ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 541 ความสับสนของจิตเทวะ
บทที่ 541 ความสับสนของจิตเทวะ
บทที่ 541 ความสับสนของจิตเทวะ
สีหน้าของเฉินจงน่าเกลียดยิ่งนัก กอปรกับสายตาที่มองลู่หยวนยิ่งเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด!
บัดซบ ช่างมีตาหามีแววไม่ เหตุใดลู่หยวนผู้นี้ถึงยังอยู่รอดบนแผ่นดินแห่งนี้ได้?!
ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมคือของดีที่ไม่มีทางพบเจอในแผ่นดินนี้ได้หรอกนะ!
ในมือของเฉินจงมีเพียงแผนที่นำทางเท่านั้น
เฉินจงยอมรับว่าเขามีความคิดไม่ซื่อต่อลู่หยวนจริง
เดิมทีแล้วแผนที่ที่มอบให้อีกฝ่ายเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว
แม้ตำแหน่งโดยสังเขปนั้นถูกต้อง แต่ตำแหน่งที่แน่ชัดหาได้ถูกต้องไม่
เฉินจงใช้พลังจิตเทวะส่วนใหญ่เพื่อแก้ไขข้อมูลข้างต้น และสลับตำแหน่งผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมให้ซ่อนอยู่ในถ้ำหมื่นอสูรร้าย ซึ่งเป็นสถานที่อันตรายยิ่งและอยู่ข้างกัน
แผนเดิมก็คือทำให้ลู่หยวนสนใจในผนึกนี้ จากนั้น ต่อให้ไม่พาเฉินจงไปแล้วเลือกที่จะไปคนเดียว แต่นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ขอเพียงลู่หยวนไปสถานที่นี้ เขาย่อมสามารถกวาดล้างบางสิ่งที่อยู่ข้างในได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เฉินจงก็ย่อมยินดีกับความสำเร็จและเข้าไปเก็บเกี่ยวผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมได้!
เฉินจงคิดคำนวณเอาไว้หมดแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าลู่หยวนจะเป็นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่!
หลังจากเผาแผนที่แล้ว ลู่หยวนก็มีสีหน้าเหยียดหยัน “นิสัยเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ยังคิดจะมายอมจำนนต่อข้าอีกรึ? ฝันไปเถอะ!”
สิ้นคำ ใบหน้าของเฉินจงก็มืดมนจนแทบจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้
เฉินจงผู้ยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่เด็กเหลือขออีกต่อไป แต่เป็นยอดฝีมือครึ่งจักรพรรดิในแดนเซียน!
ย้อนกลับไปตอนเฉินจงมีพลังทั้งหลายในแดนเซียน ผู้คนแก่กล้านับไม่ถ้วนต่างคุกเข่าลงแทบเท้าของเขาด้วยความสุภาพ!
ทุกคนต่างประหลาดใจกับกลิ่นอายทรงพลังของเฉินจง นั่นหมายความว่าเขาดูแคลนโลกอย่างสง่างามประหนึ่งบุตรแห่งมหาวิถี!
มีใครที่ไหนกล้ามาพูดจาส่อเสียดกับเขาเช่นนี้?!
เขาดูน่าสงสารงั้นหรือ?!
ฟันกรามของเฉินจงบดขยี้เข้าหากัน ถึงกระนั้นสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นดังเดิมอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเฉินจงถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ ซวี่รั่วหลิงก็รู้สึกโล่งอกชั่วขณะ
เฉินจงผู้นี้ติดตามมานานจนซวี่รั่วหลิงรู้สึกรำคาญใจยิ่ง แต่หลายครั้งนางก็ไม่ได้ทำการโจมตีเขา พอวันนี้เห็นการล้อเลียนและเย้ยหยันของลู่หยวน อีกฝ่ายกลับมีท่าทีอับอายถึงที่สุด
“ในเมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์คิดว่ามันไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นข้าก็ต้องขอตัว”
สิ้นคำ เฉินจงก็ประสานมือและเตรียมที่จะจากไป
“ข้ายืนอยู่ที่นี่ทั้งคน เจ้าจะมาจะไปตามใจอยากอย่างนั้นหรือ?!”
ลู่หยวนยิ้มหยัน จากนั้นพลังมหาศาลก็เคลื่อนลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้าประหนึ่งทวยเทพยื่นมือลงมา แล้วคลื่นอันบ้าคลั่งก็พลันตกกระทบเข้าหาเฉินจงเพียงผู้เดียว!
ตูม!
พื้นดินใต้เท้าของเฉินจงไม่อาจทานทนแรงกดดันดังกล่าวได้แม้แต่น้อย แล้วพวกมันทั้งหมดก็แตกสลายก่อนจะพังทลายลง!
กลิ่นอายของลู่หยวนตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ซวี่รั่วหลิงก็ตอบสนองไม่ทัน ด้วยเหตุนี้ พละกำลังและการบ่มเพาะของเฉินจงจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
แต่เฉินจงสัมผัสได้ก่อน เขาจึงหลบไปด้านข้างเพื่อเลี่ยงศูนย์กลางแรงกดดันของลู่หยวน ทำให้ได้รับเพียงผิวเผินเท่านั้น
แม้กระทั่งแรงกดดันผิวเผินนี้ก็มากพอจะทำให้เฉินจงคุกเข่าลงกับพื้นดิน หัวใจของเขาพลุ่งพล่านขณะลมปราณและโลหิตไหลย้อนกลับ
ลู่หยวนก้าวไปข้างหน้าขณะยกเท้าซ้ายเหยียบลงบนแผ่นหลังของเฉินจง “จิตเทวะของเจ้ายอดเยี่ยมไม่เบา เจ้ากลับชาติมาเกิดหรือว่าเป็นเศษเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลืออยู่ แล้วยึดครองร่างผู้อื่นกันล่ะ?”
แม้น้ำเสียงของลู่หยวนจะสงบ แต่มันราวกับสายฟ้าฟาดห้าครั้งยามเข้าหูของเฉินจง
เด็กคนนี้รู้ได้อย่างไร?!
สายตาของเฉินจงเต็มไปด้วยความวิตก!
ตอนเศษเสี้ยววิญญาณยึดครองร่างนี้ มีเพียงเฉินจงที่ทราบ นี่นับว่าเป็นความลับที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของเขา!
แม้ตอนนี้จะมีหุบเขาที่ผ่านไม่ได้ระหว่างแดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหงเพื่อคอยขัดขวางการรุกล้ำของทั้งสองฝ่าย แต่เฉินจงทราบดีว่าเขตอาคมนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป
สักวัน ไม่ว่าคนอื่นหรือเขาก็จะต้องทำลายเขตอาคมนี้!
เมื่อเฉินจงเข้าสู่แดนเซียนอีกครั้ง มันก็จะเป็น ‘วันที่ดี’ ของ ‘พี่น้อง’ เหล่านั้นที่เคยวางแผนเล่นงานกันมาก่อน!
เขาอยากตามหาคนเหล่านั้นที่เคยเป็นพี่น้องกันในอดีต แต่วางแผนจะแทงข้างหลังจนตอนนี้ขึ้นเป็นมหาจักรพรรดิ ต้องการให้พวกเขาตายโดยไม่มีที่ฝังศพ!
ทว่า เฉินจงจะไม่เปิดเผยตัวตนจนกว่าจะแข็งแกร่งมากพอ
ถึงอย่างไรมันก็เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น หากมีใครในแผ่นดินหยวนหงทราบเกี่ยวกับสถานะครึ่งจักรพรรดิ พวกเขาอาจจะไม่จองจำหรือถามไถ่อะไรอีก
ถึงตอนนั้น ชีวิตของเขาก็จะพังทลาย!
เวลาสำหรับการแก้แค้นยังอีกไกลนัก เขาจึงทำได้เพียงใช้ชีวิตภายใต้ความมืดแห่งการข่มเหงเช่นนี้!
