ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 533 ฟั่นโจวตาย!
บทที่ 533 ฟั่นโจวตาย!
บทที่ 533 ฟั่นโจวตาย!
ลู่หยวนไม่ปล่อยให้เสียเวลาแต่อย่างใด ทันใดนั้นเขาก็ทิ้งง้าวในมือ!
อู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนเคลื่อนไหวในพริบตาขณะกลิ่นอายของพวกเขาเข้าพัวพันกับตี้อู่เหอซั่น สือจิ่วผู้ยืนอยู่ด้านข้างมาเนิ่นนานก็ลงมือก่อนจะลงมาอยู่ด้านนอกลู่หยวน!
ทว่าตี้อู่เหอซั่นไม่ได้ลงมืออย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้ แต่กลับยืนนิ่งอย่างสงบอยู่กับที่
ด้วยการวางกำลังของลู่หยวน ตี้อู่เหอซั่นทราบทันทีว่านางไม่อาจเอาชนะได้ หากพยายามใช้กำลังเพื่อสังหารอีกฝ่ายก็มีแต่จะเสียเวลา
นางมองลู่หยวนพลางแย้มยิ้มเล็กน้อย ฟั่นโจวผู้นี้คือบุคคลที่ถูกกำหนดโดยวิถีสวรรค์ หากถูกเด็กคนนี้สังหารจริง
เหอะ… ชีวิตของเด็กคนนี้ก็ต้องจบสิ้นเช่นกัน!
ในขณะนี้ ง้าวของลู่หยวนเสียบเข้าไปในหน้าอกของฟั่นโจวอีกครั้ง
โลหิตพลุ่งพล่านขณะทะลักออกมาข้างนอก
กลิ่นอายของลู่หยวนลึกล้ำขณะขยับง้าว แล้วเสียงหัวใจเต้นอันอ่อนแรงของฟั่นโจวก็เงียบลง!
[แจ้งเตือนจากระบบ : บุตรแห่งโชคชะตาฟั่นโจวถูกท่านใช้กำลังสังหาร! การลงทัณฑ์ของวิถีสวรรค์กำลังมา ขอให้ท่านเตรียมตัวให้พร้อม!]
[หลังจากการลงทัณฑ์ของวิถีสวรรค์สิ้นสุดลงก็จะถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น!]
ลู่หยวนค่อยดึงง้าวมังกรครามแปดแดนร้างออกมาด้วยสายตาไม่แยแส
แล้วฟ้าดินก็มืดลงในบัดดล!
สายลมอันแรงกล้าพัดผ่านประหนึ่งจะกลืนกินโลกทั้งใบ!
ซากปรักหักพังรอบข้างล้วนถูกสายลมนี้บดขยี้!
ลู่หยวนอยู่ใจกลางพายุขณะมองดูหมู่เมฆทั้งหลายในท้องนภารวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วพวกมันก็ก่อตัวเป็นรูปถังคว่ำ!
สายฟ้าสีทองขนาดเล็กยังคงเคลื่อนไปมาระหว่างหมู่เมฆ โดยเสียงอันก้องกังวาลยังคงดังอย่างต่อเนื่อง หมู่เมฆก็เริ่มขยายตัวก่อนจะเคลื่อนลงมาราวกับกำลังจะกดขี่ทั่วหล้า!
เพียงลู่หยวนยกมือขึ้นก็ทำให้ง้าวลอยขึ้นมา โลหิตเหนียวข้นหยดลงมาจากส่วนปลาย
เมื่อเห็นสีหน้าไร้ความกลัวเกรงของลู่หยวน ตี้อู่เหอซั่นก็เอ่ย “เจ้าหนู ข้าขอยอมรับในความกล้าหาญของเจ้า ทั้งที่รู้ว่ามันขัดกับกฎเกณฑ์แห่งวิถีสวรรค์ ถึงกระนั้นก็ยังอยากฆ่าฟั่นโจวอยู่ดี”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุต้นผลกรรมที่เกิดกับเจ้า เกรงว่าข้าอาจจะเลือกเจ้าไปแล้ว”
“กฎเกณฑ์แห่งวิถีสวรรค์หรือ?”
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มอย่างเย็นชาขณะเงยหน้ามองท้องนภา “เหอะ… เจ้ารู้เพียงแค่ว่าสายฟ้าฟาดจะเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ข้าอยากรู้นักว่าหากฆ่าฟั่นโจวในครั้งนี้ มันจะเกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาบ้างหรือไม่”
เคร้ง!
