ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 539 ซ่งชิงแสดงความเมตตา
บทที่ 539 ซ่งชิงแสดงความเมตตา
บทที่ 539 ซ่งชิงแสดงความเมตตา
จิตสังหารในดวงตาของลู่หยวนลดลงเล็กน้อย ไม่ว่าจะความแข็งแกร่งหรือด้านอื่น ตี้อู่เหอซั่นก็ควรค่าแก่การยอมรับเอาไว้!
เขายกมือพร้อมกับยันต์ชั่วร้ายที่ยิ่งก่อตัวขึ้นมา ซึ่งนางให้ความร่วมมือด้วยการเปิดจิตเทวะเช่นกัน
เมื่อปลายนิ้วของลู่หยวนสัมผัส ยันต์ก็ถูกประทับลงไปในจิตเทวะของตี้อู่เหอซั่น
วิ้ง!
แสงสว่างวาบไหว แล้วพลังทั้งหมดของยันต์ก็เข้าสู่จิตเทวะของตี้อู่เหอซั่น
อักขระแปลกประหลาดส่องแสงจากหน้าผากของนาง ก่อนจะหายไปในพริบตา
ตี้อู่เหอซั่นคารวะลู่หยวนอีกครั้ง “นายท่าน!”
ลู่หยวนพยักหน้าแทนคำตอบ
ในตอนนี้ ผู้คนจากทั่วทุกหนแห่งของซากปรักหักพังก็รีบเร่งเข้ามา
ซ่งชิงยืนห่างออกไปสามหมื่นลี้เฝ้ามองจากระยะไกล ในตอนนี้เขาสูญสิ้นความสงบพลางคิ้วขมวด
จ้าวเยี่ยนผู้อยู่ข้างกายยืนตัวตรงด้วยความเคารพ ไม่กล้าปริปากสักคำ
ในตอนนี้ เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าอารมณ์ของซ่งชิงไม่มั่นคง
ตอนซ่งชิงเร่งรุดมาที่นี่ จ้าวเยี่ยนตามติดอยู่ข้างกาย ระหว่างทางซ่งชิงไม่ได้ทำอะไรผิดปกติแต่อย่างใด
แต่หลังจากเห็นลู่หยวนสังหารรูปลักษณ์เซียน ใบหน้าของเขาก็พลันมืดมนลง เผยความตกตะลึงเล็กน้อย!
จ้าวเยี่ยนตามติดซ่งชิงไปหลายสถานที่ พวกเขาข้ามตั้งแต่ทะเลใต้สู่อาณาจักรประจิม ถึงกระนั้นก็ไม่เคยเห็นซ่งชิงทำตัวเช่นนี้!
เพียงชั่วขณะ เขาไม่ทราบว่าจะประพฤติตัวอย่างไร ดังนั้นตนเองจึงทำได้เพียงหลุบตาโดยไม่เอ่ยคำใด
ผ่านไปพักใหญ่ ซ่งชิงมองลู่หยวนพลางหรี่ตาเล็กน้อย ความตกตะลึงในแววตาถูกสะกดเอาไว้ จากนั้นก็กลายเป็นความเคร่งขรึมเล็กน้อย
“ระบบ”
ซ่งชิงตะโกนในใจ
[ระบบอยู่นี่แล้ว เชิญท่านออกคำสั่ง!]
“ลู่หยวนคนนั้นมีระบบเหมือนกันงั้นหรือ?”
ซ่งชิงเอ่ยอย่างเนิบช้า หลังจากรับรู้การกระทำทั้งหมดของลู่หยวน เขาจึงนับอีกฝ่ายเป็นวายร้ายผู้มีอุบายกับภูมิหลังตระกูลเหนือกว่าผู้ที่อยู่ในแผ่นดินหลัก!
แต่ซ่งชิงไม่คาดคิดว่าลู่หยวนจะเป็นคนที่มีระบบเหมือนกัน!
เขาพลันตระหนักได้หลังจากเห็นอุบายทั้งหมดที่ลู่หยวนใช้!
เขาสามารถหลบเลี่ยงกลิ่นอายทั้งหมดของรูปลักษณ์เซียนขณะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา อีกทั้งยังถึงขั้นใช้ค่ายกลที่ไม่ทราบว่ามาจากไหนเพื่อจองจำอีกฝ่ายเอาไว้ จากนั้นจึงฟาดฟันด้วยหนึ่งดาบก่อนปราณดาบจะพลุ่งพล่านไปไกลสามหมื่นลี้ จนทำให้สูญสิ้นสรรพสิ่งทั้งหลาย!
การโจมตีระดับนั้นย่อมไม่ใช่อุบายของโลกนี้อย่างแน่นอน! ยิ่งกว่านั้น ลู่หยวนพลันรวบรวมอุบายดังกล่าวได้ในเวลาอันสั้น
มีเพียงความคิดเดียวที่หลงเหลือในใจของซ่งชิง… ระบบ!
ลู่หยวนต้องมีระบบเป็นแน่!
[แจ้งเตือนจากระบบ : ระบบไม่สามารถตรวจจับสิ่งนี้ได้!]
แม้ระบบจะไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน แต่ความคิดนี้ก็ฝังลึกอยู่ในใจของซ่งชิง
เขาเข้าใจเช่นกันว่าตอนที่สนทนากับกู้ชิงหรัน อีกฝ่ายบอกว่าตนเองกับลู่หยวนมีอุบายแบบเดียวกัน
แววตาของซ่งชิงผันผวน แล้วร่างหนึ่งในชุดสีขาวที่ยืนอยู่ในท้องนภาก็ปรากฏบริเวณหางตา ตามมาด้วยกระบี่หักที่อยู่ข้างกาย
เขาหันสายตาไปมองก่อนจะพบว่า คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน
ซ่งชิงยังพอคาดเดาภูมิหลังของกู้ชิงหรันได้ผ่านการบอกเล่าของระบบกับสิ่งที่ค้นพบเกี่ยวกับโลกใบนี้
ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญของสถานการณ์การต่อสู้ในภายภาคหน้า
แต่คนผู้นี้กลับคาดเดาอุบายของลู่หยวนกับเขาได้
หรือโชคชะตาที่เขาค้นพบจะเป็นของปลอมดังที่กู้ชิงหรันว่า?!
เขากับลู่หยวนเป็นเพียงหุ่นเชิดในโลกแห่งนี้ไม่ต่างกันงั้นหรือ?!
ซ่งชิงเงยหน้ามองท้องนภา ทันใดนั้นก็แย้มยิ้มแล้วพึมพำ “เหอะ… ข้าอยากรู้นักว่าวิถีสวรรค์จะสามารถทนต่อโชคชะตาของข้าได้หรือไม่! หากวิถีสวรรค์ใช้ข้าเป็นหมากตัวหนึ่งจริง เช่นนั้นก็พึงรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นตัวหมากก็สามารถโต้กลับเพื่อปลิดชีพได้!”
“ถึงอย่างไร มีเพียงผู้ที่ยืนอยู่นอกขอบเขตทั้งหมดและสรรพสิ่งทั้งหลายเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติในการตัดสินความเป็นความตายของผู้อื่น!”
ซ่งชิงยิ้มบางขณะมองลู่หยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร “ระบบสินะ ลู่หยวนหนอลู่หยวน เจ้าใช้ระบบนั่นได้ทรงพลังขนาดไหนกัน?”
“เจ้ากับข้าต่างมีระบบ เช่นนั้นมาดูกันว่าใครจะบดขยี้ได้ก่อน!”
สิ้นคำ ซ่งชิงก็หันหลังแล้วจากไปโดยมีจ้าวเยี่ยนรีบเดินตามไป
เขาทะยานตรงไปยังทิศทางหนึ่ง หมายจะครอบครองสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดจากซากปรักหักพังก่อน!
หลังจากซ่งชิงจากไปแล้ว กู้ชิงหรันก็หลุบตาเล็กน้อย จากนั้นจึงถอนสายตากลับมาขณะมองลู่หยวนผู้อยู่ไกลออกไป เนื่องจากเรื่องราวคล้ายกับได้รับการคลี่คลายแล้ว นางจึงลุกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าไปหาอีกฝ่าย
เสื้อผ้าสีขาวเคลื่อนลงมาก่อนจะอยู่ตรงหน้าลู่หยวน
กู้ชิงหรันจับจ้องด้วยสายตาเย็นชา นางรู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดี
นางรู้อยู่แก่ใจว่าลู่หยวนสามารถปลดปล่อยพละกำลังมหาศาลเช่นนั้นได้ ประหนึ่งผู้ไปถึงสวรรค์เพราะอุบายบางอย่างที่ตนเองไม่รู้จัก
เกรงว่าอุบายนี้อาจจะไม่ธรรมดา แต่กู้ชิงหรันก็ไม่อยากล่วงรู้วิธีการทำงานเช่นกัน สิ่งที่นางกังวลมีแค่ลู่หยวนปลอดภัยดีหรือไม่
ต่อให้มีเศษเสี้ยววิญญาณบางส่วนอยู่ข้างกายลู่หยวน แต่กู้ชิงหรันก็ไม่อยากทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
กู้ชิงหรันเอ่ยอย่างสงบ “เจ้าอยากพักหรือไม่?”
