ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 529 เคล็ดกายา
บทที่ 529 เคล็ดกายา
บทที่ 529 เคล็ดกายา
หลังจากฟั่นจี้ได้รับอนุญาตจากลู่หยวนแล้ว เขาก็ตรงไปหาฟั่นโจวเพื่อหมายจะสังหาร!
คนที่เหลือเคลื่อนไหวตาม พวกเขากวัดแกว่งอาวุธในมือขณะมุ่งเป้าสังหารมาทางฟั่นโจว!
ฟั่นโจวกระชับดาบในมือขณะขัดขืนอย่างยากลำบาก เขาพยายามหลบเลี่ยงวงล้อมและการกำราบของผู้คนจำนวนมาก
แต่ภายในเวลาอันสั้น เขาก็หน้าซีด!
ฟั่นโจวถูกกดดันให้ถอยทีละขั้น ผ่านไปสักพัก เขาสังเวยสิ่งของจำนวนมากแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้นัก
พวกฟั่นจี้ทราบอยู่นานแล้วว่าการเข้าซากปรักหักพังแห่งนี้จะต้องเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงนำของดีจากตระกูลติดตัวมามากมาย!
สำหรับพวกเขา สิ่งเหล่านี้ที่อยู่กับฟั่นโจวไม่อาจทำอะไรได้
ลู่หยวนรับชมจากด้านข้างขณะให้ความสนใจความผันผวนของทะเลห้วงความคิดลมปราณในร่างของฟั่นโจว
ฉัวะ!
การโจมตีจากกระบี่เข้ามาอีกครั้ง แต่ฟั่นโจวไม่อาจหลบได้จนแขนถูกฟัน!
เขาหลบเลี่ยงด้วยความเขินอายขณะยังคงหลบหนีไปด้านหลัง
แต่ใครบางคนก็มาถึงด้านหลังฟั่นโจวเพื่อตัดเส้นทางถอยหนีของอีกฝ่าย
ตอนนี้เองที่อู๋เต้าเอ่ย ”นายท่าน คนผู้นี้จะเอาชนะได้จริงหรือ? ตามความเห็นของข้า เขาไม่มีทางดีไปกว่านี้ได้ ส่วนคนที่รายล้อมเข้ามาก็เหมือนจะบดขยี้จากทุกด้าน ฟั่นโจวจะไปเอาชนะได้อย่างไร?”
ลู่หยวนยิ้มหยัน “เจ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้หรอก บางคนไม่สามารถแสดงฝีมือได้จนกว่าจะนองเลือด”
“แม้ข้าจะไม่ทราบว่าฟั่นโจวยังมีอุบายอะไรหรือได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งอื่นที่ไม่รู้จักอย่างไรบ้าง แต่วันนี้เขาไม่มีทางตายด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน”
ขณะทั้งสองสนทนา ฟั่นโจวก็ถูกล้อมและกำราบอีกหลายครั้ง ทำให้เขาไม่สามารถหลบได้ก่อนจะถูกแทงอีกครั้ง
ดาบยาวในมือของเขาฟาดฟันจากซ้ายไปขวาโดยไร้ซึ่งรูปแบบ
คราวนี้ฟั่นจี้หลบเลี่ยงเช่นกันก่อนจะพุ่งไปที่ด้านหน้าของฟั่นโจว
ฟั่นจี้ฟาดฟันดาบยาวในมือ ส่วนฟั่นโจวยกมือขึ้นปัดป้อง
ตูม!
ดาบยาวทั้งสองโจมตีเข้าใส่พร้อมกัน ซึ่งฟั่นโจวไม่อาจเทียบเคียงได้ แรงกดดันที่เป็นของฟั่นจี้ยังคงเคลื่อนลงมาจากดาบยาวก่อนจะตรงไปที่แขนของอีกฝ่าย!
คราวนี้ฟั่นจี้ยกยิ้ม “ฟั่นโจว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงพยายามช่วงชิงตำแหน่งคุณชายไปจากข้า? ดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ ถูกข้าอัดเสียยับเยิน!”
“ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้าก็เลยคิดว่าจะเป็นคนโปรดของผู้อาวุโสเหล่านั้นจนสามารถผ่อนคลายได้งั้นหรือ? วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เองว่าฟ้าสูงดินต่ำมันเป็นเช่นไร!”
สิ้นคำ พลังในมือของฟั่นจี้ก็พลันหนักอึ้ง!
จิตสังหารอันคลุ้มคลั่งระเบิดออกมาจากแขนของฟั่นจี้ประหนึ่งขุนเขาก่อนจะกวาดไปทางดาบยาวจนถึงแขนของฟั่นโจว
ตูม!
ทันทีที่กลิ่นอายหนักอึ้งขึ้นมา ห้วงอากาศรอบข้างก็สั่นสะเทือน!
สีหน้าของฟั่นโจวพลันเปลี่ยนไปขณะกระอักโลหิต ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับกำลังกล้ำกลืนความเจ็บปวดแสนสาหัสเอาไว้
ตอนนี้ลู่หยวนก็หรี่ตาเช่นกัน
เสียงของอู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนดังมาจากก้นบึ้งของหัวใจลู่หยวนพร้อมกัน “เคล็ดกายาหรือ?”
พลังที่ฟั่นจี้ใช้เมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ได้กับระดับการบ่มเพาะดังกล่าว อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ใช้ปราณวิญญาณแต่อย่างใด ทว่าพลังที่เพิ่มขึ้นในฉับพลันตรงช่วงแขนก็ไม่อาจมองข้ามได้
มันคือเคล็ดกายาโดยสมบูรณ์!
“เมื่อสามแสนปีก่อน มีตระกูลใหญ่ใดบ้างที่ฝึกฝนเคล็ดกายา?”
ลู่หยวนเอ่ยถาม
ตามความเข้าใจของลู่หยวน เขาเพียงทราบว่ามีเคล็ดกายาอยู่บนแผ่นดินหยวนหงแห่งนี้จริง
ทุกวันนี้ก็มีคนในตระกูลหรือสำนักขนาดเล็กที่ฝึกฝนเคล็ดดังกล่าวเช่นกัน
ทว่าเป้าหมายของเคล็ดกายาคนเหล่านี้คือเพิ่มพละกำลังกายภาพ การเพิ่มขึ้นนี้คือการเคลื่อนไหวอันมุทะลุหลังจากพวกเขาไม่สามารถพัฒนาการบ่มเพาะได้
ถึงอย่างไร ด้วยสภาพแวดล้อมกับทรัพยากร พวกเขาย่อมไม่สามารถได้อาบน้ำยาดีอย่างแน่นอน
เมื่อนั้นพวกเขาจึงคิดค้นกลยุทธ์นี้แล้วใช้เคล็ดกายาเพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับร่างกาย
หากสามารถอาบน้ำยาได้ก็แทบไม่มีใครอยากฝึกฝนเคล็ดกายาอีก ถึงอย่างไรสำหรับคนที่มีภูมิหลังตระกูลดี การอาบน้ำยาเพียงครั้งเดียวก็มีค่าเท่ากับการฝึกเคล็ดดังกล่าวเป็นเวลาหลายปี!
ความตกต่ำของเคล็ดกายาคล้ายกับเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหยวนหง
ไม่มีใครในใต้หล้าที่ฝึกฝนเคล็ดดังกล่าวอีกแล้ว!
แต่ลู่หยวนในตอนนี้สัมผัสได้ว่าฟั่นโจวอาจจะเป็นบุตรแห่งโชคชะตาที่สามารถฝึกฝนเคล็ดกายาได้
ความผกผันของทะเลห้วงความคิดลมปราณจะกีดกันการบ่มเพาะของคนผู้หนึ่ง แต่ข้อได้เปรียบก็คือมันสามารถปิดกั้นพลังทั้งหมดภายในร่างกายเอาไว้ได้ชั่วคราว!
หมายความว่าการที่ทะเลห้วงความคิดลมปราณกลับตาลปัตรนี้เป็นสภาพร่างกายดีที่สุดในการฝึกเคล็ดกายา!