ลู่หยวนพลันชักดาบสามคมฉิวหลงออกมา แล้วเพลิงขุนพลสวรรค์ในร่างกายก็ถูกจุดขึ้นมา ขณะปกคลุมไปทั่วดาบพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังอย่างต่อเนื่องของมังกร!
เสียงของมันสะท้อนกับสายฟ้าวิถีสวรรค์ มันถึงกับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม!
ครืนนน!
อสนีสวรรค์พลันสั่นสะเทือน แล้วสายฟ้าสีทองก็ตัดผ่านครึ่งหนึ่งของท้องนภา เสียงอันน่าตกตะลึงกระจายไปทุกหนแห่ง ทำให้ทั่วทั้งห้วงอากาศในพื้นที่สั่นไหว!
ท่ามกลางหมู่เมฆสีดำเหล่านั้น มือสีทองขนาดใหญ่พลันปรากฏขณะกวาดเมฆาออกไป จากนั้นจึงเผยให้เห็นร่างสีทอง!
ร่างดังกล่าวเป็นชายชรามีอายุ เขาสวมชุดเกราะล้ำค่าขณะกลิ่นอายเซียนอบอวลไปทั่ว พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่สาดแสงแรงกล้าออกมา
“นี่คือ… รูปลักษณ์เซียนหรือ?”
ตี้อู่เหอซั่นพึมพำ “เจ้าเด็กคนนี้ที่อยู่เพียงขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าวแต่กลับใช้รูปลักษณ์เซียนได้งั้นหรือ? มันช่างยิ่งใหญ่เกินไป…”
อู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนไม่เคยได้ยินคำว่ารูปลักษณ์เซียนที่ตี้อู่เหอซั่นกล่าวถึงมาก่อน
แต่พวกเขาทราบว่าร่างสีทองที่บดบังท้องนภาไปกว่าครึ่ง เต็มไปด้วยพลังมหาศาลยิ่งนัก!
ร่างสีทองที่อยู่เหนือท้องนภาค่อยลืมตาขณะก้มมองสรรพสิ่งทั้งหลาย
วิ้ง!
เสียงคำรามต่ำพลันสั่นสะเทือนบริเวณดังกล่าว
ร่างประหนึ่งเซียนเผยรอยยิ้มหยันราวกับไม่พอใจเล็กน้อย
“เหอะ ๆ… ข้าเก็บตัวมานานหลายพันปี แต่เจ้ากลับเรียกร่างจำแลงของข้าออกมาเพียงเพื่อจะฆ่ามดงั้นหรือ?”
เสียงของร่างดังกล่าวทุ้มลึก ต่อให้เป็นการพึมพำก็ไม่ต่างจากเสียงฟ้าร้อง!
ทั่วทั้งซากปรักหักพังเต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้องดังกล่าว ความผันผวนนี้สามารถรับรู้ได้จากทั่วทุกหนแห่งของบริเวณนั้น!
ยามเสียงดังกล่าวดังขึ้น พลังอันไร้ที่สิ้นสุดก็ปรากฏ ผู้คนทั้งหลายซึ่งมีระดับการบ่มเพาะต่ำย่อมถูกสั่นสะเทือนด้วยเสียงดังกล่าวจนถึงจุดที่ลมปราณโลหิตไหลย้อนกลับ!
ที่มุมหนึ่งของซากปรักหักพัง ซ่งชิงผู้กำลังค้นหาบางอย่างได้ยินเสียงดังกล่าวเข้า เขาก็เงยหน้ามองไกลออกไปด้วยสายตาสับสนเล็กน้อย
แม้จะอยู่ไกลออกไป แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าร่างสีทองที่ไม่รู้จักภายใต้ท้องนภาอันไกลลิบไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้!
“ลู่หยวนหรือ?”
ซ่งชิงหรี่ตาก่อนจะเอ่ยสองคำนี้ออกมาจากปาก
เขากล้าสรุปว่าลู่หยวนเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวเมื่อครู่นี้ได้!
