ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 542 เขาอู๋สิง
บทที่ 542 เขาอู๋สิง
บทที่ 542 เขาอู๋สิง
ทว่าเฉินจงผู้นี้ภาคภูมิใจในความฉลาด ทำให้พ่ายแพ้เพราะใช้จิตเทวะในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของแผนที่
นี่ยังไม่รวมเรื่องที่จิตเทวะไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น หากมีการใช้งานขึ้นมา
มันนำไปสู่ความจริงที่ว่า แม้เฉินจงสามารถสัมผัสการโจมตีเมื่อครู่ของลู่หยวนได้ แต่เขาทำได้เพียงคาดเดาเล็กน้อยเท่านั้น
หากเฉินจงอยู่ในสภาพสูงสุด เขาอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของลู่หยวนได้อย่างสมบูรณ์
ยิ่งกว่านั้น การปรับเปลี่ยนจิตเทวะนี้ทำให้พวกอู๋เต้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจิตเทวะทรงพลังจากด้านบนได้
ใช่แล้ว ด้วยพละกำลังการบ่มเพาะในตอนนี้ของลู่หยวน ไม่มีทางที่จะมองเห็นจิตเทวะของเฉินจงได้
หากวันนี้มีลู่หยวนเพียงคนเดียว เขาอาจจะไม่สามารถมองเห็นอุบายของเฉินจงก็เป็นได้
รุ่งเรืองเพราะเซียวเหอ ดับก็เพราะเซียวเหอ*[1]
ลู่หยวนส่ายหน้า จากนั้นจึงถ่ายทอดคำสั่งไปทางซวี่รั่วหลิง “พาเขาไปกับเจ้า”
สิ้นคำ ลู่หยวนก็ขยับเพียงหนึ่งก้าวก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่หนึ่ง
พวกอู๋เต้าทะลวงเข้าสู่จิตเทวะของลู่หยวน
กู้ชิงหรันเริ่มติดตาม
ซวี่รั่วหลิงย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งของลู่หยวน นางยกมือขึ้นขณะกระบี่ยาวในมือบินออกไปในแนวนอนเพื่อช้อนเฉินจงขึ้นมา จากนั้นจึงทะยานไปพร้อมกับพวกตนเอง
เมื่อมองกลุ่มผู้คนที่อยู่ไกลออกไป พวกเขาต่างก็พากันสนทนา
ในบรรดาบทสนทนาไม่มีอะไรมากไปกว่าความอาจหาญของลู่หยวน พรสวรรค์ของเขา รวมถึงมาจากตระกูลดีแบบใด
บางคนถึงขั้นเปรียบเทียบลู่หยวนกับซ่งชิง พูดถึงอุบายทั้งหลายหรือแม้กระทั่งตัดสินใจว่าใครจะชนะหรือพ่ายแพ้หากต่อสู้กันขึ้นมา
หากเป็นในอดีต อัตราชนะระหว่างลู่หยวนกับซ่งชิงจะอยู่ที่ครึ่งต่อครึ่ง แต่ตอนนี้ เกรงว่าลู่หยวนจะมีภาษีดีกว่า
ถึงอย่างไร ใครเล่าจะสามารถกวาดล้างสรรพสิ่งภายในสามหมื่นลี้ได้ด้วยหนึ่งดาบ ขณะปราณดาบพลุ่งพล่านขึ้นมา?
แม้ซ่งชิงจะมีความสำเร็จมากมายในอดีต แต่เขาก็ไม่สามารถทำการต่อสู้แบบนี้ได้!
ความเห็นทั้งหมดนี้ยังคงส่งเสียงอื้ออึงขณะบดบังเสน่ห์ของสมบัติทั้งหลายที่อยู่ในซากปรักหักพัง!
เนื่องจากลู่หยวนจำแผนที่ที่เฉินจงมอบให้ได้ เขาจึงจดสถานที่แต่ละแห่งไว้อย่างแม่นยำ
ลู่หยวนทราบว่าต่อให้แผนที่จะถูกแก้ไข แต่ตำแหน่งโดยสังเขปจะต้องถูกต้องเป็นแน่
ลู่หยวนคาดเดาอยู่นานแล้วว่าเฉินจงกำลังคิดอะไร อีกฝ่ายเพียงอยากให้เขาไปสำรวจเส้นทาง จากนั้นก็ทำการเก็บกวาดทุกสิ่งที่พบเจอก่อนจะทำการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหลาย!
ตอนนี้พวกเขาทราบตำแหน่งทั่วไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ค้นให้ทั่วเท่านั้น!