เมื่อลู่หยวนกำลังจะตอบ เขาก็พบว่าร่างหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกำลังเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเจตจำนงกระบี่ก็ไม่ธรรมดา
พวกลู่หยวนเหลือบมองด้านข้างก่อนจะพบว่าคนผู้หนึ่งเข้ามาพร้อมกระบี่ นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซวี่รั่วหลิง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์…”
ซวี่รั่วหลิงเผยความรักใคร่ขณะดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อนางเข้าใกล้ก็เอ่ยอย่างแผ่วเบา “บุตรศักดิ์สิทธิ์สบายดีใช่หรือไม่? รู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่า?”
ลู่หยวนจำซวี่รั่วหลิงได้ นางคือสตรีแห่งโชคชะตาคนแรกที่เขาพบหลังจากมาที่โลกใบนี้
ในตอนนั้น นางได้รับมอบหมายในสำนักหนึ่งเพื่อสืบทอดเจตจำนงกระบี่ หลังจากลู่หยวนออกจากแดนเหนือไปแล้ว เขาก็ไม่สนใจสตรีผู้นี้อีก คาดไม่ถึงว่าตอนนี้นางจะต่างออกไปมาก
ร่างของซวี่รั่วหลิงเต็มไปด้วยเจตจำนงกระบี่อันภาคภูมิกับความคมปลาบอันคลุมเครือ นับว่าผิดปกติไม่น้อย
ไม่ใช่ว่าเจตจำนงกระบี่ได้รับการสืบทอดจากผู้อื่น แต่มันคือเจตจำนงกระบี่ดั้งเดิมที่มาจากมหาวิถีไร้ที่สิ้นสุด!
แม้พรสวรรค์ในตอนนี้ของนางยังนับว่าด้อยกว่าสตรีผู้อื่นที่อยู่รอบข้างลู่หยวน แต่หากฝึกฝนอีกเล็กน้อย นางย่อมกลายเป็นตัวตนที่สามารถคุ้มกันสถานที่ให้เขาและกำราบผู้อื่นได้!
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของซวี่รั่วหลิง ลู่หยวนก็หัวเราะแผ่วเบาแล้วเอ่ย “ข้าไม่ได้เจอเจ้ามาตั้งนาน เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้หรือ?”
ซวี่รั่วหลิงตอบทีละอย่าง ขณะอธิบายอย่างชัดเจนว่าเหตุใดถึงมายังซากปรักหักพังดังกล่าว
“เช่นนั้นเจ้าควรอยู่ข้างกายข้าในช่วงไม่กี่วันนี้”
ลู่หยวนเงียบไปสักพัก แล้วซวี่รั่วหลิงก็พยักหน้าทันทีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุข
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
ทันใดนั้นเสียงผู้ชายก็ดังมาแต่ไกล ฟังจากน้ำเสียงแล้ว อีกฝ่ายอายุประมาณยี่สิบและยังไม่บรรลุนิติภาวะเล็กน้อย!
ลู่หยวนหลุบตาขณะเดินออกไป เขาจึงเห็นว่าคนที่เดินมาแต่ไกลเชิดหน้าขึ้นสูงขณะแสดงสีหน้าบ้าคลั่งเล็กน้อย
เมื่อซวี่รั่วหลิงเห็นคนผู้นี้ สีหน้าของนางก็เคร่งขรึม แต่ในเมื่อลู่หยวนอยู่ที่นี่ ตนเองย่อมไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา
นางเพียงหลีกทางแล้วมายืนอยู่ด้านข้าง เพื่อรอดูว่าลู่หยวนจะทำอะไร