ซ่งชิงตกตะลึงชั่วขณะ จากนั้นก็รีบก้าวเท้าเพื่อไปหาลู่หยวน
กู้ชิงหรันผู้กำลังค้นหาร่องรอยของลู่หยวนทั่วซากปรักหักพังย่อมสังเกตเห็นสถานที่นี้ นางคิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนจะทะยานออกไปทันที
นอกจากสองคนนี้แล้ว ยังมีอีกคนที่จ้องมองด้วยความกังวล
นั่นก็คือซวี่รั่วหลิง!
หลังจากซวี่รั่วหลิงเข้าซากปรักหักพัง นางก็เผชิญกับข้อห้าม หลังจากทะลวงออกมาได้ในที่สุด นางก็ได้พบกับเฉินจงอีกครั้ง
แม้เฉินจงจะไม่ได้เข้าใกล้ แต่เขาก็ตามติดนางมาโดยตลอด
ซวี่รั่วหลิงยิ่งรู้สึกรำคาญจนอยากสังหารอีกฝ่ายด้วยกระบี่ แต่ในตอนนี้ ท้องนภาก็ระเบิดก่อนร่างสีทองจะปรากฏ
แม้นางจะไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของลู่หยวน แต่เมื่อเห็นร่างนี้ ตนเองก็รู้สึกว่าเขาจะต้องอยู่ทางนั้นไม่ผิดแน่!
นางไม่สนใจเฉินจงก่อนจะรีบตามไปทันที
ในตอนนี้ ซวี่รั่วหลิงไม่ทราบว่าสีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นร่างสีทองนั่น!
สีหน้าของเขาถูกแทนที่ด้วยความแปลกประหลาดและน่าสยดสยองมากขึ้น!
“รูปลักษณ์เซียนหรือ? จุ๊จุ๊ วิถีสวรรค์ใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“แต่แผ่นดินหยวนหงขนาดเล็กแห่งนี้คุ้มค่าพอที่จะส่งกำลังต่อสู้เช่นนั้นออกมางั้นหรือ?”
เฉินจงเดาะลิ้นสองครั้ง “แต่ข้ามาได้ถูกเวลาเหลือเกิน พลังเช่นนี้มากพอที่จะฟื้นฟูการบ่มเพาะบางส่วนให้กับข้าได้!”
เฉินจงเงยหน้ามองท้องนภา “แดนเซียน เหอะ ข้าจะกลับไปหาอีกครั้งในไม่ช้า!”
สิ้นคำ เขาก็ออกเดินทางตามไป!
ลู่หยวนถือง้าวกับดาบไว้ในมือคนละข้างภายใต้รูปลักษณ์เซียนดังกล่าว ซึ่งพลังรอบตัวเขามหาศาลราวกับมีความตั้งใจที่จะต่อสู้อันเต็มเปี่ยม
ในสายตาของตี้อู่เหอซั่น ลู่หยวนกำลังดิ้นรนจากความตาย เมื่อรูปลักษณ์เซียนลงมือ วิญญาณของอีกฝ่ายก็จะหายไปเช่นกัน!
“เหอะ… ในเมื่อลู่หยวนจะตายแล้ว พวกเจ้ามาอยู่กับข้าดีหรือไม่? แม้ข้าจะไม่สามารถช่วยสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้ได้ แต่ก็สามารถป้องกันไม่ให้เศษเสี้ยววิญญาณของพวกเจ้าหายไปได้เช่นกัน”
ตี้อู่เหอซั่นยิ้มแล้วเอ่ย “ก็แค่ต้องจ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
อู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนไม่มีเวลามากังวลกับตี้อู่เหอซั่น ซึ่งคำพูดของอีกฝ่ายราวกับเสียงกระซิบที่ลอยเข้าหูเท่านั้น!
พวกเขาอยากเข้าไปช่วย แต่กลับถูกลู่หยวนผู้คล้ายกับเปี่ยมด้วยความมั่นใจมากห้ามเอาไว้!
ลู่หยวนยืนอยู่ใต้รูปลักษณ์เซียน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของตี้อู่เหอซั่น เขาเงยหน้าพร้อมกับยกยิ้ม “ถ้าข้าสังหารรูปลักษณ์นี้ได้จะเกิดอะไรขึ้น?”
ตี้อู่เหอซั่นเย้ยหยัน “ถึงจะไม่รู้ว่าฟ้าสูงดินต่ำเป็นเช่นไร แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่ารูปลักษณ์นี้คือร่างจำแลงของมหาจักรพรรดิแห่งแดนเซียน!”
———————————