ส่วนการพาเฉินจงไปด้วย ประการแรก ค่าโชคชะตาในตอนนี้ของเขายังไม่ถูกเก็บจนหมด ประการที่สอง ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมนี้น่าจะเป็นวาสนาของอีกฝ่าย
สิ่งนี้อาจจะต้องให้เฉินจงทำการเปิดผนึกส่วนสำคัญที่สุด!
ลู่หยวนค้นหาทั่วสถานที่ขณะกู้ชิงหรันเดินตามติดด้วยสายตาสงบนิ่ง นางไม่เคยถามเขาว่ากำลังทำอะไร สิ่งที่ทำมีเพียงเดินตามมาอย่างเงียบงัน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลู่หยวนก็หยุดนิ่ง
กู้ชิงหรันหยุดตามเช่นกัน ส่วนซวี่รั่วหลิงที่ตามทั้งสองมาก็หยุดกระบี่ยาวเช่นกัน
เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่ามีภูเขาหินผาอยู่ตรงหน้า หมอกหนาทึบที่ลอยขึ้นมาจากที่ใดไม่ทราบปกคลุมทั่วทั้งเทือกเขาดังกล่าว
ไม่เพียงแค่ซวี่รั่วหลิงที่มองเห็นไม่ชัดเท่านั้น แต่ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันก็คล้ายกับถูกปิดกั้นด้วยบางอย่างเช่นกัน ต่อให้ใช้พละกำลังของตัวเองก็ไม่เป็นผล
ดวงตาของลู่หยวนเบิกกว้าง มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
หลังจากกู้ชิงหรันสัมผัสสักพัก นางก็เอ่ยอย่างสงบ “มีบางอย่างไม่ถูกต้องที่นี่”
ลู่หยวนพยักหน้า เมื่อครู่เขาทำการกระจายจิตเทวะออกไปเช่นกัน
แม้จะสัมผัสไม่ได้ว่าสิ่งที่อยู่ส่วนลึกในเทือกเขานั้นคืออะไร แต่มันมีสัตว์ร้ายบางอย่างหลับใหลอยู่บริเวณรอบนอกดังกล่าวไม่ผิดแน่
สัตว์ร้ายเหล่านี้ได้รับการฝึกมาอย่างดี แม้จะสัมผัสจิตเทวะของพวกลู่หยวนได้ แต่พวกมันไม่ขยับร่างกายตามอำเภอใจ มีเพียงเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองไปทางลู่หยวนด้วยดวงตาโลหิตเท่านั้น
พวกอู๋เต้าลองตรวจสอบเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้
เมื่อลู่หยวนกำลังจะก้าวเข้าไป เฝยเฝยก็ยื่นศีรษะออกจากแขนของเขาขณะมองไปทางเทือกเขาด้วยสีหน้าทั้งโหยหาและต่อต้านเล็กน้อย
ช่างแปลกยิ่งนัก!
เฝยเฝยกระโจนออกไปแล้วก้าวออกไปสองสามขั้นเพื่อตรวจสอบรอบข้าง จมูกของมันกระตุกคล้ายกับกำลังค้นหาบางสิ่งในทิศทางที่ต่างออกไป
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เฝยเฝยก็หันกลับมา เมื่อเห็นกู้ชิงหรัน สายตาของมันก็ระแวดระวังและหวาดกลัวเล็กน้อยก่อนจะอ้อมกลับมาหาลู่หยวน
อุ้งเท้าทั้งสองดึงมุมเสื้อคลุมของลู่หยวน จากนั้นก็ชี้ไปทิศทางหนึ่งที่แน่ชัด
มีเสียงร้องดังออกมาจากปากของมัน ซึ่งลู่หยวนไม่เข้าใจว่าเฝยเฝยกำลังจะพูดอะไร
“ไปทางนั้นรึ?”
ลู่หยวนมองไปทางที่เฝยเฝยชี้
เฝยเฝยพยักหน้าขณะส่งเสียงร้องต่อไป
“เจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนงั้นหรือ?”
ลู่หยวนเปิดปากถามอีกครั้ง
เฝยเฝยส่ายหน้าอย่างหนักแน่นก่อนจะเปลี่ยนทางที่ชี้ มันเล็งไปที่เทือกเขาก่อนจะเริ่มเผยเขี้ยวเล็บ
“เจ้าหมายความว่าเจ้าอยากให้ข้าเข้าไปตรงนั้นแล้วขึ้นไปข้างบนงั้นหรือ?”
เฝยเฝยพยักหน้า
“ได้”
ลู่หยวนตอบตกลง เท่าที่เขากังวล มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะไปที่ไหน ถึงอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็อันตรายอยู่แล้ว
หากไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่ชัดของผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมได้ พวกเขาก็ต้องพลิกทั้งเทือกเขาอยู่ดี!
