ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 536 วิถีโบราณปรากฏ รูปลักษณ์เซียนถูกทำลาย
บทที่ 536 วิถีโบราณปรากฏ รูปลักษณ์เซียนถูกทำลาย
บทที่ 536 วิถีโบราณปรากฏ รูปลักษณ์เซียนถูกทำลาย
ลู่หยวนฟาดฟันดาบสามคมฉิวหลงในมือ แล้วเสียง ‘ฟู่’ ก็ดังขึ้น ไม่ว่าคมดาบกวาดไปที่ใด พื้นที่ก็ฉีกขาดออกจากกัน
กลิ่นอายไร้เทียมทานอันน่าเกรงขามแผ่ออกมาจากร่างของลู่หยวน พลังประเภทนี้ไม่เหมือนกับอำนาจมังกรหรืออำนาจจักรพรรดิ มันเหมือนกับสิ่งที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง เป็นสถานที่ว่างเปล่าที่แม้แต่วิถีสวรรค์ก็ไม่สามารถสัมผัสได้!
ลู่หยวนยื่นมือซ้ายออกไปขณะสอดนิ้วทั้งสองเข้าหากัน เขาหลับตาเล็กน้อยแล้วพึมพำตัวอักษรที่ไม่รู้จักในอากาศธาตุ
สิ่งที่รูปลักษณ์เซียนพึ่งพาคือจิตเทวะของแดนเซียน แม้มันจะไม่ทราบว่าพลังที่ลู่หยวนมีนั้นคืออะไร แต่มันก็แน่ชัดแล้วว่าพลังดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถขัดขืนได้ในตอนนี้!
อำนาจทั้งหมดของรูปลักษณ์เซียนระเบิดออกมา แต่กลิ่นอายที่สั่นสะเทือนทั่วหล้าหายไปทันทีที่ปะทุขึ้นราวกับถูกดูดกลืนโดยบางสิ่ง!
วิ้ง!
อักขระหมองหม่นซึ่งลอยอยู่ในอากาศธาตุรอบข้างรูปลักษณ์เซียนพลันส่งเสียง แล้วกลิ่นอายแสงสีทองอันน้อยนิดก็เริ่มเข้าสู่ร่างของอักขระเหล่านี้!
แต่ภายในเวลาอันสั้น อักขระเหล่านี้พลันมีชีวิตขณะสั่นสะท้านไปมา!
แสงสีทองจำนวนมากยื่นออกมาจากอักขระทั้งหลายขณะเชื่อมโยงเข้าหากัน
รูปลักษณ์เซียนตกอยู่ภายใต้แสงสว่างของอักขระเหล่านี้!
“นี่มันอะไร?”
รูปลักษณ์เซียนตกตะลึงชั่วขณะ เศษชิ้นส่วนที่ถูกฝังเอาไว้ในความทรงจำมาเนิ่นนานก็ถูกปั่นป่วน!
เมื่อเห็นกลิ่นอายสีดำเริ่มปรากฏขึ้นจากแสงสีทอง ใบหน้าของรูปลักษณ์เซียนก็มืดมนทันที
“ข้าเบื่อที่จะเล่นแล้ว! คนหนุ่มเช่นเจ้าช่างไร้คุณธรรมการต่อสู้!”
รูปลักษณ์เซียนคำรามเสียงดัง จากนั้นตะโกนไปทางห้วงอากาศไร้ที่สิ้นสุด “เจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของวิถีสวรรค์ด้วยซ้ำ เขายังสามารถใช้อุบายของวิถีโบราณได้! เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าหรืออย่างไร!”
แต่ในห้วงอากาศอันไร้สิ้นสุด กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
รูปลักษณ์เซียนจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าวิถีสวรรค์กำลังทำอะไรในตอนนี้ แม้วิถีสวรรค์จะเป็นกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ แต่ก็หาได้มีความเย็นชาไม่ ในโลกใบนี้ยังมีคนที่ถูกเลือกโดยวิถีสวรรค์อยู่
ดังนั้น พวกเขาจึงนับว่าเป็นราชาที่ได้รับเลือกจากวิถีสวรรค์เพื่อให้ดูแลที่นี่!
แต่หากมีใครบางคนบังคับให้ฆ่าคนเหล่านี้ มันก็เป็นการละเมิดต่อวิถีสวรรค์ แน่นอนว่ามันผู้นั้นจะต้องถูกลงทัณฑ์!
ตอนรูปลักษณ์เซียนมาที่นี่ก็พอจะทราบว่าเด็กคนนี้สังหารคนที่ไม่ควรถูกฆ่า แล้วตอนนี้วิถีสวรรค์ก็เข้ามาพัวพันกับสิ่งอื่น ดังนั้นมันจึงฝืนเศษเสี้ยวจิตเทวะของมหาจักรพรรดิทั้งหลายในแดนเซียนเข้าสู่รูปลักษณ์เซียน จากนั้นจึงบังคับให้ทำการสังหารอีกฝ่าย!
แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะไม่อยู่ภายใต้พันธนาการของวิถีสวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่เป็นไร
ถึงอย่างไร ใครก็ตามในแดนเซียนที่ได้รับฉายาจักรพรรดิก็จะแยกตัวออกจากวิถีสวรรค์และไม่อยู่ภายใต้พันธการของอีกฝ่ายอีกต่อไป
วิถีสวรรค์จะไม่ผูกมัดมหาจักรพรรดิเหล่านี้ หากจิตเทวะของพวกเขาบางส่วนถูกดึงออกมาก็จะบังเกิดผลประโยชน์มากมายหลังจากเรื่องราวเสร็จสิ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างวิถีสวรรค์กับมหาจักรพรรดิเหล่านี้เปรียบได้กับการว่าจ้าง
หากลู่หยวนไม่อยู่ภายใต้วิถีสวรรค์ รูปลักษณ์เซียนก็ต้องสู้จนถึงที่สุด แม้จะสามารถสังหารอีกฝ่าย แต่มันก็จะไม่ได้อะไร
ทว่าเด็กคนนี้กลับครอบครองค่ายกลต้องห้ามของวิถีโบราณ! เขาจะต้องเป็นคนที่มาจากที่นั่นไม่ผิดแน่!
การต่อสู้ระหว่างวิถีโบราณกับวิถีสวรรค์ดำเนินมานานแสนนาน การต่อสู้ระหว่างทั้งสองวิถียังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง สิ่งมีชีวิตและโลกนับไม่ถ้วนคงอยู่และหายไปในการต่อสู้ดังกล่าว
รูปลักษณ์เซียนของมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนคิดว่าตนเองกลายเป็นมหาจักรพรรดิ จนหลบหนีจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองและไม่เข้าไปพัวพันได้ในที่สุด
แต่ตอนนี้เรื่องราวมันต่างออกไป
วิถีโบราณแตกต่างจากวิถีสวรรค์ ซึ่งอย่างแรกอธิบายได้ยากและมีสิ่งมีชีวิตไม่มากที่อาศัยอยู่ภายในนั้น ดังนั้นมันจึงปกป้องข้อบกพร่องได้อย่างแน่นหนา!
แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิตในการต่อสู้กับลู่หยวน แต่วิถีโบราณสามารถใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการต่อสู้กับมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนได้!
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนกลืนน้ำลาย เรื่องนี้ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย
วิถีสวรรค์ติดกับดับเข้าอย่างจัง!
หากติดกับวิถีโบราณขึ้นมา เจ้าก็ต้องสู้จนตัวตาย!
ต่อให้มีห้าพันดินแดนที่อยู่ภายใต้วิถีสวรรค์ก็ไม่เพียงพอจะให้เขาซ่อนตัว!
ลู่หยวนไม่ทราบว่ามหาจักรพรรดิจิ่วเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาลืมตาขณะจับจ้องไปที่มือซ้าย โดยแสงสว่างไร้ที่สิ้นสุดห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ ค่ายกลแสงสว่างดังกล่าวกระจายไปมาทั้งซ้ายขวา กลิ่นอายสีดำปกคลุมอากาศธาตุก่อนจะปกคลุมฟ้าดินจนสิ้น
ค่ายกลถูกกักขังและจองจำ หากเศษเสี้ยวจิตเทวะของมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนติดอยู่ข้างใน ย่อมไม่มีทางเป็นอิสระได้!
ลู่หยวนถือดาบด้วยสองมือ แล้วเพลิงขุนพลสวรรค์ที่โชติช่วงก็ปกคลุมท้องนภาไปกว่าครึ่ง!
ในตอนนี้ ลู่หยวนเหมือนกับบุตรแห่งเทพอัคคีผู้ยืนอย่างภาคภูมิระหว่างฟ้าดิน!
เสียงคำรามมังกรดังมาจากเหนือดาบสามคมฉิวหลง แล้วมังกรมีเขาก็เคลื่อนตัวออกมาเกาะติดกับลู่หยวน
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนกัดฟันขณะยืนอยู่กับที่โดยไม่มีทีท่าจะขัดขืนแม้แต่น้อย
เนื่องจากมีเศษเสี้ยวจิตเทวะบางส่วนอยู่ที่นี่ อีกฝ่ายจึงสามารถนำจิตเทวะทั้งหมดของร่างจำแลงมาสู่โลกใบนี้เพื่อเพิ่มพลังให้กับรูปลักษณ์เซียนได้อย่างเต็มที่
แต่มันทำไม่ได้!
มันไม่สามารถมีส่วนร่วมระหว่างวิถีสวรรค์กับวิถีโบราณได้!
มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตเทวะที่ทำได้เพียงฝึกฝนเท่านั้น!
“เทพดาบ! อำนาจสวรรค์!”
ลู่หยวนตะโกน แล้วดาบสามคมฉิวหลงในมือก็ตัดผ่านท้องนภาก่อนจะฟาดลงไป!
เมื่อเกิดแสงวาบ ประกายดาบจากสวรรค์ชั้นเก้าที่ตัดผ่านฟ้าดินก็วูบไหวลงมาประหนึ่งคมดาบที่เคลื่อนลงมาจากกิโยตินอย่างรวดเร็ว!
ตูม! ตูม! ตูม!
ห้วงอากาศถูกปราณดาบบดขยี้ขณะเคลื่อนลงมาด้วยความเร็วสูง!
เคร้ง!
ตูม!
ประกายดาบเคลื่อนผ่านรูปลักษณ์เซียนอย่างรวดเร็ว ร่างของอีกฝ่ายก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน ก่อนประกายดาบที่เหลือจะตกกระทบลงกับพื้น
ชั้นเจตจำนงดาบนับไม่ถ้วนฉีกกระชากพื้นดินขณะโจมตีเป็นระลอกคลื่นไปทุกทิศทาง
ผู้ที่กำลังมองดูความตื่นเต้นรอบข้างยังคงไม่พูดอะไรจนกระทั่งรูปลักษณ์เซียนลมลงกับพื้นโดยไร้ทางขัดขืน พริบตาต่อมา ชั้นปราณดาบพลุ่งพล่านขณะกวาดผ่านไปทุกทิศทาง
“วิ่ง!”
ไม่ทราบได้ว่าผู้ใดในหมู่ฝูงชนเป็นคนตะโกนประโยคดังกล่าว
แต่ดาบเล่มนี้ทรงพลังจนสามารถสะบั้นรูปลักษณ์เซียนได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว ต่อให้พลังจะลดลงไปแล้ว แต่พวกเขาจะหลบเลี่ยงได้อย่างไร?!
ฟู่!
อำนาจดาบปกคลุมที่นี่ในพริบตาด้วยแสงสว่างขณะยังคงพุ่งเข้ามาจากระยะไกล
อำนาจดาบกระจายออกไปสามหมื่นลี้เป็นเวลากว่าสองถ้วยชาก่อนจะหยุดนิ่ง
ภายในระยะสามหมื่นลี้ที่มีลู่หยวนเป็นศูนย์กลาง ไม่หลงเหลือสรรพสิ่งแม้แต่น้อย
ปฐพีพังทลาย ซากปรักหักพังแตกสลายเป็นผุยผง ปราณดาบผันผวนอยู่เนิ่นนาน
อู๋เต้า เจิ้งชิงเทียน และสือจิ่วล้วนซ่อนอยู่ในจิตเทวะของลู่หยวนทันทีที่ปราณดาบเคลื่อนลงมา
ส่วนตี้อู่เหอซั่นใช้อุบายที่เหลืออยู่ในตอนแรกเพื่อหลบหนีจากภัยพิบัติระยะสามหมื่นลี้นี้จนกระทั่งสามารถหลบเลี่ยงได้เป็นผลสำเร็จ
ตี้อู่เหอซั่นยืนห่างออกไปสามหมื่นลี้ขณะเงยหน้ามองห้วงอากาศ
เกิดความเงียบระหว่างฟ้าดินชั่วขณะ มีเพียงลู่หยวนที่ยังคงยืนหยัด
ความรู้สึกโดดเดี่ยวนิจนิรันดร์ก็ปรากฏ
———————————