ฟั่นโจวมีสภาพเป็นเช่นนี้ ซึ่งแม้ฟั่นจี้จะไม่ได้มีทะเลห้วงความคิดลมปราณกลับตาลปัตร แต่เขาก็ยังรู้จักเคล็ดกายา แสดงว่ามันอาจจะไม่ใช่มรดกตระกูล
หลังจากได้ยินคำถามของลู่หยวน ทั้งเจิ้งชิงเทียนกับอู๋เต้าก็ครุ่นคิดสักพัก
ทั้งสองคือคนจากเมื่อสามแสนปีก่อน แต่น้อยคนนักที่ฝึกฝนเคล็ดกายาในตอนนั้น เมื่อมันถูกหยิบยกขึ้นมาในตอนนี้ พวกเขาก็พากันสับสน
“หากพูดถึงการฝึกฝนเคล็ดกายาละก็…”
อู๋เต้าลังเลก่อนจะเอ่ย “ครั้งหนึ่งเคยมีคนมากความสามารถในหมู่มนุษย์จริง”
ลู่หยวนคิ้วขมวด
อู๋เต้าเอ่ยต่อ “ข้ารู้ข้อมูลของคนผู้นี้ไม่มากนัก ถึงแม้ข้าจะอยู่ในยุคเดียวกันกับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ข้าเพียงเคยได้ยินผู้อื่นพูดให้ฟังเพียงสองสามครั้งเท่านั้น”
“ว่ากันว่าคนผู้นี้เป็นหญิง นางเกิดมาพร้อมกับพลังแปลกประหลาด ทำให้ไม่สามารถฝึกฝนปราณวิญญาณได้ ดังนั้นนางจึงทำการฝึกฝนเคล็ดกายา ส่วนวิธีการฝึกฝนเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด”
“ข้ารู้เพียงว่าความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของผู้หญิงคนนี้ คือนางเคยใช้หมัดซัดแผ่นดินแห่งหนึ่งจนแตกสลายไปนับหมื่นลี้!”
“หมัดที่ทำลายหมื่นลี้หรือ?”
ลู่หยวนคล้ายกับสนใจ ด้วยระดับการบ่มเพาะในตอนนี้ แม้จะสามารถทำเช่นนั้นได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็มาจากอุบายบ้าง เจตจำนงกระบี่บ้างหรือปัจจัยอย่างอื่นบ้าง
แต่ก็มีผู้คนที่สามารถทะลวงแผ่นดินนับหมื่นลี้ได้ด้วยหมัดเดียว พละกำลังของร่างกายนี้ไม่ว่าใครก็จินตนาการออก!
อู๋เต้าครุ่นคิดสักพักแล้วเอ่ย “ข้ารู้เพียงเท่านี้ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะถูกเชิญให้ไปสู้กับเผ่ามาร แต่นางปฏิเสธราวกับต้องการเก็บตัว”
เจิ้งชิงเทียนก็มีความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เช่นกัน หลังจากอู๋เต้าพูดจบ นางก็ช่วยเสริมเพิ่มเติม “ข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้มาจากแผ่นดินหยวนหง แต่เป็นผู้ถูกทอดทิ้งจากแดนเซียน ในตอนนั้นข้าไม่ได้สนใจรายละเอียดมากนักก็เลยไม่ทราบว่าเหตุใดถึงมีข่าวลือเช่นนั้นแพร่งพรายออกไป”
ลู่หยวนพยักหน้า ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่มากพอ เขาจึงไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายใช่บรรพชนของฟั่นโจวหรือเปล่า
สายตาของเขากลับไปจับจ้องการต่อสู้
ฟั่นโจวกระแทกกับพื้นไปนานแล้วโดยมีดาบยาวตกอยู่ข้างกาย ร่างของเขาขดไปมาด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
“ใกล้จะนองเลือดแล้ว น่าจะถึงจุดพลิกผันแล้วล่ะ”
ลู่หยวนมองดูด้วยความสนใจ
ดังคาด เมื่อฟั่นจี้ก้าวเข้ามา ทะเลห้วงความคิดลมปราณของฟั่นโจวก็เริ่มย้อนกลับด้วยความเร็วสูง!
ปราณวิญญาณทั้งหมดถูกผนึกในร่างของฟั่นโจว โดยไม่สามารถกระจายออกไปได้
มันมากจนฟั่นโจวไม่สามารถใช้ปราณวิญญาณเพื่อจัดการกับฟั่นจี้ในเวลานี้ได้!
ฟั่นจี้ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับพาดดาบยาวบนบ่าของฟั่นโจว แล้วจิตสังหารก็ปรากฏในดวงตาของเขา “ฟั่นโจว ตายซะเถอะ!”
ดาบยาวพลันเคลื่อนลงไป!
ฉัวะ!
แม้เสียงดาบยาวจะดังกึกก้อง แต่กลับไม่มีร่องรอยของโลหิตสาดกระเซ็น!
ฟั่นโจวจับดาบยาวของฟั่นจี้เอาไว้มั่น!
ไม่มีโลหิตไหลออกมาจากฝ่ามือที่จับดาบยาวเอาไว้แม้แต่หยดเดียว!