ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 522 ก่อนซากปรักหักพังจะถูกเปิด
บทที่ 522 ก่อนซากปรักหักพังจะถูกเปิด
บทที่ 522 ก่อนซากปรักหักพังจะถูกเปิด
ซ่งชิงอาจจะทราบว่ามีของดีอะไรอยู่ในซากปรักหักพังแห่งนี้
ทว่าช่วงเวลาการเปิดซากปรักหักพังที่นี่มีจำกัด หากเพียงอาศัยคนเหล่านี้ยังไม่ทราบว่าจะหาเจอเมื่อไร!
เหตุใดไม่หาคนโง่มาเพิ่มเล่า จะได้ช่วยกระจายออกไปตามสถานที่ทั้งหลายเพื่อตามหาสมบัติลับ!
ซากปรักหักพังกว้างใหญ่มั่งคั่ง ซ่งชิงจะได้ในสิ่งที่ต้องการภายในเวลากำหนดหรือไม่ล้วนอยู่ที่พวกเขา
ฉือเซ่าย่อมเข้าใจว่าซ่งชิงหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาย่อมตอบตกลงก่อนจะจากไปทันที
หลังจากละสายตา ซ่งชิงก็มองไกลออกไปยังที่ลู่หยวนอยู่!
นับตั้งแต่เขาเข้าสู่พื้นที่นี้ กลิ่นอายของลู่หยวนก็เข้าปกคลุม ทั้งสองลอบต่อสู้กันสักพัก แต่เนื่องจากไม่มีใครใช้พละกำลังเต็มที่ ทำให้ไม่รู้ผลแพ้ชนะ
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เหนือห้วงอากาศส่องแสงพร้อมกัน แล้วห้วงอากาศสีแดงซึ่งอยู่ตรงกลางก็เริ่มแยกออก!
ปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนไหลหลั่งเข้าหามัน!
“มันเริ่มแล้ว!”
ซ่งชิงถอนสายตาขณะมองไปทางห้วงอากาศ
“วิ้ง!”
อำนาจหนักอึ้งเล็ดลอดออกมาขณะข่มขวัญทั้งสี่ทิศ!
ยามอำนาจนี้แผ่ขยายออกไป ผู้คนทั่วทั้งหุบเขาบูรพาต่างเบือนหน้าหนี แต่ไม่มีใครกล้าขยับ
แม้พวกเขาจะทราบดีว่ามีวาสนาจำนวนมากที่ข้องเกี่ยวกับปรากฏการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น แต่ทุกคนต่างทราบดีว่าลู่หยวนอยู่ที่นั่น!
ตอนนี้ทั่วทั้งหุบเขาบูรพาไม่มีใครทราบว่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังพยายามรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว
หากหวังพึ่งเพียงเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เพื่อรวมกับหุบเขาบูรพา มันก็ออกจะเป็นความคิดที่เพ้อฝันเกินไป แต่เบื้องหลังของพวกเขามีลู่หยวนอยู่!
ทั่วทั้งแดนเหนือกับแดนมัชฌิมส่งกองกำลังมาเข้าร่วม ทำให้เผ่าพันธุ์เหล่านั้นที่เคยมีจุดประสงค์แอบแฝงต่างว่านอนสอนง่าย
ไม่ว่าลู่หยวนอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครในหุบเขาบูรพากล้าเข้าใกล้!
การปรากฏตัวของวาสนานี้ไม่ใช่คราวของพวกเขา เพราะมันถูกลู่หยวนยึดครองไปนานแล้ว!
ต่อให้พวกเขาไปที่นั่นก็ไม่มีประโยชน์!
ฉือเซ่าคาดการณ์เรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงออกจากหุบเขาบูรพาแล้วเริ่มกระจายข่าวออกไป
ตำหนักประตูสวรรค์ซึ่งแทรกซึมพลังบางส่วนไปตามสถานที่ทั้งหลายได้ลอบสร้างรูหนอนขึ้นมา ทำให้ตอนนี้มันใช้งานได้อย่างสะดวก
ภายในสองถ้วยชา ด้วยความพยายามของฉือเซ่ากับคนที่เหลือ ทั่วทั้งแผ่นดินก็ตกอยู่ในความโกลาหล
โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวผู้มีกำลังวังชาบางส่วนต่างแสดงความอิจฉาไปทางสถานที่ที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกันซึ่งอยู่ไกลออกไป
พวกเขาเพียงได้ยินว่ามีมหาวาสนาอยู่ที่นั่น
แต่!
