ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 525 หว่านความขัดแย้ง
บทที่ 525 หว่านความขัดแย้ง
บทที่ 525 หว่านความขัดแย้ง
นับตั้งแต่อยู่นอกห้องโถงโบราณ ลู่หยวนทราบว่ามีเศษเสี้ยววิญญาณอยู่ในคนผู้นี้ ซึ่งมันเป็นตนที่เขาเคยเห็นมาก่อน
มันคือเศษเสี้ยววิญญาณของพยัคฆ์โลหิตที่เดิมให้การสนับสนุนฉู่เชิ่ง ซึ่งอีกฝ่ายได้รับความช่วยเหลือจากบรรพชนตอนอยู่ดินแดนลับก่อนจะไม่ทราบข่าวคราวอีกเลย
ตอนลู่หยวนมาถึงหุบเขาบูรพา เขาไม่ได้ออกตามหาอีกฝ่าย ถึงอย่างไรเศษเสี้ยววิญญาณนี้ก็อ่อนแอเกินไป จึงไม่มีความจำเป็นต้องรวบรวมแต่อย่างใด!
คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มาพบกันอีกครั้ง!
เขาถึงขั้นได้พบกับบุตรแห่งโชคชะตาอีกคน!
ค่าโชคชะตาหนึ่งหมื่นแต้ม ไม่เลว…
ถึงอย่างไรค่าโชคชะตาวายร้ายของลู่หยวนอยู่ที่แปดหมื่น หากเขาสังหารฟั่นโจวก็ได้ค่าโชคชะตาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหมื่น!
ฟั่นโจวระแวดระวังทันทีที่เห็นลู่หยวนกำลังเข้ามา เขาทราบว่าอีกฝ่ายคือคนที่ทำการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายด้านนอก แต่การที่มาปรากฏตัวที่นี่ได้ หมายความว่าคนผู้นี้หาทางกักขังพวกมันเอาไว้ได้หรือไม่ก็ถึงขั้นสังหารจนสิ้นในทันที!
ไม่ว่าลู่หยวนจะใช้วิธีใด มันก็แสดงให้เห็นว่าระดับการบ่มเพาะในตอนนี้ของอีกฝ่ายเหนือกว่าของเขามาก!
หากอาจหาญพอที่จะต่อสู้กับลู่หยวน ย่อมไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!
ก่อนฟั่นโจวจะทันได้ก้าวถอยหลัง วิญญาณของพยัคฆ์โลหิตก็ออกมาเผชิญหน้ากับลู่หยวนด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม “สวัสดีบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ไม่ได้เจอกันเสียนาน สมกับท่านผู้มีโชคลาภวาสนาเฟื่องฟู อายุยังน้อยแต่กลับมีการบ่มเพาะถึงขั้นนั้นได้ อนาคตจะต้องไร้ขีดจำกัดเป็นแน่”
พยัคฆ์โลหิตย่อมทราบว่าหากไม่เชื่อฟังลู่หยวนในตอนนี้ มันจะต้องตายอย่างแน่นอน!
แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความเสียใจ หากรู้ว่าเป็นแบบนี้ มันคงไม่ยอมให้ฟั่นโจวมาเสี่ยงที่นี่ตั้งแต่แรก!
ลู่หยวนเหลือบมองฟั่นโจวก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายอยู่ในช่วงวัยเยาว์ สวมชุดคลุมเรียบง่ายไม่ล้ำค่าแต่อย่างใด อีกฝ่ายคล้ายกับเป็นตัวเอกชายในนวนิยายทั่วไป
โดยเฉพาะร่องรอยความโง่เขลาที่ปรากฏชัดในดวงตาคู่นั้น ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งออกมาใช้ชีวิตได้ไม่นานนัก
คนประเภทนี้ปั่นหัวง่ายเป็นที่สุด
ลู่หยวนยิ้มบาง “ไม่ต้องมาประจบประแจง ข้าคิดว่าทุกอย่างก็เป็นปกติดี ส่วนเจ้าก็ยังสบายดีสินะ”
“อ๋อ จะว่าไป ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่าฉู่เชิ่งตายอย่างน่าเวทนา เจ้าทราบเรื่องหรือยัง?”
หลังจากได้ฟังทุกคำพูดของลู่หยวน พยัคฆ์โลหิตก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
สิ่งที่เจ้าพูดมาหาได้มีความจริงแม้แต่น้อยไม่!
แม้ฟังดูแล้วจะเป็นการพูดถึงพยัคฆ์โลหิต แต่ทุกคำพูดกลับเป็นการสนทนากับฟั่นโจว!
เมื่อลู่หยวนเอ่ยจบแล้ว เขาก็มองฟั่นโจวด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง
ในตอนนี้ ฟั่นโจวมองพยัคฆ์โลหิตด้วยความสับสนเช่นกัน อีกฝ่ายไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง!
หลังจากพยัคฆ์โลหิตได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มจิตเทวะของบรรพชน จิตเทวะดังกล่าวก็สลายไปก่อนจะพามันมาถึงหุบเขาบูรพา
พยัคฆ์โลหิตเพียงคิดหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง เนื่องจากเศษเสี้ยววิญญาณจะสลายไปอย่างรวดเร็วหากไม่มีที่สิงสู่ มันจึงต้องผูกติดตัวเองกับจี้หยกซึ่งอยู่ในบริเวณดังกล่าว
จี้หยกนี้ถูกนำออกมาก่อนจะตกอยู่ในมือของชายหนุ่มผู้ไม่โดดเด่นจากตระกูลขนาดเล็กทางทะเลใต้
คนผู้นั้นก็คือฟั่นโจว!
เมื่อพยัคฆ์โลหิตมองเห็นพรสวรรค์ซ่อนเร้นในตัวอีกฝ่าย มันก็ปรากฏตัวในฐานะคนนอกแล้วให้การช่วยเหลือฟั่นโจวเพื่อเพิ่มพละกำลัง จนตระกูลยืนหยัดได้อย่างมั่นคงเหมือนอย่างที่เคยทำกับฉู่เชิ่ง
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มันก็พาฟั่นโจวออกมาเพื่อใช้ความสามารถของอีกฝ่าย
พยัคฆ์โลหิตจงใจไม่เอ่ยถึงเรื่องของฉู่เชิ่ง ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ช่วงรุ่งโรจน์สำหรับตนเองอีกแล้ว
หากฟั่นโจวเอ่ยถามก็จะเป็นการลากให้เข้ามาพัวพันกับเรื่องมากมาย หากต้องพูดจริงก็ต้องทิ้งช่วงไว้สักระยะเพื่อสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างน้อย!
เมื่อการตัดสินใจของพยัคฆ์โลหิตในตอนนั้นลอยเข้าหูของฟั่นโจวแล้ว มันกลับกลายเป็นคนละเรื่องราว
พยัคฆ์โลหิตผู้นี้เคยติดตามใครบางคนมาก่อน ฟังจากคำของลู่หยวนแล้ว ดูเหมือนจะเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน
เช่นนั้นเหตุใดมันถึงติดตามเขาแทนเล่า?!
แม้กระทั่งฉู่เชิ่งก็ถึงแก่ความตายอย่างน่าเวทนาหรือ?!
มันจึงอดคิดไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง!
“ท่านหู่… ใครคือฉู่เชิ่งหรือ?”
ในที่สุดฟั่นโจวก็เอ่ยถาม
พยัคฆ์โลหิตถอนหายใจ “หากวันนี้พวกเรารอดออกไปได้ ข้าจะเล่าให้ฟัง”
ฟั่นโจวหรี่ตาเล็กน้อย
เสียงของระบบดังขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจของลู่หยวน
[แจ้งเตือนจากระบบ : ความเชื่อใจของบุตรแห่งโชคชะตาฟั่นโจวที่มีต่อพยัคฆ์โลหิตลดลง ทำให้ค่าโชคชะตาของเขาลดลง 2000 ค่าโชคชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ 8000]
[ค่าโชคชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 4000 ค่าโชคชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ในตอนนี้ 84000]
ลู่หยวนยิ้มหยันเมื่อเห็นเช่นนี้ “พยัคฆ์โลหิต เจ้าก็พูดจาเกินไปหน่อยนะ ข้าไม่ใช่ฆาตกรเสียหน่อย ปกติแล้วข้าไม่ฆ่าคนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ขอเพียงเจ้าไม่แตะต้องหยกปีศาจในวันนี้ก็สามารถออกจากห้องโถงโบราณในสภาพที่มีชีวิตได้”
พยัคฆ์โลหิตไม่ทราบว่าต้องแสดงสีหน้าอย่างไรเมื่อได้ยินเช่นนี้
ลู่หยวนเปรียบได้กับราชาแห่งนรก!