เฉินจงไม่คาดคิดว่าจะถูกลู่หยวนเปิดโปงตัวตนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน!
เฉินจงรู้สึกถึงแรงกดดันทรงพลังของลู่หยวน อีกทั้งยังทราบชัดเจนว่าเท้าของอีกฝ่ายกำลังเหยียบอยู่บนกระดูกสันหลัง
แต่เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทราบตัวตนตั้งแต่ตอนไหน?!
หรือว่าจะเป็นแผนที่เมื่อครู่?!
เป็นไปไม่ได้!
แผนที่นั้นได้มาจากใจกลางแผ่นดินหยวนหงแห่งนี้ ไม่มีกลิ่นอายของแดนเซียนเสียหน่อย!
“เลิกเดาได้แล้ว”
เสียงของลู่หยวนยังคงดังก้องในหูของเฉินจง “เจ้าเป็นคนเช่นไร ข้ามองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้ว!”
“มีข่าวลือว่าหลังจากยึดครองร่างแล้ว จิตเทวะจะมีพลังมหาศาลไม่ต่างจากผู้ที่ทำการฝึกฝนมานานนับหมื่นปี เหอะ ๆ ข้าอยากลองดูเสียหน่อยว่าจิตเทวะของเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน!”
สิ้นคำ ลู่หยวนก็พลันออกแรงขณะกลิ่นอายสีแดงแผ่ซ่านมาจากร่างของเขา ก่อนตรงเข้าสู่จิตเทวะของเฉินจง
ทันใดนั้น ทั่วทั้งใบหน้าของเฉินจงก็เต็มไปด้วยความดุร้าย
เนตรเทวะสีโลหิตแยกออกจากบริเวณหว่างคิ้วของลู่หยวนก่อนจะปรากฏจนเด่นชัด สภาพของมันดุร้ายน่าหวาดกลัวและมีกลิ่นอายทรงพลังรายล้อมไปทั่ว
เฉินจงเพียงรู้สึกถึงบางสิ่งคล้ายกับปะปนอยู่ในจิตเทวะ สิ่งนี้กำลังกัดกินและรุกคืบไปทุกหนแห่งราวกับต้องการบดขยี้จิตเทวะให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
เฉินจงพลันขัดขืน แต่เขาถูกลู่หยวนกำราบเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ลู่หยวนก็ดึงกลิ่นอายออกมา
หลังจากพลังของลู่หยวนสลายไปแล้ว ร่างของเฉินจงก็คล้ายกับสูญสิ้นการสนับสนุนก่อนจะล้มลงกับพื้น
ดวงตาของเฉินจงหมองหม่นขณะน้ำลายไหลออกจากปาก บางครั้งเขาก็หัวเราะคิกคักราวกับเสียสติ
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะเสียงระบบดังขึ้น
[แจ้งเตือนจากระบบ : จิตเทวะของบุตรแห่งโชคชะตาเฉินจงได้รับความเสียหายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ค่าโชคชะตาของเขาลดลง 5000 ค่าโชคชะตาที่เหลือในตอนนี้ 10000]
[ค่าโชคชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 10000 ค่าโชคชะตาวายร้ายที่เหลือในตอนนี้ 80000]
สายตาของลู่หยวนเผยความพึงพอใจ
นับตั้งแต่ลู่หยวนคาดเดาตัวตนของเฉินจง เขาก็รู้แล้วว่าจิตเทวะนี้คือหนึ่งในการพึ่งพาอันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่ายในตอนนี้
จิตเทวะทรงพลังสามารถทำให้เฉินจงมีข้อได้เปรียบลับอยู่มากมาย มันถึงขั้นทำให้ลู่หยวนต้องใช้เวลาหนึ่งถ้วยชาเต็มจึงจะสามารถทำลายได้จนสิ้น
มันแสดงให้เห็นว่าจิตเทวะของคนผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด!
———————————