ไม่เพียงเพลิงวิญญาณเท่านั้น แม้กระทั่งมรดกทรงพลังอย่างเจตจำนงกระบี่และเจตจำนงดาบล้วนพบเห็นได้ทุกหนแห่ง!
ขอเพียงพวกเขาได้รับสักชิ้นก็คุ้มค่าต่อการสละวาสนาของผู้อื่น!
ถึงอย่างไรคนหนุ่มสาวก็ไม่มีความกลัวเกรง พวกเขากัดฟันก่อนจะพุ่งเข้าไป
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แล้วอย่างไร?!
ถึงตายแล้วอย่างไร?!
ไม่มีอะไรขัดขวางพวกเขาได้ สิ่งเดียวที่ต้องการคือวาสนาเหล่านั้น ทุกคนไม่ลังเลที่จะสละชีวิตเพื่อมัน!
ผู้คนจำนวนมากจากทั่วทั้งห้าดินแดนเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่หุบเขาบูรพาผ่านรูหนอน!
สำนักจากตระกูลขุนนางบางส่วนรู้สึกเจ็บใจเช่นกัน แม้จะไม่กล้าทำให้ลู่หยวนขุ่นเคือง แต่พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับทายาทในตระกูลผู้ยืนกรานจะไปตามทางของตัวเองพร้อมกับนำอาวุธติดตัวไปด้วย!
…
รอยแยกซึ่งอยู่ในบริเวณที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกันก็ขยายใหญ่ขึ้น!
ปราณวิญญาณรอบข้างถูกดูดเข้าไป สายลมแรงกล้าทำให้เสื้อผ้าของทุกคนปลิวไสวไปมา
กู้ชิงหรันยกกระบี่ด้วยสายตาเฉยชา นางหาได้จับจ้องรอยแยกไม่ แต่กลับมองไกลออกไป “เขาคือใคร”
กู้ชิงหรันกำลังชี้ไปทางคนที่กลิ่นอายของลู่หยวนกำลังประมืออยู่
แม้นางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดสองคนนี้กำลังต่อสู้กันก็ตาม
หากไม่ชอบหน้ากันก็สู้ให้มันรู้ดำรู้แดง!
เหตุใดต้องมายั่วกันไปมาด้วยเล่า?
ลู่หยวนขยับสายตาขณะมุมปากยกยิ้ม “มันก็แค่ขนแกะ”
“เขาน่าจะทราบว่ามีของดีอยู่ข้างใน ไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งคนมาที่นี่แม้ว่าจะมีสถานะเป็นประมุขน้อยตำหนักประตูสวรรค์ก็ตาม”
“ขอแค่ตามเขาไปก็จะได้พบของดี!”
กู้ชิงหรันพยักหน้า จากนั้นจึงสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากด้านหลัง เมื่อหันมองกลับไปก็พบผู้คนจำนวนมากกำลังตรงเข้ามาอย่างสุดกำลัง!
ก่อนนางจะทันได้กล่าวอะไร ลู่หยวนก็ส่งสายตามาแล้วเอ่ยอย่างสงบ “น่าจะเป็นซ่งชิงที่พาพวกเขามาที่นี่”
ลู่หยวนพลันหยุดสนทนาก่อนจะเผยรอยยิ้มอีกครั้ง
“น่าสนใจ หากซ่งชิงหาคนมามากขนาดนี้ แสดงว่าที่นี่ต้องมีของดีไม่น้อยเป็นแน่!”
สิ้นคำ ลู่หยวนเริ่มสร้างค่ายกลในมือแล้วส่งออกไป มันครอบคลุมท้องนภาไปกว่าครึ่ง ทำให้ทุกคนที่กำลังพุ่งเข้ามาเกิดแสงสว่างเล็กน้อยบนร่างกายก่อนจะหายไป
คนเหล่านี้ชะลอฝีเท้าขณะตรวจสอบว่ามันคืออะไร
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก พวกเขาก็ไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเกิดกับร่างกายแม้ค่ายกลจะหายไป!
ทุกคนต่างหันสายตามามองลู่หยวนอย่างระมัดระวัง
หนึ่งในพวกเขาพลันเอ่ย “นั่นไงลู่หยวน!”
คนที่เหลือยิ่งระแวดระวัง “จริงหรือ?! เช่นนั้นเขาทำอะไรกับพวกเรา?!”
“ข้าไม่รู้! แต่ลองตรวจสอบดูแล้วก็ไม่พบอะไร เหมือนเมื่อครู่เป็นความฝันเลย”
“ข้าก็ด้วย!”
ฝูงชนต่างเอ่ยกันไม่หยุดปาก
ก่อนจะทันได้เอ่ยคำจบ พวกเขาก็เห็นค่ายกลอีกอันปรากฏที่อีกฝั่ง หลังจากเคลื่อนลงมา พวกมันกลายเป็นจุดแสงสว่างสัมผัสคนที่กำลังวิ่งเข้ามา จากนั้นจึงหายไป
“ค่ายกลนั่น… ไม่ใช่ลู่หยวน! แล้วนั่นเป็นใคร?!”
“ถึงจะไม่ใช่ลู่หยวน แต่ขนาดข้าเป็นผู้บ่มเพาะด้านค่ายกลก็ยังไม่เข้าใจเลย ดูท่าว่าอีกคนที่อยู่ข้างกายลู่หยวนจะร้ายกาจมากเหมือนกัน!”
ลู่หยวนเหลือบมองพลางแย้มยิ้ม
ค่ายกลเมื่อครู่ถูกสลักโดยซ่งชิง ซึ่งมันเหมือนกับของเขาทุกประการ!
ค่ายกลนี้ไม่มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ มันทำได้เพียงติดตามตำแหน่งเท่านั้น หากสัมผัสได้ถึงรูปลักษณ์ของสมบัติทรงพลังบางอย่าง มันจะแจ้งเตือนคนที่เปิดใช้งาน!
ด้วยการตามรอยของค่ายกลเหล่านี้ ผู้คนที่พุ่งเข้ามาจะกลายเป็นหนูล่าสมบัติของซ่งชิงและลู่หยวน!
ทั้งสองมองหน้ากันจากระยะไกล จากนั้นยกมือพร้อมกันแล้วเริ่มประทับค่ายกลต่อไป
ผ่านไปหลายอึดใจ ค่ายกลอีกอันก็ปรากฏขึ้นทั้งสองฝั่งในสภาพที่เหมือนกันทุกประการ
จากนั้นมันเคลื่อนลงมาอีกหน แล้วแสงดังกล่าวก็กลายเป็นจุดแสงสว่างก่อนจะตกใส่ผู้คนทั้งสองฝั่ง
ลู่หยวนและซ่งชิงพยายามทำเครื่องหมายครึ่งหนึ่งกับอีกฝ่ายที่เพิ่งทำเครื่องหมาย!
เมื่อจุดแสงสว่างเคลื่อนลงมา กู้ชิงหรันก็ยื่นมือออกไป แล้วปราณกระบี่ก็กวาดออกไปเพื่อฟาดฟันจุดแสงสว่างที่กำลังตกใส่ตนเองกับลู่หยวนก่อนจะหายไป
จ้าวเยี่ยนผู้ติดตามซ่งชิงอยู่ข้างกายก็ฟาดฟันดาบออกไปเพื่อปัดป้องจุดแสงสว่างที่กำลังตกใส่ทั้งสอง
เพียงพริบตา นอกจากทั้งสี่คนแล้ว คนที่เหลือต่างถูกทำเครื่องหมายไว้
ลู่หยวนกับซ่งชิงวางมือบนค่ายกล มุมปากของทั้งสองต่างยกยิ้ม
“ลู่หยวนคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ข้าคิดว่าหลังจากฆ่าเขาแล้ว อุบายของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย!”
“ซ่งชิงคนนี้ค่อนข้างใช้ได้ เขาเป็นคนฉลาดและมากความสามารถ! หากข้าฆ่าเขาได้ ค่าโชคชะตาวายร้ายจะต้องก้าวกระโดดอย่างแน่นอน!”
———————————