ไม่ใช่ฆาตกรอย่างนั้นหรือ?
เมื่อใดที่ลู่หยวนลงมือก็จะมีซากศพทุกหนแห่ง!
ไม่ละอายบ้างหรือที่ถึงกับกล้าพูดคำเหล่านั้นออกมา!
ส่วนคำพูดของลู่หยวนที่บอกว่าจะปล่อยให้ออกจากห้องโถงโบราณในสภาพที่มีชีวิต มันได้แต่ยิ้มหยันอยู่ภายใน
แล้วหลังจากพวกเขาเดินออกไปแล้วเล่า?
แบบนั้นไม่เท่ากับอยู่ในระยะทำลายล้างของลู่หยวนหรอกหรือ?!
หากถึงตอนนั้น ลู่หยวนก็จะเล่นงานพวกเขาทีเดียวจนถึงแก่ความตาย!
ฟั่นโจวถอนหายใจเล็กน้อยหลังจากตัดสินใจเสร็จสรรพ
แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้ามา แต่ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งก็คือผู้ปกครองโลก ซึ่งทรัพยากรก็ตกอยู่ในมือของคนเหล่านั้น!
ตอนนี้ลู่หยวนแข็งแกร่งกว่า จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตนเองจะไม่ได้รับสมบัติชิ้นนี้!
ฟั่นโจวรู้สึกตื้นตันยิ่งเมื่อเห็นว่าลู่หยวนไม่เผยจิตสังหารออกมา แถมยังเสนอว่าเขาสามารถออกไปได้หากไม่แตะต้องหยกปีศาจ
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น คงเป็นการดีกว่าที่จะถอยออกมา!
ภายภาคหน้ายังมีวาสนาอีกมากรอคอยอยู่ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมาหยุดอยู่กับวาสนาชิ้นนี้!
สิ่งสำคัญคือต้องมีชีวิตรอด!
เมื่อฟั่นโจวคิดว่าพยัคฆ์โลหิตจะตอบตกลง อีกฝ่ายกลับไม่ขยับขณะจับจ้องไปทางลู่หยวน
มันต้องเป็นเรื่องหลอกลวงไม่ผิดแน่!
“ท่านหู่ เหตุใดถึงไม่ตอบตกลงเล่า?”
ฟั่นโจวถามอีกครั้ง
พยัคฆ์โลหิตยังคงจับจ้องลู่หยวน แต่เมื่อได้ยินคำถามของฟั่นโจว มันก็ส่ายหน้า “ไว้ออกไปแล้ว พวกเราค่อยคุยกัน”
ในตอนนี้ ราชาแห่งนรกกำลังยืนอยู่ตรงหน้า จึงเป็นการยากที่จะพูดอะไรได้!
[แจ้งเตือนจากระบบ: ความเชื่อใจของบุตรแห่งโชคชะตาฟั่นโจวที่มีต่อพยัคฆ์โลหิตลดลง ทำให้ค่าโชคชะตาของเขาลดลง 1000! ค่าโชคชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้: 7000!]
[ค่าโชคชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น: 2000! ค่าโชคชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ในตอนนี้: 86000!
ลู่หยวนยกยิ้ม แค่เล่นบทคนดีนิดหน่อยก็ได้ค่าโชคชะตาวายร้ายเพิ่มแล้ว!
บุตรแห่งโชคชะตาคนนี้ช่างหลอกง่ายเหลือเกิน!
ยิ่งกว่านั้น ฟั่นโจวอาจจะเพิ่งพบกับพยัคฆ์โลหิตได้ไม่นาน ทำให้ความเชื่อใจยังไม่ค่อยก่อเกิด พอลู่หยวนเข้ามาตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนเข้าไปใหญ่
กลายเป็นไม่หลงเหลือความเชื่อใจอีกต่อไป!
ฟั่นโจวรู้สึกเพียงว่าพยัคฆ์โลหิตผู้นี้กำลังปกปิดสิ่งสำคัญยิ่งอยู่!