ต้องมีเหตุผลที่เฝยเฝยชี้ไปทางนั้นไม่ผิดแน่ มันอาจจะมีสิ่งผิดปกติอยู่บนเส้นทางนั้นก็เป็นได้
ลู่หยวนอุ้มเฝยเฝยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน “หลังออกจากซากปรักหักพังแห่งนี้ ข้าจะหาอาหารเสริมให้เจ้าเพื่อจะได้เติบโตเร็วขึ้น เจ้าเอาแต่ส่งเสียงร้องทุกวัน หากใครไม่รู้ก็คงคิดว่าเจ้าคือหนูเป็นแน่”
เมื่อเฝยเฝยได้ยินเช่นนี้ มันก็เดือดดาลถึงที่สุด
เจ้าหาว่าใครเป็นหนูไม่ทราบ?!
ข้าคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งนะ!
เฝยเฝยกำลังจะข่วนลู่หยวนเพื่อเป็นการลงโทษ เผื่อจะทำให้เขาชั่งน้ำหนักคำพูดในอนาคตได้
แต่ก่อนจะทันได้ลงมือ เฝยเฝยก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่อธิบายไม่ได้มาจากด้านหลัง
ความรู้สึกเย็นเยือกนี้คล้ายกับเย็นยิ่งกว่าสะพานไน่เหอ*[2] ถึงสามเท่า!
เฝยเฝยเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะพบว่าสีหน้าของกู้ชิงหรันหมองหม่นจนน่ากลัว
ดวงตาหนึ่งคู่จ้องตรงมาที่เฝยเฝยราวกับจะกลืนกินภายในพริบตา!
เฝยเฝยใจสลายด้วยความหวาดกลัวยิ่ง มันหลับตาและปิดหูด้วยสภาพร่างกายที่สั่นสะท้าน!
“ทำไมถึงสั่นล่ะ?”
ลู่หยวนเขย่าเฝยเฝย จากนั้นก็ยัดเข้าไปในอ้อมแขน
หลังจากเฝยเฝยเข้าสู่อ้อมแขนของลู่หยวนแล้ว มันก็รู้สึกถึงความปลอดภัย
สายตาของกู้ชิงหรันยังคงจับจ้องมาทางอ้อมแขนของลู่หยวน ริมฝีปากสีแดงของนางยกยิ้มเล็กน้อย ไม่ทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“ไปเถอะ ไปทางที่ชุ่ยฮวาบอกนั่นแหละ”
ลู่หยวนเป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว กู้ชิงหรันถอนสายตากลับมาก่อนจะลอบถอนหายใจ นางขยับเท้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะตามติดอีกฝ่าย
ซวี่รั่วหลิงรีบตามไปเช่นกัน
พวกลู่หยวนมาถึงใต้เทือกเขาที่ชุ่ยฮวาเพิ่งชี้ทาง
พวกเขาพบว่ามีทางขึ้นเขา
ทางขึ้นเขาถูกปูด้วยหินสีเขียวไม่ราบเรียบ ขณะขึ้นไป มันก็เริ่มหายเข้าไปในป่าเขาจนไม่เหลือร่องรอย
ด้านหนึ่งของทางขึ้นเขามีแผ่นหินขนาดใหญ่แทรกอยู่บนพื้นดิน พร้อมกับตัวอักษรสีแดงเข้มที่ถูกเขียนไว้อย่างบิดเบี้ยว
“เขาอู๋สิง ไม่มีการฝึกฝนที่นี่ ไม่มีการฝึกฝนในโลกใบนี้ ไม่มีการฝึกฝนในอาณาจักรนี้”
[1] รุ่งเรืองเพราะเซียวเหอ ดับก็เพราะเซียวเหอ เป็นสำนวนจีนที่สื่อถึงความสัมพันธ์ของแม่ทัพหานซิ่น กับอัครมหาเสนาบดีเซียวเหอ เซียวเหอไปพบตัวหานซิ่นตอนกำลังจะถูกตัดคอ ตอนหานซิ่นหนีจากหลิวปังไป เซียวเหอก็ลงทุนไปตามกลับมาด้วยตัวเอง และสุดท้ายก็เป็นเซียวเหอที่เชิญหานซิ่นให้ไปหาลิเฮาหญิงจอมแสบ จนถูกตัดคอ
[2] สะพานไน่เหอ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำลืมเลือน เพื่อก้าวผ่านหินสามชาติ และดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง ไปเข้าเฝ้ายมบาล เป็นสถานที่ในความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย