนอยากเข้าซากปรักหักพังในภายหลัง พวกเราต้องตระเตรียมกองกำลังบางส่วนเพื่อตรวจสอบตัวตนแท้จริงของจิ้งจอกสวรรค์ในหุบเขาบูรพาหรือไม่?”
ฉือเซ่ามีความรู้เพียงตื้นเขินจนไม่สามารถแนะนำอะไรได้มากนัก
แต่ซ่งชิงเข้าใจเช่นกันว่าฉือเซ่าหมายความว่าอย่างไร หากลู่หยวนเข้าซากปรักหักพัง จิ้งจอกสวรรค์ในหุบเขาบูรพาก็จะไร้การป้องกัน
หากพวกเขาลงมือในตอนนี้ก็อาจสามารถพลิกสถานการณ์ทั้งหมดในหุบเขาบูรพาได้!
นอกจากโค่นจิ้งจอกสวรรค์ในหุบเขาบูรพาได้แล้ว แต่ยังทำให้อำนาจเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่อีกฝ่ายไม่สามารถควบคุมได้!
ทั่วทั้งบริเวณหุบเขาบูรพา มีเผ่าพันธุ์ทั้งหลายที่อยากกลายเป็นหุ่นเชิดของตำหนักประตูสวรรค์!
ซ่งชิงยิ้มหยันและเบือนสายตา “ช่วงนี้เจ้ากระสับกระส่ายในใจบ้างหรือไม่?”
ฉือเซ่าไม่เข้าใจว่าซ่งชิงหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงก้มศีรษะแล้วเอ่ย “คุณชายหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าหมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ? ตั้งแต่ไปตรวจสอบลู่หยวนมา สภาพจิตใจของเจ้าก็เหมือนจะได้รับผลกระทบเล็กน้อย”
ซ่งชิงจ้องมองตรงไปที่ฉือเซ่า “ข้ารู้ว่าต้องตระเตรียมกองกำลังอย่างไร คิดว่าข้ามองไม่เห็นในสิ่งที่เจ้าเห็นงั้นหรือ?”
“เรื่องนี้ช่างมันไปก่อน ฉือเซ่า เจ้าหน้ามืดตามัวไปหมดแล้วหรือ?”
“เจ้าไม่เห็นจริงหรือว่าใครอยู่เบื้องหลังจิ้งจอกสวรรค์ในหุบเขาบูรพาแห่งนี้? มันมีแค่ลู่หยวนแน่หรือ?”
ฉือเซ่าสำลักในลำคอขณะคำพูดของซ่งชิงยังคงดังต่อไป “แดนเหนือและแดนมัชฌิมคือกองกำลังทรงพลังที่สุดที่อยู่เบื้องหลังจิ้งจอกสวรรค์! หากพวกเราตระเตรียมกองกำลังมาต่อสู้กับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ตอนนี้ นั่นไม่เท่ากับเป็นการยั่วยุแดนเหนือและแดนมัชฌิมหรอกหรือ?!”
ทุกครั้งที่ซ่งชิงเอ่ยออกมา หัวใจของฉือเซ่าก็หยุดนิ่งชั่วขณะ
ใช่แล้ว ความจริงอันเรียบง่ายเช่นนั้น เหตุใดเขาถึงไม่คำนึงถึงแม้แต่น้อย??
ซ่งชิงคิ้วขมวด หากระบบไม่บอกว่าความจงรักภักดีของฉือเซ่ายังคงเท่าเดิม เขาคงสังหารอีกฝ่ายด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวไปแล้ว!